“พะ พ่อ!”
เสียงเล็กตะโกนลั่นห้อง ดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำจ้องเขม็งไปยังเบื้องหน้า สายตาที่มองตอบกลับมา เป็นสายตาของเด็กนักเรียนทั้งห้อง รวมไปถึงอาจารย์ประจำชั้น
“เด็กใหม่ เธอเป็นอะไรของเธอ!?”
อาจารย์ประจำชั้นรุ่นแม่เอ็ดเสียงดุ
“ปะ เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ขอโทษด้วยค่ะ”
เด็กสาวมอปลายกล่าวคำขอโทษด้วยถ้อยคำสุภาพ ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะสั่นเครือ แต่หยดน้ำตาที่ไหลริน ได้ถูกปาดออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือขึ้นเสยผมยาวสลวยสีน้ำตาล แล้วเบือนหน้ามองนอกหน้าต่างไม่สนใจสายตาอื่น
กริ้งงง!
สัญญาณเสียง บอกเวลาเลิกเรียน
มิรันรีบเก็บหนังสือลงกระเป๋าเป้สีแดง ก่อนจะรีบเดินสับขาออกไปจากห้อง ทว่าหน้าประตูกลับมีเพื่อนร่วมห้องสามคน เดินสวนเข้ามา พร้อมใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เธอเป็นเด็กติดพ่อเหรอ มิรัน?”
นักเรียนชาย รูปร่างสูงราวๆ ร้อยแปดสิบ เป็นหัวโจกของห้องเรียนนี้เอ่ยถาม พร้อมกับดึงกระเป๋าเป้ ไปจากมือเธอ
“เอากระเป๋าของฉันคืนมา” เสียงน่ารักสมกับใบหน้าจิ้มลิ้ม แต่กลับเฉยชาไร้ความรู้สึก โดยเฉพาะแววตาในตอนนี้
“คืนแน่ แต่เธอต้องบอกมาก่อน ว่าเธอเป็นใคร ไม่สิ เธอต้องบอกว่าพ่อของเธอเป็นใครต่างหาก ทำไมถึงมีอภิสิทธิ์เข้ามาเรียนในโรงเรียนอินเตอร์กลางคันได้ ทั้งที่โรงเรียนนี้ ไม่เคยรับ (ตามองรอยแผลเป็นบริเวณคอขาว) เธอเป็นลูกสาวของอันธพาลหรือว่าเป็นลูกสาวของพวกมีอิทธิพลกันแน่ละ?”
“เอาคืนมา”
มิรันเมินประโยคคำถาม มือเล็กเอื้อมไปคว้ากระเป๋าเป้ แต่กระเป๋านั้นกลับถูกโยนไปให้อีกคนด้านหลัง พอเธอตามไปเอาก็ถูกโยนไปหาอีกคน วนเวียนไปมาระหว่างสามคนนี้ จนสุดท้าย ไปหยุดลงที่หัวโจกผมสีเทา หน้าตากวนโอ๊ย
มิรันถอนหายใจ พลางยกมือขึ้นเสยผมยาวสลวย
“ขอนอกเรื่องหน่อย ไอ้มาร์ค กูว่าเด็กใหม่สวยดีว่ะ”
“ไอ้เว มึงอย่านอกเรื่อง” หัวโจกหันไปด่าเพื่อนตัวเอง
“แต่กูเห็นด้วยกับไอ้เวนะ สวยๆ แบบนี้ มึงน่าจะชอบ”
มิรันถอนหายใจให้กับบทสนทนาไร้สาระ ก่อนจะดึงกระเป๋าเป้คืนจากมือหัวโจก แล้วรีบเดินหนีไปจากบริเวณนี้
“มิรัน!”
ร่างสูงวิ่งตามมาดักหน้า พร้อมลูกสมุน
“ฉันมีแฟนแล้ว”
“ฮะ เธอว่าไงนะ!?”
“ตามนั้น เลิกยุ่งกับฉันสักที”
“เดี๋ยว!” มือใหญ่คว้าข้อแขนเล็ก
“ฉันว่าเธอเข้าใจอะไรผิดนะ ฉันไม่ได้...โอ๊ย!” ข้อแขนแกร่งถูกบิดเกลียว จนเสียงกระดูกดังลั่น ลูกหาบอีกสองคนที่เห็นภาพนั้น ถึงกับเบิกตาโต อ้าปากค้าง ด้วยความตกใจ
“ถ้าไม่ใช่อย่างที่ฉันเข้าใจ ก็เลิกยุ่งเรื่องของฉันซะ”
“อะ เออ ปล่อยก่อน ข้อมือหักหมดแล้ว แม่งเอ๊ย!”
มิรันยอมปล่อยตามคำขอ แล้วตวัดสายตาดุจเหยี่ยวจดจ้องไปยังลูกหาบสองตัว ที่ส่ายหน้าปฏิเสธความข้องเกี่ยว
เมื่อทางสะดวก ร่างผอมเพรียวจึงรีบเดินหนีไปจากจุดนี้แล้วกระโดดจากออกทางประตูรั้วเหล็กด้านหลังโรงเรียน
พรึบ!
มือขาวนวลขยับชุดสูทสีแดงที่สวมทับชุดนักเรียนสีขาวด้านใน มืออีกข้างปัดฝุ่นบริเวณกระโปรงพลีทสีแดงคลุมเข่า แล้วรีบวิ่ง ไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ที่จอดรอรับเธออยู่
“ชักช้า”
เสียงทุ้มไร้อารมณ์ อดไม่ได้ที่จะต่อว่า
“ขอโทษทีค่ะรุ่นพี่ พอดีว่ามีคนตามจีบ”
มิรันตอบติดตลก แต่อีกฝ่ายกลับดึงหน้านิ่ง
“ล้อเล่นค่ะ”
เขาไม่ตอบ แต่กลับโยนหมวกกันน็อกให้เธอสวมใส่
“เออ รุ่นพี่ค่ะ คือว่าวันนี้รันขอโดดซ้อมได้ไหมคะ?”
เจ้าของสายตาเย็นชา ตวัดมองเด็กสาวมอปลาย
“รันขออนุญาตบอสแล้ว…”
“ถ้าขอบอสแล้ว มาขอฉันอีกทำไม”
“ก็แค่…อยากให้รุ่นพี่เป็นคนพารันไป”
นัยน์ตาสีดำทมิฬจ้องลึกดวงตากลมสวย ก่อนจะหลับตาตัดสินใจสามวินาที แล้วมองหลังให้เธอขึ้นไปซ้อนท้าย จากนั้นก็พาไปยังสถานที่หนึ่งเป็นที่ที่สำคัญสำหรับมิรัน
สุสานแก๊งคาร์เทล
เด็กสาวมอปลายยืนสงบนิ่งหน้าสุสานของผู้เป็นพ่อ
แววตาที่ควรจะสดใสกลับอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น สองมือสั่นเทิ้มสอดประสานกันอย่างยึดมั่น ตั้งใจที่จะนำตัวคนที่ฆ่าพ่อมาจบชีวิตลงให้ได้ ชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด พ่อเคยบอกเอาไว้ และชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ถึงจะเหมาะสม
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หนูจะฆ่าคนที่ฆ่าพ่อให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต หนูก็ยอม…” มิรันเค้นเสียงสั่นเครือ สองมือเล็กกำหมัดแน่น ตาจ้องเขม็งอย่างตั้งใจ เธอยอมผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เพราะอยากให้คนที่ฆ่าพ่อ ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวด ความทรมาน ตลอดแปดปีที่ผ่านมา เธอฝังใจเจ็บเรื่องนี้ แล้วจะไม่มีวันปล่อยผ่านคนที่ฆ่าพ่อ อย่างแน่นอน
“รู้ใช่ไหม ว่าพ่อเธอไม่ได้ต้องการให้เธอทำแบบนี้”
มิรันมองหันข้างมองคนข้างกายที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ
“รุ่นพี่”
ทั้งสองมองหน้ากัน คนหนึ่งนิ่ง อีกคนก็นิ่งตาม
“เรื่องนี้รันขอเป็นคนตัดสินชีวิตตัวเองได้ไหมคะ?”
ร่างสูงในชุดสูทยืนนิ่ง ก่อนจะเดินจากไปในที่สุด
มิรันหันกลับมามองรูปถ่ายใบสุดท้ายของเราสองคนพ่อลูกอีกครั้ง แล้วเดินจากไป โดยที่ไม่ลืมวางช่อดอกไม้ไหว้พ่อในวันครบรอบแปดปีของการสูญเสีย ‘มาร์ติน' พ่อของเธอ
‘มาร์ติน' เป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง Bloodthirsty Killer หรือที่เรียกอีกชื่อว่าแก๊งคิลเลอร์ เป็นแก๊งนักฆ่า ที่มีผู้คุมเป็นมาเฟียใหญ่ แก๊งนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ ฆ่าเพื่อขายอวัยวะ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ศีลธรรม แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น ยังเปิดสถานบันเทิงให้เป็นสถานที่มั่วสุมยาเสพติด นำเข้า ส่งขายออกนอกประเทศ โดยใช้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งในการผลิตยานรกพวกนี้ มิหนำซ้ำยังรับจ้างวานฆ่า ผู้มีอิทธิพลมากมาย
ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงต้องล้างแค้นให้พ่อ ในเมื่อพ่อของเธอไม่ต่างจากฆาตกรที่อยู่ในกลุ่มแก๊งคิลเลอร์ เรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อแปดปีที่แล้ว หลังจากที่พ่อถูกยิงด้วยกระสุนปืนของชายปริศนา หลังจากที่มันฆ่าพ่อแล้ว มันก็ฝากรอยแผลเป็นเอาไว้บริเวณลำคอ พร้อมกับบอกว่า พ่อของเธอเป็นคนทรยศ สมควรตาย เธอเองก็เช่นกัน หากคิดจะเอาคืนแทนพ่อ เธอก็จะมีจุดจบเดียวกัน ที่สู้อย่างเสือ ตายอย่างหมา
ซึ่งเธอไม่มีทางเชื่อ ว่าพ่อของเธอจะเป็นคนทรยศ
หลังจากที่พ่อเสียชีวิตได้ไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งขับรถตู้มารับถึงหน้าบ้าน คนบนรถล้วนแต่ใส่ชุดสูทสีดำตัดขาวด้านใน แต่งตัวภูมิฐานไร้อาวุธ มีเพียงคำพูดที่เกลี่ยกล่อมเด็กน้อยให้ไปหาคนคนหนึ่ง คนคนนั้น เป็นคนที่รู้จักพ่อเธอดี
พอไปถึงคฤหาสน์หรูที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุง เด็กน้อยก็ได้พบกับ ‘บอส' หรือ ‘คาร์เทล' หัวหน้าแก๊ง Crimson Cartel เขาเป็นชายวัยกลางคน ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเธอ แต่หน้าตาดุดัน ไว้หนวด ไว้เครา น่ากลัวและน่าเกรงขาม
ครั้งแรกที่เจอกัน มิรันร้องไห้อย่างเดียว ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก เลยมีความกลัวมากกว่าความกล้า แต่เมื่อได้พูดคุย ได้น้ำอุ่นชโลมให้เย็นลง มิรันถึงได้รู้ว่า บอสคือคนที่พ่อเคยพูดถึง และพ่อก็ยังบอกอีกว่า บอสเป็นผู้มีพระคุณ ไม่ใช่ศัตรู ไม่ต้องกลัว หากคนคนนี้จะเข้ามารับเธอไปดูแลต่อ
ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้น ที่ ‘มิรัน' ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งนี้ เธอรู้สึกว่าการตายของพ่อมันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
ใครจะว่าพ่อ ว่าเป็นหนึ่งในนักฆ่าบ้าเลือด แต่เธอเชื่อว่าพ่อไม่เคยฆ่าใครโดยไร้เหตุผล นอกเสียจากป้องกันตัว พ่อสอนเธอให้เห็นคุณค่าในชีวิต ไม่มีทางที่พ่อจะไปเอาของคนอื่นแน่นอน ส่วนเรื่องการทรยศ หักหลัง บอสเล่าให้ฟังว่าพ่อต้องการที่จะออกจากวงการนักฆ่า เพราะถูกสั่งให้มาฆ่าบอส ทั้งที่แก๊งนี้เป็นแก๊งพันธมิตร และพ่อกับบอสก็เป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อจึงตัดสินใจถอนตัวออกจากแก๊งคิลเลอร์ แต่มันไม่ง่าย เพราะฝั่งนั้นต้องการเก็บนักฆ่าที่ถอนตัวโดยการหมายหัวให้คนในแก๊งมาตามไล่ล่าแล้วฆ่าทิ้ง
มิรันรู้มาว่า คนที่ฆ่าพ่อเป็นเพื่อนร่วมแก๊งคิลเลอร์ แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะจำหน้าคนคนนั้นไม่ได้ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่จำได้ นั่นก็คือปานแดงหลังท้ายทอย เพราะตอนที่ถูกฝากรอยแผลด้วยคมมีดเธอดึงฮู้ดมันออกทำให้เห็นสัญลักษณ์นั้น
ความแค้นที่ลูกสาวคนนี้ต้องการจะสะสาง มีเพียงผู้ชายคนนั้น ที่เธอจะต้องฆ่าเพื่อแลกชีวิตพ่อของเธอที่จากไป
ส่วนหลังจากนั้น เธอยังไม่มีแพลนในอนาคต เพราะการฆ่าคนคนหนึ่งที่เป็นถึงนักฆ่ามือฉกาจน์มันไม่ใช่เรื่องง่าย
เธออาจจะถูกคนที่ฆ่าพ่อ ฆ่าตายเช่นเดียวกัน
แล้วสิ่งเดียวที่เลี่ยงความตายได้ คือต้องสู้กับมัน
บรืนนน!
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่โลดแล่นไปบนท้องถนน
ท้องฟ้าในวันนี้มืดครึ้มคล้ายฝนจะตกในอีกไม่ช้า
“โอ๊ะ?”
คนซ้อนส่งเสียงในลำคอด้วยความฉงนสงสัย ดวงตากลมสวยภายใต้หมวกกันน็อกใบใหญ่ จ้องมองเส้นทางที่ไม่ใช่ทางที่คุ้นเคย แต่ยังไม่เอ่ยถามคนขับ จนกระทั่งรถขับมาจอดที่หน้าร้านอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของ ‘แก๊งคาร์เทล’
แก๊ง Crimson Cartel หรือที่เรียกกันว่า แก๊งคาร์เทล ถูกยกให้เป็นแก๊งพันธมิตรกับประเทศชาติ เพราะแก๊งนี้ทำธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจนำเข้ารถยนต์ ส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่งออกอาหารแปรรูป อีกทั้งยังทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวไม่ต่ำกว่าห้าสิบแห่ง เป็นเจ้าของร้านอาหารจีนมากกว่าพันสาขาทั่วประเทศ แล้วยังมีการสร้างแบรนด์แฟชั่นมากมาย ทั้งไทยไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่นเรียกได้ว่าครอบคลุมด้านธุรกิจทั่วทั้งเอเชีย ทำให้แก๊ง Crimson Cartel เป็นมาเฟียที่ได้รับการยอมรับ ไม่เคยมีข่าวอาชญากรรม มีแต่แก๊งอื่น ที่หมายหัวแก๊งนี้ เพราะไม่ชอบใจที่แก๊งมาเฟียเป็นพันธมิตรกับประชาชน แถมยังได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลเพราะคนในแก๊งช่วยปราบปรามมาเฟียแก๊งอื่น ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย
“น้องเล็กมาแล้ว!”
ทันทีที่รองเท้านักเรียนก้าวผ่านประตูร้าน
เสียงเข้มก็ตะโกนดังลั่น ก่อนที่ชายฉกรรจ์ห้าสิบกว่าคน จะพากันลุกออกจากโต๊ะจีน ตรงดิ่งเข้ามาหาเด็กสาวมอปลาย พร้อมกับส่งกล่องของขวัญสีแดงแรงฤทธิ์ให้คนละกล่องสองกล่อง พี่บางคนก็เบิ้ลให้ เพราะอยากเอาใจน้องเล็ก
“สุขสันต์วันเกิดนะ น้องเล็กผู้น่ารัก~”
กล่องของขวัญถูกส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู
“โง้ย~ ขอบคุณนะคะ”
มิรันส่งยิ้มสดใสสมวัยพร้อมกล่าวคำขอบคุณรุ่นพี่ในแก๊ง ส่วนใหญ่จะอายุมากกว่าเธอ 5 – 20 ปี จริงจัง แล้วคนที่อายุห่างมิรัน 20 ปี ก็คือคนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ เนี่ยแหละ
“อันนี้ของพี่โจโฉสุดหล่อ สามกล่องไปเลยน้องรัก~”
พี่โจโฉเป็นหนึ่งในรุ่นพี่ที่สนิทกันมาก ในตอนแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในแก๊งนี้ เชื่อไหมว่าพี่โจโฉเป็นคนเดียวที่แสดงออกว่าเกลียดเด็กผู้หญิง เพราะตอนนั้นเธอเอาแต่ร้องไห้ งอแง คิดถึงพ่อที่จากไป เลยโดนพี่โจโฉดุเป็นประจำ ด่าจนร้องไห้ก็เคยมาแล้ว เพราะเธอหัวอ่อนไปเสียทุกเรื่องจนหน้าขัดใจ ทักษะไม่ได้ สู้ไม่เป็น โดนเขกหัวบ่อยจนสมองบวม
ทว่าปัจจุบันนี้ เธอถูกยกให้น้องรักของพี่โจโฉ จากโดนเขกหัวก็กลายเป็นโดนหอมหัว คนนอกแก๊งแตะต้องไม่ได้เลย ถ้าพี่โจโฉรู้เข้า หมี่เหลืองแน่นอน [ผู้ชายคนนั้นอาจจะโดนเขกกะโหลกสมองบวม เหมือนที่เธอเคยโดนวัยกระเตาะ]
“มะงื้อ พี่โจโฉน่ารักที่สุดในโลกเลย~”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว มาม๊ะ มาหอมหัวที~”
มิรันเดินดุกดิกเข้าไปให้พี่โจโฉหอมหัว ทว่ากลับมีมือปริศนายื่นมาดันหน้าผากกลมมนเอาไว้ ไม่ให้คนตัวเล็กเข้าหาผู้ชาย ถึงแม้ว่ามิรันจะสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบ แต่ถ้ามาอยู่กลางดงชายฉกรรจ์ที่สูงร้อยแปดสิบบวก ตัวก็จะหดลงทันตา
โดยเฉพาะพี่ไค ที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ [โคตรสูง!]
“ขัดกูอีกแล้วนะมึง”
พี่โจโฉค้อนควักใส่เจ้าของมือ สองคนนี้อายุใกล้เคียงกัน พี่ไคสามสิบแปด พี่โจโฉสามสิบเจ็ด เลยไม่ได้นับถือเป็นรุ่นพี่ จะมีก็แต่ ‘พี่คิเรียล’ ลูกชายคนเดียวของบอสที่เป็นรุ่นพี่ของคนทั้งแก๊ง พี่คิเรียลอายุสี่สิบ [ที่ยังเรียกพี่ เพราะพี่เขาน่าเด็กมาก เหมือนบอสที่อายุจะหกสิบแล้ว แต่ไม่ยอมแก่เสียที]
อนาคตพี่คิเรียลจะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง Crimson Cartel คนต่อไป แต่ก่อนจะรับตำแหน่ง เธอได้ยินมาว่าพี่คิเรียลต้องแต่งงาน เพราะก่อนหน้านี้ พี่คิเรียลทำงานหนักมาก เดินสายทำธุรกิจจนไม่มีเวลาหาแฟนสาว ถึงได้ปล่อยสถานะโสดมาสี่สิบปี ปัจจุบันก็ยังไม่กลับมาจากญี่ปุ่นเลย [ขยันจริง]