บทที่ 3

2475 คำ
“น้องรัก!” หลังจากรายงานตัวเสร็จสรรพ พี่โจโฉก็รีบวิ่งเข้ามาหา พร้อมน้ำดื่มหนึ่งขวด สถานที่ที่เธอออกกำลังกาย อยู่ในเขตของแก๊ง Crimson Cartel ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร เพราะนอกจากเธอแล้ว ก็ยังมีรุ่นพี่คนอื่นๆ ออกมาวิ่งวอร์มกล้ามเนื้อ เพื่อที่จะไปเข้ายิมฝึกซ้อมตั้งแต่รุ่งเช้า ทำให้ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ได้พบปะกับรุ่นพี่ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนเธอก็ต้องไปเรียนตามหน้าที่ ถึงจะอายุสิบแปดปีบริบูรณ์แล้ว แต่ทว่าเธอเข้าเรียนช้า (มัวแต่ปรับตัวในช่วงแรก) จึงต้องเรียนอีกเทอม เพื่อจบหลักสูตรมอปลาย “เมื่อคืนได้เเกะของขวัญหรือยัง?” พี่โจโฉถามต่อ “แกะแล้วค่ะ~ ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาหมี ยาคลายกล้ามเนื้อ แล้วก็มีดพกนะคะ ช่างเป็นอะไรที่เข้ากั๊น เข้ากัน~” “ฮ่าๆๆๆ” พี่โจโฉหัวเราะ พร้อมกับขยี้หัวเอ็นดูน้องเล็ก “ก็ของพวกนี้เป็นของจำเป็นไง พี่รู้ว่ายังไงเราก็ต้องได้ใช้ ตุ๊กตาหมีใช้กอด ยาคลายกล้ามเนื้อใช้ทา มีดพกใช้ป้องกันตัว เห็นไหม มีประโยชน์ทุกชิ้นเลย” เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มผงกหัวหงึกๆ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ของขวัญของพี่โจโฉในทุกๆ ปี ส่วนใหญ่จะเป็นของที่เธอได้ใช้จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าของรุ่นพี่คนอื่นๆ จะไม่ได้ใช้นะ ส่วนใหญ่ของขวัญที่ได้รับมาสามร้อยกว่ากล่อง (มารับที่นี่ด้วย) จะเป็นของขวัญน่ารักสไตล์ผู้หญิง เพราะเห็นว่าเธอยังเด็ก เลยให้ของพวกนี้กันซะส่วนใหญ่ (ล่าสุดยังแกะไม่หมด อยู่ในห้องเก็บของขวัญ เพราะทุกปีเธอจะได้รับของขวัญเยอะมาก จนพี่คิเรียลต้องขยายห้องอีกห้องหนึ่งให้มิรันสะสมของขวัญ เป็นกรณีพิเศษ) คิดดูของขวัญรวมกันแปดปี ตุ๊กตาหมีเต็มตู้กระจก ยังไม่รวมเครื่องประดับ สร้อยเพชร ต่างหู นาฬิกา กระเป๋าอีก เรียกได้ว่า มีทุกแบรนด์ ที่เหล่ารุ่นพี่จะกวาดตลาดซื้อมาให้ได้ “มิรัน~” รุ่นพี่สิบกว่าคนวิ่งมาหาน้องเล็ก แต่ละคนใส่แค่เพียงกางเกงวอร์มสีแดงตัดดำ โชว์กล้ามหน้าท้องซิกซ์แพ็กแน่นปั๊ก กับลายสักที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ตอนแรกเธอยอมรับว่ายังไม่ชิน ที่ต้องมาเห็นเพศตรงข้ามถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อแบบนี้ ทว่าตอนนี้ชินแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่หล่อคม หล่อตี๋ หรือแม้กระทั่งหล่อเหลา ก็ทำให้หวั่นไหวไม่ได้ เพราะถ้าไหวหวั่นง่าย คงรับรักรุ่นพี่ที่เข้ามาขายขนมจีบทุกคน ลำพังหวั่นไหวกับคนคนเดียวก็ลำบากใจจะแย่แล้ว แถมยังไม่มีแววที่จะสมหวังอีกด้วย เฮ้อ… “แกะของขวัญของพวกพี่หรือยังครับ?” ว่าแล้วเชียว คำถามเดียวกันกับพี่โจโฉเลย “เฮ้ย พวกมึงก็ใจเย็นๆ หน่อยดิวะ ของขวัญสามร้อยกว่ากล่อง ใจคอจะให้น้องมันนั่งแกะทั้งคืนเลยหรือไง?” พี่โจโฉตอบแทนเป็นปกติที่พี่เขาจะตอบให้ (เพราะหวงน้องแหละ) “รันแกะแล้วค่ะ ชอบของขวัญทุกชิ้นที่พวกพี่ให้เลย” เธอไม่อยากทำให้รุ่นพี่คนอื่นๆ เสียน้ำใจ เลยเสริมคำพูดพร้อมกับยกมือไหว้แทนคำขอบคุณ อีกทั้งยังแจกรอยยิ้มที่สามารถทำให้เพศตรงข้ามใจละลายได้ เคยมีคนบอกว่า รอยยิ้มของเธอ สามารถทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมาได้ แล้วเจ้าของคำพูดนั้น ก็ไม่ใช่ใคร นอกเสียจาก พ่อของเธอ “พี่ตั้งใจเลือกให้เป็นพิเศษเลยนะครับ~” พี่กวิน ชายหนุ่มหุ่นล่ำ เจ้าของลายสักรูปงู พูดพลางเอื้อมมือมา หวังจะจับข้อแขนเล็ก แต่ยังไม่ทันที่จะได้สัมผัสผิวเนียนนุ่ม พี่โจโฉก็รีบปัดมือออก พร้อมกับง้างมัดใส่รุ่นน้อง “กูบอกแล้วไง ว่าอย่าทำตัวหน้าหม้อใส่น้อง” “โธ่พี่โฉ~ ผมก็แค่อยากแสดงความจริงใจเท่านั้นเอง” “จริงใจเชี่ยอะไรไอ้เฒ่าหัวงู ไปเลยนะมึง รีบไปเข้ายิม ก่อนที่จะได้แดกหมัดแทนอาหารเช้า พวกมึงก็ด้วย วันนี้เฮียเรียลเข้ายิม อย่าทำตัวโอ้เอ้ เดี๋ยวจะโดนย้ายออกไปอยู่ที่อื่น” “รับทราบครับ พวกพี่ไปก่อนนะน้องเล็ก~” “สู้ๆ นะคะ มิรันเป็นกำลังใจให้” เด็กสาวยกสองหมัดเล็ก พลางคลี่ยิ้มหวานเชื่อมให้กำลังใจรุ่นพี่ทุกคน พวกเขากระโดดกอดคอกันอย่างดี้ด๊า ก่อนจะพากันไปเข้ายิม ส่วนมิรัน ก็โดนแจกมะเหงกไปหนึ่งที ป๊อก! “บอกแล้วไง ว่าอย่าไปเล่นกันพวกมัน” “โอ๊ย~ พี่โจโฉ ไหง๋มาเขกหน้าผากหนูได้” มิรันพูดพลางยกมือขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ “แล้วทำไมจะเขกไม่ได้ รู้ใช่ไหมว่าโตเป็นสาวแล้ว จะพูดคุยกับผู้ชายก็ต้องเว้นระยะห่างแล้วก็อย่าให้ถึงเนื้อถึงตัว” “แล้วที่พี่เขกมะเหงก ไม่เรียกว่าถึงเนื้อถึงตัวเหรอ?” “ยังจะมาย้อนอีกนะ พี่เป็นใคร ไหนบอกมาชัดๆ ดิ” “เป็นใครน้า~” มิรันเชิดหน้าจิ้มลิ้ม ทำหน้าตาครุ่นคิด สร้างความมันเขี้ยวให้แก่อีกฝ่าย จนโดนหยิกแก้มทั้งสองข้าง “นั่นสิ เป็นใครน้าาา~” “ปะ เป็นพี่ชายที่หนูรักที่สุดในโลก” “อะไรนะ พี่ไม่ได้ยินนน~” ยืดแก้มนุ่มเป็นชีสเลย ง่า ปวดแก้ม “เป็นพี่ชายที่หนูรักที่สุดในโลกค่าาา!” “ใช่แล้ว ต้องแบบนี้สิ พูดเสียงดังฟังชัด” พี่โจโฉผ่อนแรงหยิก พลางลูบแก้มแดงซ่าน แล้วคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะกอดคอน้องสาวอย่างสนิทสนม พาไปส่งที่ห้องพัก ที่อยู่ชั้นสี่ของคฤหาสน์ เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน (ชั้นห้า ทั้งชั้นเป็นห้องของพี่คิเรียล ส่วนเธออยู่ชั้นเดียวกันกับพี่โจโฉ แล้วก็พี่ไค ชั้นสามลงไปเป็นของรุ่นพี่คนอื่น ใครชอบความเป็นส่วนตัวจะพักที่คฤหาสน์หลังนี้ ส่วนใครที่ชอบอยู่ร่วมกัน สายสังสรรค์ยามดึก ต้องไปอยู่คฤหาสน์ที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบาส ตรงนั้นจะมีโรงยิม สระว่ายน้ำและโรงเหล้าอยู่ครบครัน) มิรันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบนาที เพราะมีทุกอย่างเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว เด็กสาวมอปลายในชุดนักเรียนสีแดงตัดขาว ดูเป็นสีสันที่สดใสสำหรับแก๊งมาเฟียที่แต่งคลุมโทนสีดำ ทันทีที่เธอเดินผ่านหน้าโรงยิม ก็มีสายตาชายฉกรรจ์นับร้อย จ้องมองมาที่มิรัน พลางโบกไม้ โบกมือให้ เด็กสาวได้แต่ยกมือไหว้พลางยิ้มรับ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่คนคนหนึ่ง เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ โรงยิม แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ใส่สูท ผูกเนคไท ดูโดดเด่นมาก น่าแปลกที่ไม่ค่อยถอดเสื้อโชว์กล้าม แต่กลับสว่างไสวอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเป็นแสงในกลุ่มชายฉกรรจ์ ไม่ว่าจะยืนหลบอยู่ในมุมไหน ก็จะเห็นชายคนนี้อยู่ในสายตาเสมอ “วันนี้พี่เป็นคนไปส่งนะ ไอ้ไคต้องไปทำงานกับเฮีย” “โอเคค่ะ” ยิ้มรับ ทั้งที่หัวใจรู้สึกวูบโหว่งยังไงก็ไม่รู้ เจ้าของทรงผมสีเทาหม่น กอดคอน้องสาวพาไปที่รถสปอร์ตคันหรู ก่อนจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ เปิดประตูรถให้ แต่ก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั่ง พี่คิเรียลในชุดสูททักซิโดสีขาวสะอาดตาก็เดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับส่งยิ้ม ทักทายเราทั้งคู่ “อรุณสวัสดิ์อีกครั้งครับเฮีย~” พี่โจโฉก้มหัวทำความเคารพ พลางยิ้มตอบ “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เธอยกมือไหว้แทนการก้มหัว “ยูนิฟอร์มสวยดีนะ ว่าจะชมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เธอยิ้มรับ ทว่าสายตากลับมองไปที่ใครบางคน ที่กำลังเดินตามมา สามหนุ่ม สามสไตล์ พี่ไคเป็นคนตัวสูงที่สุด ถ้าจำไม่ผิด พี่ไคเป็นลูกครึ่งไทยเกาหลี ส่วนพี่โจโฉเป็นลูกครึ่งไทยจีน พี่เรียวตะหรือพี่คิเรียลบอกไปแล้วว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น [อเมริกา – ญี่ปุ่น ไม่มีสายเลือดไทย แต่บอสทำธุรกิจที่ไทยจนขยายวงการเป็นที่รู้จักของผู้มีอิทธิพลทั่วทั้งประเทศ] หน้าตาของแต่ละคน เลยมีความหล่อเหลาคนละแบบ พี่โจโฉเป็นหนุ่มตี๋ ผิวขาว ผมสีเทา ตาชั้นเดียว สูงร้อยแปดสิบห้า พี่คิเรียลเป็นหนุ่มหน้าคม แต่คมในแบบญี่ปุ่น ไม่ใช่แบบไทย ผิวแทนสุขภาพดี ผมสีน้ำตาล มีเคราเล็กน้อย หน้าตาถอดแบบจากบอสมาไม่มีผิด ดูสุขุม น่าเกรงขาม จะต่างก็ตรงที่ยิ้มปุ๊บ มีเสน่ห์ปั๊บ (เวลายิ้มดูอบอุ่นมาก) ตัวสูงร้อยแปดสิบแปด ส่วนคนสุดท้าย พี่ไค หนุ่มหน้าเดียว (หน้านิ่ง) ผิวขาว ตาสองชั้น คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักได้รูป สีชมพูน่าจูบ (มะ ไม่ใช่แล้ว ตั้งสติยัยมิรัน!) เป็นคนหล่อที่เข้าถึงยากมาก เพราะปกติจะประหยัดคำพูด ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็จะไม่มีทางได้ยินประโยคยาวๆ จากปากของผู้ชายคนนี้ (นอกจากเมื่อวาน ที่เธอโดนด่านั่นแหละ) “เย็นนี้ว่างไหม?” พี่คิเรียลถามเธอ “จะบอกว่าว่างก็ไม่เชิงค่ะ ยังมีกล่องของขวัญให้แกะอีกเพียบเลย” มิรันตอบตามความเป็นจริง อีกฝ่ายเลยพยักหน้ารับ แล้วเสนอตัวมาช่วยแกะของขวัญอีกแรง เพราะนอกจากแกะออกมาแล้ว ก็ต้องจัดเรียงเข้าตู้เก็บให้ทุกชิ้นอยู่ในสภาพสวยงาม จะได้ไม่เก่าเก็บ จนทำให้ของขวัญเสียหาย “หนูจะไปรบกวนเวลาของพี่หรือเปล่าคะ?” มิรันเกรงใจ กลัวว่าจะไปรบกวนเวลาอันมีค่าของพี่คิเรียล พี่เขามีงานเกี่ยวกับธุระหลายอย่างที่ต้องจัดการ หากมาช่วยเธอเก็บของพวกนี้เกรงว่าพี่เขาจะเสียเวลาไม่น้อยเลย “ไม่หรอก พี่ยินดีที่จะช่วย อันที่จริง เราไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ได้กลับมามีเวลาอยู่ด้วยกันสักครึ่งวัน ก็คงจะดีไม่น้อยเลย ว่าไหม?” พี่คิเรียลพูดพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวเธอ “ค่ะ” มิรันยิ้มตอบ แต่สายตาก็แอบเหลือบมองคนตัวสูง ผมสีดำที่กำลังยืนชักสีหน้า มือหยิบบุหรี่ม้วนใหม่ขึ้นมาจุดสูบ ส่วนพี่โจโฉไม่มีทีท่าหวงน้องสาว เพราะเฮียเป็นข้อยกเว้น “แล้วเจอกันตอนเย็นนะ” เด็กสาวผงกหัวรับหงึกๆ ก่อนที่พี่คิเรียลจะเดินไปขึ้นรถซุปเปอร์คาร์อีกคัน พร้อมกับพี่ไคที่เป็นคนขับให้ส่วนเธอก็นั่งรถสปอร์ตไปโรงเรียนกับพี่โจโฉ “น้องรัก เลิกเรียนแล้วโทรมานะ” พี่โจโฉบอกก่อนที่จะขับรถออกไป มิรันกระชับเสื้อสูทสีแดงซ่าน มืออีกข้างมัดรวบผมยาวสลวยสีน้ำตาลให้เป็นทรงหางม้า ก่อนจะย่างกรายเข้าไปในโรงเรียนอินเตอร์ ที่เธอต้องย้ายเข้ามากลางเทอม เนื่องจากโรงเรียนเก่า มีคนรู้ว่าเธอเป็นเด็กของใคร เลยตัดปัญหาย้ายเขตมาที่นี่ จะได้ไม่ต้องมีคนมาวุ่นวายชีวิตส่วนตัว แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องที่ควบคุมยากมาก ถึงเธอไม่บอก ก็มีคนไปสืบจนรู้ ว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของแก๊งมาเฟีย ทั้งที่จริงแล้ว เธอไม่ใช่เด็กเลี้ยง แต่เป็นสมาชิกคนหนึ่งในแก๊งต่างหาก (อายุครบยี่สิบเมื่อไหร่ มิรันจะได้เริ่มทำงานแน่นอน) “นี่!” ระหว่างที่กำลังเดินไปยังตึกเรียน หัวโจกหัวเทาที่มาหาเรื่องเธอเมื่อวาน ก็เดินมาดักหน้าพร้อมลูกสมุนอีกสองคน “เห็นมือนี่ไหม?” อีกฝ่ายโชว์ข้อมือข้างซ้ายที่ใส่เฝือก “เธอเป็นคนทำ เธอต้องรับผิดชอบโดยการเป็นมือให้ฉัน” พูดจบ ลูกหาบสองคนด้านหลัง ก็ถือกองสมุดการบ้านมายัดใส่มือเธอ แต่เธอไม่รับแถมยังปล่อยสมุดพวกนั้นลงพื้น “นี่ มิรัน!” “ฉันมาเรียนหนังสือ ไม่ได้มาเป็นเบ๊นาย” “แต่เธอเป็นคนทำข้อแขนฉันหัก เธอต้องรับผิดชอบดิวะ!” มิรันยักไหล่ เชิงไม่สนใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง “มิรัน!” รีบวิ่งมาดักหน้าไว้ พร้อมลูกหาบ “นายจะตะโกนเรียกชื่อฉันอีกนานไหมฮะ?” “ฉันจะเรียกเธอ จนกว่าเธอจะรับผิดชอบ” “นายมาหาเรื่องก่อน แล้วจะให้ฉันรับผิดชอบอะไร?” “ก็รับผิดชอบที่ฉันให้ฉันเจ็บนี่ไงถึงฉันหาเรื่องเธอก่อน แต่ฉันยังไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอเลยนะเว้ย” อีกฝ่ายท้วงหนัก “สรุป แค่จะให้ฉันทำการบ้านใช่ไหม?” เธออยากตัดบทไวๆ เลยถามจุดประสงค์ไปเลย “ใช่ เธอต้องทำการบ้านแทนฉันให้หมดทุกวิชา” “โอเค ตามนั้น” เธอเดินกลับไปหยิบสมุดการบ้านห้าเล่มขึ้นมาถือ ก่อนจะยกให้อีกฝ่ายดู ว่าเธอรับผิดชอบมันแล้ว “ทำให้ถูกด้วยนะเว้ย ถ้าทำผิด ฉันจะฆ่าเธอ!” มิรันทำปากมุบมิบ แล้วเดินผ่านสามคนนั้นไป หลังจากขึ้นมาถึงห้องเรียน มิรันก็เก็บสมุดการบ้านเอาไว้ใต้โต๊ะ รอจนกว่าจะหมดคาบเรียนแรก ถึงจะเอาสมุดการบ้านเหล่านั้นขึ้นมาทำ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที การบ้านทั้งห้าวิชา ก็เสร็จสมบูรณ์ ขณะที่สามคนนั้น ยังจ้องมองมาที่เธอ เจ้าของร่างเพรียวปิดสมุด พลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วถือสมุดการบ้านไปวางเอาไว้บนโต๊ะของหัวโจก ที่ทำหน้าตาเหลือจะเชื่อ ที่เธอมันเสร็จภายในระยะเวลาไม่กี่นาที หัวโจกรีบเปิดดูเนื้อความด้านใน พร้อมกับผลักลูกสมุนให้ไปเอาการบ้าน ของหัวหน้าห้องมาเปรียบเทียบ ว่าทำถูกหรือเปล่า? ซึ่งแน่นอน ว่าคำตอบในสมุดการบ้านนั้น…ถูกทุกข้อ “เก่งเหมือนกันนี่หว่า” หัวโจกถึงกับหลุดเอ่ยปากชม “ถือว่าฉันรับผิดชอบแล้ว ฉะนั้น อย่ามายุ่งกับฉันอีก” มิรันพูดตัดบท ก่อนจะย้ายร่างผอมเพรียวกลับไปนั่งที่โต๊ะ แล้วทอดสายตาคู่สวย มองไปยังบรรยากาศด้านนอก ที่วันนี้ครึ้มฟ้า ครึ้มฝนเหมือนเมื่อวาน (ทว่าเมื่อวานฝนไม่ตก)
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม