หลังจากหญิงสาวลงจากรถ คนทั้งสองก็ยังไม่เดินทางจากไปคล้ายกับกำลังรอตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอพักอยู่ที่นี่ แพรไหมจึงต้องแสร้งทำเป็นเดินเข้าไปในตึกและแอบมองกระทั่งรถสีดำคันหรูแล่นห่างไปแล้วถึงได้เดินกลับออกมา
การกระทำเช่นนี้ของเธอดูเหมือนมากเกินไปก็จริง ทว่าหญิงสาวเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ทั้งสายตาทั้งการกระทำของเจ้านายหนุ่มดูไม่ใช่การกระทำปกติซึ่งควรปฏิบัติกับพนักงาน มันคงไม่แปลกถ้าเธอจะระวังตัวมากขึ้นอีกนิด
แน่นอนว่าในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา การได้เห็นนิสัยและการปฏิบัติตัวในด้านอื่น ๆ ของเขา ทำให้เธอประทับใจชายหนุ่มมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอควรลดการระมัดระวังตัว แพรไหมยังจำได้ดีว่าช่วงแรกที่เขาเพิ่งมาถึงเมืองไทย โลเวลล์พาแฟนมาด้วย และเขาก็บังคับจูบเธอทั้งที่แฟนของตัวเองยังอยู่บนชั้นวีไอพีของโรงแรม แม้ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเดินทางกลับไปแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอควรทำตัวเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของคนอื่น
หญิงสาวแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อหาของกินมื้อดึก แต่พอออกมาจากร้านกลับพบว่าสายฝนเริ่มลงเม็ดปรอย ๆ เธอไม่ได้อยากเดินตากฝนเท่าใดนัก แต่เพราะตอนนี้มันดึกเกินกว่าจะรอให้ฝนหยุดอีกทั้งฝนก็ไม่ได้ตกหนักมากถึงเพียงนั้น เธอจึงเร่งฝีเท้ารีบเดินกลับห้อง
แพรไหมจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่มาถึง ทว่าเพราะดึกเกินไปเธอจึงรู้สึกขี้เกียจสระผม แม้แต่มื้อดึกที่เพิ่งซื้อมา เธอยังวางทิ้งไว้เช่นนั้นและล้มตัวลงนอนเลย ผ่านไปแค่ครู่เดียวหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย
แพรไหมตื่นขึ้นมาด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ตั้งแต่ย้ายตำแหน่งแพรไหมต้องทำงานหนักมากขึ้น แน่นอนว่ามันแลกมากับเงินเดือนที่สูงขึ้น ถึงอย่างนั้นบางครั้งหญิงสาวก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า เธอทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า อย่างไรก็ดีเมื่อคิดในอีกแง่อาจเป็นเพราะร่างกายของเธอยังปรับตัวไม่ได้
ครั้นมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าสายฝนยังลงเม็ดโปรยปราย
‘ขี้เกียจจัง’ อาจจะเหนื่อยเพราะกำลังจะเป็นประจำเดือนด้วย ความรู้สึกจึงหดหู่คูณสอง
แต่เธอก็ก้าวขาลงจากเตียงเข้าไปอาบน้ำ จากนั้นใส่ชุดง่าย ๆ ที่ไม่รัดหน้าท้องมากเพื่อออกไปทำงาน เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินทะเลกับกระโปรงสีดำ รองเท้าคัทชู จากนั้นตบแป้งนิดหน่อยกับทาลิปสติก หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจกเพื่อเช็กความเรียบร้อยแล้วจึงรีบเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงาน ไม่ลืมถือร่มติดมือมาด้วย เนื่องจากสายฝนทำท่าว่าจะเทกระหน่ำลงมามากกว่าเดิม
แพรไหมรู้สึกได้ว่าอากาศในรถไฟฟ้าเย็นเยียบมากกว่าทุกวัน ถึงกระนั้นเธอก็ได้แต่อดทนไว้ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น เธอจามออกมาหลายครั้งก่อนจะรู้สึกว่าหน้าผากร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ผสมกับอาการมึนศีรษะ ทำให้เธอนึกถึงยาลดไข้แก้ปวดขึ้นมาทันที ฉะนั้นหลังลงจากรถไฟฟ้าเมื่อถึงสถานีซึ่งใกล้กับที่ทำงาน เธอจึงตรงไปหาร้านขายยาเป็นอันดับแรก จัดการซื้อยาและหาน้ำดื่ม กินยาเรียบร้อยแล้วถึงเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้า
ที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดถนนเส้นหลักก็จริงแต่ยังห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไปอีกเล็กน้อย หญิงสาวจึงต้องเดินกางร่มท่ามกลางสายฝนและกว่าจะถึงโรงแรม อาการหนาวสั่นก็กลับมาเล่นงานอีกหน ยิ่งได้สัมผัสกับความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศ ร่างกายของเธอถึงกับขนลุกซู่ขึ้นฉับพลัน
แพรไหมเดินขึ้นลิฟต์มาได้อย่างงง ๆ เธออยู่ในอาการเบลอ ยาควรจะออกฤทธิ์แล้วแต่เธอกลับไม่รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ยามเดินผ่านโต๊ะทำงานของแทรี่ เธอได้เอ่ยทักทายเขาเล็กน้อย
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับสายตาแสดงความสงสัย “คุณแพรไหมไม่สบายเหรอครับ หน้าแดงเชียว”
“นิดหน่อยค่ะแต่ว่าฉันกินยาแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“ถ้าไม่ไหวยังไงก็ขอลาพักได้นะครับ เจ้านายไม่ใจร้ายถึงขนาดนั้น” คู่สนทนาพูดติดตลก แพรไหมพยักหน้ารับรู้ทว่าไม่ตอบอันใดอีกทำเพียงค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวไปทำงาน
หญิงสาวหย่อนตัวลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานพลางเริ่มจัดการงานของวันเฉกเช่นปกติ ในใจหวังว่ายาที่กินเข้าไปจะออกฤทธิ์แล้วทำให้อาการของเธอทุเลาลง แต่มันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ยิ่งผ่านไปนานเท่าไรอาการของเธอก็เหมือนจะยิ่งหนักขึ้นจนหญิงสาวไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานตรงหน้า เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืนโดยตั้งใจว่าจะเดินไปหาเจ้านายเพื่อขออนุญาตลางานหนึ่งวัน ทว่ายังไม่ทันทรงตัวให้ดีทั้งร่างก็ล้มไปกองกับพื้นเสียก่อน
โลเวลล์เงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียง ก่อนต้องตกใจกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น “แพรไหม!” ร้องเรียกพลางรีบวิ่งเข้าไปหา ทันทีที่แตะผิวเนื้อก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอร้อนจี๋
ชายหนุ่มรีบอุ้มเธอไปนอนที่โซฟา จากนั้นหุนหันเปิดประตูห้องออกไปสั่งให้แทรี่รีบตามหมอ ลูกน้องคนสนิทจัดการตามคำสั่งแล้วจึงเข้ามาดูอาการคนป่วย
“ว่าแล้วเชียวเมื่อเช้าผมก็เห็นว่าคุณแพรไหมสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ให้เธอกลับไปพัก”
“อ้าว! ก็เธอบอกว่าไม่เป็นอะไรนี่ครับ”
“เออ ๆ ช่างเถอะ แล้วตกลงนี่ควรต้องทำยังไง และอีกนานไหมกว่าหมอจะมา”
“อีกครู่เดียวคุณหมอก็มาแล้วครับ เป็นคุณหมอที่ประจำอยู่ในห้องพยาบาลของโรงแรม ส่วนตอนนี้เจ้านายจะเช็ดตัวเธอก่อนไหมล่ะครับ”
“เช็ดตัว? ก็ดีไปเตรียมอุปกรณ์มาซะ” โลเวลล์ทำสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมยกยิ้มกรุ้มกริ่ม แทรี่จึงไปจัดหาผ้าขนหนูและกะละมังใส่น้ำมาให้ อย่างไรก็ดียังไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือคุณหมอก็มาปรากฏตัวเสียก่อน ชายหนุ่มจึงต้องละจากสิ่งที่ตั้งใจจะทำและขยับตัวออกห่างจากหญิงสาวเพื่อให้หมอตรวจดูอาการของเธอได้สะดวก
แทรี่เหลือบสายตามองสีหน้าเจ้านาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
ระหว่างที่หมอกำลังตรวจ แพรไหมได้ลืมตาตื่นขึ้น คุณหมอจึงได้ซักถามอาการคนไข้โดยตรงและกล่าวสรุปว่า “ไม่เป็นอะไรมากครับแค่เป็นหวัด เดี๋ยวลองทานยาสักสามสี่วันถ้าเกิดว่าหลังจากนี้ไม่หายแนะนำให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีกทีครับ”
“อ้อ” โลเวลล์ขานรับ
“ส่วนเรื่องยา เดี๋ยวผมลงไปเอาให้ที่ห้องพยาบาลข้างล่าง”
“แทรี่ลงไปส่งคุณหมอด้วย และไปเอายามาด้วย”
แทรี่ผายมือเชิญให้คุณหมอออกจากห้อง ครั้นคล้อยหลังสองคนนั้น หญิงสาวก็ยันตัวลุกขึ้นนั่ง เห็นดังนั้นโลเวลล์จึงกดไหล่เธอไว้
“ยังไม่ต้องรีบลุกหรอกครับ นอนพักอีกสักหน่อยก็ได้”
“ที่นี่เป็นห้องทำงานฉันไม่ค่อยสะดวกใจค่ะ ถ้าอย่างไรเดี๋ยวดิฉันตามไปเอายากับคุณหมอที่ห้องพยาบาลละกัน”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” เขาถาม
“ดิฉันคงต้องขอลางานหนึ่งวันนะคะ”
“คุณจะกลับห้องพักของคุณหรือ”
“ค่ะ” แพรไหมตอบกลับสั้น ๆ ด้วยความงุนงงสงสัย มันต้องเป็นอย่างนั้นสิ จะให้เธอไปพักฟื้นอาการป่วยที่ไหนล่ะ
“ไม่ต้องหรอกครับคุณขึ้นไปนอนพักที่ห้องผมก่อนก็ได้”