“ทนก่อนนะแก” ฉันบิดตัวไปมา ไขว่ห้างก็แล้วเกร็งก็แล้ว แต่ไม่สามารถยับยั้งความคันได้เลย จนสุดท้ายต้องตัดสินใจลุกขึ้นยืน และแยกขาออกจากกันเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ขนหมออ้อยที่หว่างขาเสียดสี แต่ไอ้เพื่อนตัวดีมันกระตุกข้อมือฉัน! “แก ๆ แกจะยืนกินแบบนี้เหรอ? นั่งลง ๆ” “เออ นั่งไม่ไหวแล้วแก มันคันยุบยิบเลย” “แต่คนมองทั้งร้านแล้ว นั่งลงเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จพาไปเลเซอร์ที่คลินิก” สุดท้ายฉันก็จำใจนั่งทรมานอีกครึ่งชั่วโมง จนรู้สึกไม่ไหวจริง ๆ และไม่สามารถจะใช้ชีวิตในที่สาธารณะแบบนี้ได้อีกต่อไป กินชาบูเสร็จจึงขอตัวกลับทันที เรื่องเลเซอร์เอาไว้วันหลัง เพราะตอนนี้ฉันอยากไปนอนแผ่บนเตียง และกางขากว้าง ๆ ให้ลมระบายแล้ว แต่เมื่อมาถึงและเปิดประตูเข้ามาเท่านั้นแหละ กัปตันโซลที่อยู่ห้องก็เดินมาคว้าแขนฉันไว้ “เดี๋ยว เรื่องวีซ่าเป็นไงบ้าง?” ฉันที่กำลังจะเปิดห้องตัวเอง ค่อย ๆ หันไปหาเขาในสภาพที่เหงื่อผุดเป็นเม็ด ๆ