ตอนที่ 3 ความโกรธของสามี
“หูหลี่ ส่งแขก เรือนตระกูลอี้ไม่พร้อมต้อนรับผู้ใดในยามนี้”
อี้เยว่ฉีประกาศกร้าว เขาไม่แม้แต่จะชายตามองหญิงสาวสองคนตรงหน้า ก่อนจะช้อนร่างบางเดินออกไปจากศาลาด้วยท่าทางขุ่นเคือง ทิ้งให้สองพี่น้องตระกูลหลี่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น หลี่เจียวร้อนใจรีบหันไปตำหนิพี่สาวทันที
“พี่ใหญ่ ท่าทางอี้เยว่ฉีจะโกรธท่านมาก คราวนี้ตระกูลเราตกที่นั่งลำบากเป็นแน่”
หลี่จินจินไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องสาวเอ่ย การที่คนผู้นั้นโกรธแล้วเกี่ยวอะไรกับการที่ตระกูลหลี่ตกที่นั่งลำบาก หลี่เจียวถอนหายใจให้กับความโง่เขลาของพี่สาว หลายปีมานี้ฐานะทางการเงินของตระกูลนับว่าย่ำแย่ยิ่ง ลำพังแค่เบี้ยเลี้ยงขุนนางคงไม่พอเลี้ยงคนทั้งจวน ทรัพย์สมบัติที่เคยมีบิดานางก็ขายทิ้งไปจนเกือบหมด ยังไม่นับจวนกับที่ดินอีกหลายผืนที่บิดานำมาจำนองไว้กับอี้เยว่ฉีอีก หากคนผู้นั้นไม่พอใจขึ้นมาและหาเรื่องยึดจวนตระกูลหลี่ไป คนตระกูลหลี่คงไม่พ้นต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน
“ท่านก็รู้ว่าที่ท่านพ่อยอมรับอี้เยว่ฉีผู้นี้มาเป็นเขยก็เพราะว่าเขาร่ำรวย ทั้งยังมีประโยชน์ต่อท่านพ่อเป็นอย่างมาก”
ท่าทางเมื่อครู่ยามที่เห็นนังน้องสาวจิ้งจอกถูกผลักล้มลงต่อหน้าต่อตา หลี่เจียวก็รู้ทันทีว่าหลี่เจินมีน้ำหนักในใจชายหนุ่มไม่มากก็น้อย ถึงอย่างไรยามนี้อี้เยว่ฉีก็นับว่าเป็นบุตรเขยที่มีประโยชน์ต่อบิดานางที่สุด หากบิดาทราบว่าหลี่จินจินมาสร้างความไม่พอใจให้เขา ทั้งนางและหลี่จินจินต้องถูกบิดาต่อว่าเป็นแน่
“ มิน่าเล่า หลี่เจินถึงได้กล้าเหิมเกริมกับข้า”
หลี่จินจินแค้นใจ นอกจากจะถูกนังน้องสาวโง่งมหักหน้าแล้ว สิ่งที่ทำให้นางยิ่งทวีความเกลียดชังในตัวหลี่เจิน คือการที่นังงูพิษนั่นได้สามีรูปงามและร่ำรวยไปครอบครอง
บ่าววัยชราส่ายหน้าให้กับความร้ายกาจของสองพี่น้อง พลันรู้สึกสงสารฮูหยินที่ถูกกลั่นแกล้งรังแก ทั้งที่ออกเรือนมาแล้ว แต่ก็ไม่วายถูกตามมาระรานถึงที่นี่ ป่านนี้นายท่านคงโกรธจนใบหน้าดำคล้ำไปแล้วกระมัง
ไม่ผิดจากที่หญิงชราคิด อี้เยว่ฉีโกรธจนพูดไม่ออก ใบหน้าเขาดำทะมึนสลับแดงในบางครา เส้นเลือดที่ปูดโปนยามเขากำมือ แสดงให้เห็นว่าอารมณ์โกรธของเขากำลังพลุ่งพล่านมากเพียงใด หลี่เจินก้มหน้านิ่งก่อนที่นางจะหยิบหยกในสาบเสื้อที่ซ่อนไว้ออกมา
“ท่านเก็บไว้เถิด”
นางส่งสิ่งของล้ำค่าให้กับสามี เพราะกลัวว่าในวันหน้าหากพี่สาวต้องการมันอีก นางจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ ตั้งแต่เด็ก นางไม่เคยสู้รบปรบมือกับผู้ใด นี่เป็นครั้งแรกที่นางไม่ยอมตามใจหลี่จินจิน อีกฝ่ายถึงได้โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่และพุ่งเข้ามาทำร้ายนางจนล้มลง
“คนโง่งม เจ้าถูกรังแกเช่นนี้มากี่ครั้งแล้ว”
อี้เยว่ฉีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่น ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นางจิ้งจอกนั่นกล้าเข้ามาทำร้ายคนของเขาถึงในเรือน เช่นนี้จะให้เขานิ่งเฉยปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆได้เช่นไร
“ข้าไม่เคยโดนเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ แต่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าไม่ให้สิ่งที่นางต้องการ”
อี้เยว่ฉีชะงักนิ่ง เขามองใบหน้าที่สลดของภรรยาก่อนจะถอนหายใจยาว เพื่อปกป้องหยกที่เขามอบให้ นางถึงขั้นต้องยอมขัดใจพี่สาว เป็นเหตุให้โดนทำร้าย
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!
สตรีผู้นั้นภายนอกงดงาม ภายในเน่าเหม็น หากผู้ใดได้ไปเป็นภรรยาย่อมต้องเป็นอัปมงคลชีวิต อี้เยว่ฉีก่นด่านางจิ้งจอกผู้นั้นในใจ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาห่อหยกอย่างทะนุทนอมและเก็บมันลงในหีบใต้เตียง
“ข้าจะเก็บไว้ตรงนี้”
เขาเอ่ยบอกภรรยา
“เจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มสำรวจร่างกายหลี่เจิน หากมีบาดแผลแม้แต่เล็กน้อย เขาจะคิดดอกเบี้ยกับตระกูลหลี่ให้สาสม โชคดีที่นางไม่มีร่องรอยของบาดแผลหรือความช้ำให้เห็น ครั้งนี้ตระกูลหลี่จึงรอดตัวไป อี้เยว่ฉีสั่งบ่าวไพร่ให้เตรียมน้ำเต็มอ่างพร้อมลอยดอกไม้หอมเพื่อผ่อนคลาย เขาแช่น้ำกับภรรยาอย่างสบายใจ พลางใช้สมุนไพรสูตรพิเศษจากแดนไกลขัดผิวให้นางไปด้วย
หลี่เจินผิวขาวผ่องนวลเนียนสุขภาพดีเป็นทุนเดิม ทั้งใบหน้ายังงดงามกว่าพี่น้องทุกคน ไม่จำเป็นต้องบำรุงสิ่งใดให้มากนางก็งดงามอยู่แล้ว คิดไปคิดมาชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้น
“เจินเอ๋อร์ เจ้าเบื่อหรือไม่ที่ข้าห้ามไม่ให้เจ้าทำสิ่งใดเลย”
หญิงสาวชะงักก่อนจะพยักหน้า นางไม่อาจโกหกว่านางนั้นมีความสุขดี นางเบื่อหน่ายที่สามีห้ามนางหยิบจับทุกสิ่งอย่างในเรือน นางอยากทำหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ไม่อาจทำได้ตามใจต้องการ
“ข้าเบื่อเจ้าค่ะ แต่ก็เข้าใจในเหตุผลของท่าน”
เขาหาได้บังคับนางเพื่อความสนุกสนาน แต่เพราะเป็นห่วงเกรงว่าบุตรในท้องจะได้รับอันตรายหากมีสิ่งใดพลาดพลั้งขึ้นมา ยิ่งในยามนี้ฝนตกบ่อย หากนางทำอะไรไม่ระวังและลื่นล้มขึ้นมา…
คิดแล้วนางก็ใจหายวาบ มือบางเผลอแตะบนหน้าท้องนูนโดยไม่รู้ตัว
นางคงทำใจได้ยากหากต้องสูญเสียบุตรในท้องไป
“เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้รู้จักพ่อค้าผู้หนึ่งซึ่งเดินทางมาจากแดนไกล เขานำผ้ามากมายมาขายที่เมืองหลวง ลวดลายสวยงามอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเห็นว่าเจ้าชอบตัดเย็บเสื้อผ้า จึงได้รับซื้อไว้”
เขาเห็นว่านางมีฝีมือด้านการเย็บปักถักร้อย เมื่อไม่นานมานี้เขาเห็นนางเย็บเสื้อผ้าอาภรณ์เอง ทั้งยังนำผ้ามาตัดเย็บกระเป๋าใส่ข้าวของ ฝีมือนางประณีตสวยงามหาได้ยากยิ่ง
“ข้ากำลังคิดจะตัดเย็บเสื้อสำหรับฤดูหนาวอยู่พอดีเจ้าค่ะ แต่ยังหาลายผ้าที่ถูกใจไม่ได้”
ผู้คนแคว้นหยางแห่งนี้นั้นส่วนใหญ่ยากจนข้นแค้น เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนมอซอซีดแล้วซีดอีก การจะซื้อผ้าลวดลายและสีสันสวยงามได้นั้น ต้องเป็นตระกูลเศรษฐี คนชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีปัญญาเป็นแน่
“ข้าซื้อผ้าไว้เยอะมากพอที่จะตัดเย็บอาภรณ์ได้นับร้อยตัว”
“เมื่อหลายวันก่อนข้าออกไปตลาดกับท่านป้า มีผู้คนมากมายไม่มีเสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อกันความหนาวได้ หากข้าจะเย็บไปแจก…”
อี้เยว่ฉีไม่เห็นด้วยที่ภรรยาจะนั่งหลังขดหลังแข็งเพื่อเย็บอาภรณ์แจกผู้คน เขามองว่ามันเปล่าประโยชน์และไม่ได้สิ่งใดเลย ชายหนุ่มนั้นคิดถึงแต่เรื่องการค้า เขาอยากให้ภรรยาเปิดร้านขายอาภรณ์เพราะนางมีฝีมือดี และเขาปรารถนาที่จะให้ภรรยาประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเขา คนตระกูลหลี่จะได้เลิกดูแคลนนางเสียที
“หากเจ้าแจกจ่ายไม่ทั่วถึง ผู้คนที่ไม่ได้รับก็จะโกรธเคืองและด่าทอเจ้า”
ผู้คนต่างหิวกระหายและแย่งชิงเพื่อได้เป็นผู้รับ นานทีปีหนถึงจะมีคนใจบุญนำข้าวของมาแจกจ่าย เหตุเพราะในยามนี้บ้านเมืองระส่ำระส่ายหนัก ขุนนางก็โกงกิน ขูดเลือดขูดเนื้อกับคนชนชั้นล่าง เชื้อพระวงศ์เสวยสุขในวังหลวงที่ถูกปิดกั้น แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่สนพระทัยว่าราษฎรจะมีชีวิตเช่นไร หากผู้ใดคิดวิจารณ์ก็ไม่พ้นถูกลงโทษสถานหนัก
หากหลี่เจินนำสิ่งของไปแจกจ่าย แต่มีบางส่วนไม่ได้รับ ต้องเกิดการประท้วงเป็นแน่
เขาไม่ต้องการเห็นนางทำคุณบูชาโทษ
“แล้วข้าจะตัดเย็บเสื้อผ้ามากมายไปทำไมเจ้าคะ”
“เพื่อขายอย่างไรเล่า แต่ขายในราคาที่ไม่ขูดเลือดขูดเนื้อ ขายในราคาที่จับต้องได้”
สตรีย่อมต้องชื่นชอบของสวยงาม ในเมืองหลวงนี้ร้านขายอาภรณ์มีน้อยนิดนัก หากเขาจะเปิดร้านให้ภรรยาอีกสักร้านจะเป็นอะไรไป นอกจากจะเสื้อผ้าอาภรณ์ เขาอาจจะหาเครื่องประดับมาขายด้วย
หลี่เจินนิ่งคิด นางเห็นด้วยกับความคิดสามีพลางนึกชื่นชมเขา นอกจากเขาจะหัวการค้าแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำ ไม่มีความโลเล ต่างจากนางที่ไม่เคยกล้าลงมือทำสิ่งใด
นางช่างเป็นคนที่ไร้ค่าเสียจริง
“ท่านจะเปิดร้านขายอาภรณ์ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ร้านนี้ข้าจะยกมันให้แก่เจ้า ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่เจ้ามอบบุตรให้แก่ข้า”
ได้ยินเช่นนี้หญิงสาวกลับไร้ซึ่งความยินดี เขาก็เห็นนางเป็นเพียงผู้ให้กำเนิดบุตรเท่านั้นหรือ ในเมื่อบุตรในท้องก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางเช่นกัน เหตุใดเขาต้องทำเหมือนกับว่านางเป็นเพียงหญิงรับจ้างอุ้มท้อง หาใช่มารดาของบุตรไม่
หลี่เจินน้อยใจยิ่งนักแต่ไม่อาจพูดได้ นางคงคาดหวังว่าจะได้รับในสิ่งที่ไม่ควรได้ ถึงอย่างไรนางควรจะตระหนักถึงความจริงที่ว่าเขาไม่ได้แต่งงานกับนางเพราะความรัก