EP 9 : ทำงานวันแรก

1950 คำ
พิษรักมาเฟีย : ตอนที่ 9 พอฉันกลับมาถึงห้องตัวเอง สิ่งแรกที่ฉันทำคือโทรหาคนที่ฉันรักและเป็นห่วงมากที่สุด "พ่อกับแม่เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ มีใครทำอะไรพ่อกับแม่ไหมหรือมีคนมาแอบๆมองอยู่หน้าบ้านหรือเปล่า ตอนนี้พ่อกับแม่อยู่บ้านปลอดภัยดีใช่ไหมจ๊ะ" (ใจเย็นๆลิน ค่อยๆพูด แม่กับพ่อก็อยู่บ้านเราเนี่ยแหละ เอ็งเป็นอะไรโทรมาก็ถามไม่หยุดเลย แม่ตอบเอ็งไม่ทัน) "ถ้ามีใครแปลกหน้ามาพ่อกับแม่อย่าไปไหนกับเขานะจ๊ะ ต่อให้เขาบอกว่าจะพามาหาหนูก็ไม่ต้องมานะ" (มีอะไรกันหรือเปล่า หรือเอ็งไปกู้หนี้นอกระบบไว้) "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ ลินแค่กลัวคนอื่นมาทำอะไรพ่อกับแม่ ลินอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อกับแม่" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ (เรื่องแค่นี้ก็พูดซะเป็นตุเป็นตะเลย) "ถ้าไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับพ่อแม่ลินค่อยสบายใจหน่อยจ้ะ แล้วกินข้าวกันหรือยังเย็นแล้วนะ" (กินกันอิ่มจนพ่อเอ็งหลับไปแล้ว ไปตื่นเอาดึกๆโน้น ตามนิสัยคนแก่ เอ็งก็กินข้าวกินปลาบ้างนะ ทำงานมันต้องใช้แรง ถ้าไม่กินข้าวเอ็งจะไม่มีแรงเอา) "จ้ะ....แม่จ๊ะ ถ้าลินเรียนจบแล้วต้องทำงานที่นี่แม่จะว่าอะไรไหม ไม่ได้กลับไปทำงานแถวบ้านเราตามที่ลินบอกแม่ตั้งแต่แรก" (เอ็งสบายใจจะทำที่ไหนพ่อกับแม่ไม่เคยว่า แถวบ้านเราที่ทำงานมันก็อยู่ไกล ทางกลับบ้านก็เปลี่ยว จะไปจะมามันก็ลำบากไม่เหมือนกรุงเทพ เอ็งหยุดงานก็ค่อยมาหาพ่อกับแม่ก็ได้) "ลินรักพ่อกับแม่นะจ๊ะ ฝากบอกรักพ่อด้วยนะ" (เออๆ แม่ก็รักเอ็ง อึก…เอ็งก็ชอบมาทำให้แม่ร้องไห้ ฮึก…ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน ถ้ามันเหนื่อยก็กลับมาบ้านเรานะลูก) "จ้ะ แม่พักผ่อนนะ เอาไว้ลินว่างๆจะโทรหาใหม่" ติ้ด "อึก ฮรือ..." แค่เพียงกดวางสายน้ำตาที่พยายามอั้นไว้ก็พรั่งพรูออกมา จริงๆมันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนไกลบ้านอย่างฉัน เวลาโทรหาคนที่บ้านมักร้องไห้อ่อนแอแบบนี้เสมอ --//--//--//--//--//-- 7.30 AM. บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของชาร์ล เป็นเช้าวันใหม่ที่ฉันไม่ได้รู้สึกสดชื่นเลยสักนิด ฉันร้องไห้และผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ทำให้เช้านี้ตาบวมเปล่ง บริษัทของเขาและที่พักของฉันอยู่กันคนละทางทำให้ฉันต้องรีบตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อมาทำงานให้ทันทั้งที่ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะมาที่นี่เลยสักนิด วันนี้ในสมองไม่มีอะไรเกี่ยวกับงานเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ทำในตำแหน่งอะไร และฉันก็ใส่ชุดนักศึกษามาทำงานได้แต่มองสาวออฟฟิศแต่งตัวสวยๆกันเดินผ่านไปผ่านมา และคนพวกนั้นก็มองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับเช่นกัน "เฮ้อ... จะรอดไหมลินเอ๊ย มองกันขนาดนี้ทำเหมือนฉันเป็นขอทานยังไงยังงั้นแหละ" เธอต้องก้มหน้าก้มตาเข้ามาในบริษัทยักษ์ใหญ่ แค่เพียงทางเข้าก็ดูดึงดูดลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบริษัท ทุกอย่างถูกจัดไว้เป็นระเบียบใช้โทนสีขาวดูสะอาดตา เพดานโปร่งสูงเป็นกระจกทั้งอาคารทำให้ดูโล่งและกว้างขวางมาก "ขอโทษนะคะ ดิฉันมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก ดิฉันไม่รู้ว่าต้องไปตรงไหนค่ะ" ฉันเดินมาถามหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แต่ดูเหมือนคนตรงนี้จะไม่ให้การต้อนรับฉันสักนิดเดียว "น้องคะ บริษัทเราไม่มีนโยบายรับนักศึกษาฝึกงานนะคะ น้องน่าจะมาผิดบริษัทแล้วค่ะ" "คะ? แต่คือว่า.." แค่เพียงประโยคที่พนักงานสาวสวยตอบกลับมาทำเอาฉันงงไปหมด ก็เขาเป็นคนให้ฉันมาทำวันนี้ "หรือถ้าจะมาเรี่ยไรบริจาคก็ไปที่อื่นค่ะ พวกพี่เจอบ่อย ถ้ายังไม่ออกจะเรียกรปภ.ให้มาเชิญออกไปนะคะ" "เดี๋ยวนะคะ แต่ว่าคุณชาร์ลเป็นคนให้ดิฉันมาทำวันนี้นะคะ" "ไม่ต้องเอาชื่อบอสมาอ้างค่ะ พวกพี่ไม่หลงกล มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยค่ะ" “เอ้า! อะไรกัน” สุดท้ายฉันก็ต้องเดินออกจากตรงนั้น และมานั่งอยู่ล็อบบี้ของบริษัทแทน "ขนาดนั่งเงียบๆยังไม่วายนินทา ฉันไปโลกไหนมาเนี่ย ทำไมพึ่งเคยเจอโลกแบบนี้" กลุ่มคนที่นั่งอยู่แถวนั้นต่างนั่งจับกลุ่มซุบซิบและมองมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังนินทาฉันอยู่ ฉันได้แต่นั่งมองออกไปนอกกระจกบานใหญ่ไม่อยากสบสายตาใคร มองผู้คนเดินเข้ามาทำงานกันอย่างเนืองแน่น แต่ละคนถือแต่กระเป๋าแบรนด์เนม แต่งตัวดูดี ตัดภาพมาที่ตัวเองได้แต่ถอนหายใจ เสียงของผู้คนดังเข้ามาในหู ฝีเท้าของแต่ละคนเหมือนกำลังเร่งรีบ ทำให้ฉันรู้สึกตัวตื่น ฉันนั่งสัปหงกไปหลายรอบแต่ก็ยังไม่มีใครมาเรียกฉันไปทำงานสักคน คิดแค่ว่าถ้าเที่ยงนี้ยังไม่มีคนเรียกไปทำงานคงกลับ เพราะเขาคงแกล้งฉันแน่ "ไปเร็วๆ ใกล้จะถึงแล้ว" "มีใครขาดไหม เด็กแผนกไหนขาดหัวหน้าแผนกเตรียมรายงานได้เลย" "ฉันแต่งตัวเรียบร้อยหรือยัง เดี๋ยวโดนดุอีก" อลินดามองผู้คนมากมายที่มายืนรอตรงประตูทางเข้าด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังยืนรอรับใคร บรื้น... และไม่นานขบวนรถจำนวนมากก็ขับมาจอดหน้าบริษัท ตามด้วยรถคันหรูขับมาจอดตรงประตูทางเข้าพอดี ดวงตากลมโตมองทุกการกระทำของผู้คน และเธอนึกเหตุการณ์แบบนี้ออก นั่นก็คือเขาคนนั้น ชาร์ลเดินเข้ามาในบริษัทอย่างเช่นทุกวัน พนักงานทุกคนต่างต้อนรับเขาเหมือนเดิม สายตาคมกริบปรายตามองพนักงานทุกคนก่อนจะไปสะดุดกับเด็กสาวในชุดนักศึกษาที่นั่งอยู่ในโซนล็อบบี้ เธอไม่ได้มาต้อนรับเขาเหมือนคนอื่น แต่กลับนั่งจ้องเขาอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน เขายืนมองจนพนักงานคนอื่นหันกลับไปมองตาม "เอ่อคือดิฉันไล่น้องเขากลับไปแล้วนะคะ แต่ไม่รู้ทำไมยังนั่งตรงนั้นอีก" พนักงานสาวที่เคยพูดคุยกับอลินดารีบบอกทันทีเพราะกลัวเจ้านายไม่พอใจ "ไล่?" ชาร์ลถามย้ำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง "บริษัทเราไม่มีนโยบายรับนักศึกษาฝึกงาน ดิฉันเลยคิดว่าน้องเขาน่าจะมาเรี่ยไรเงินบริจาค เดี๋ยวดิฉันจัดการไล่ให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ" "ไม่ต้อง!" เขาตะคอกเสียงดังลั่นในตอนที่พนักงานสาวคนนั้นกำลังจะเดินไปที่หญิงสาวที่นั่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก่อนจะปรายตามองลูกน้องคนสนิท ทำให้เทเลอร์ก้มหัวให้เป็นคำตอบและเดินออกไปจากตรงนั้น ตึก ตึก ตึก ชายหนุ่มในชุดสูทเต็มยศกำลังเดินตรงมาที่ฉัน ซึ่งที่ฉันนั่งอยู่เห็นเขาก็จริง แต่ระยะห่างก็ทำให้ฉันไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูด ไม่รู้เมื่อกี้พวกพนักงานโดนอะไรกัน แต่ท่าทางแต่ละคนดูกลัวผู้ชายคนนั้นมาก "นายให้คุณไปหา" "ชั้นไหน เดี๋ยวฉันขึ้นไปรอก็ได้ค่ะ ตรงนั้นคนเยอะแล้ว" "มันคือคำสั่งของนาย ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ ลุก!" เทเลอร์ใช้น้ำเสียงเข้มใส่เด็กสาว "นิสัยเหมือนกันเด๊ะ ไม่แปลกใจที่ทำงานด้วยกันได้" ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเอง และยอมเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นไป แค่เพียงเดินเข้ามาในกลุ่มพนักงานคนอื่นก็รับรู้ได้ถึงสายตาสงสัยทันที "อลินดาคือเลขาของฉัน จะมาทำงานที่นี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ชาร์ลประกาศก้าวเสียงดังลั่นให้ทุกคนได้ยิน ทำเอาพนักงานมองหน้ากันเลิ่กลั่กแต่ก็ไม่มีใครกล้าค้าน "และเธอควรรู้กฎระเบียบของที่นี่ ไม่ใช่นั่งเอ๋อไม่รู้ภาษา ฉันต้องการคนเก่งมาทำงาน ไม่ได้ต้องการคนโง่มาทำงาน" นิ้วแกร่งชี้ไปที่คนตัวเล็กด้วยความไม่พอใจ และเดินออกจากตรงนั้นทันที “แล้วใครอยากมาทำกับคุณล่ะ” ฉันสบถออกมาเบาๆ "ตามฉันมา" เทเลอร์ปรายตามองเด็กสาวเพียงนิด และเดินตามเจ้านายไปทันที ทำให้ลินต้องเดินตามหลังผู้ชายสองคนนั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ -ภายในลิฟต์- “คุณจะทำอะไรพ่อแม่ของฉัน” แค่เพียงก้าวเข้ามาในลิฟต์ฉันก็ถามเขาทันที ถึงแม้จะมีลูกน้องของเขายืนอยู่ด้วยอีกคนก็ตาม ตอนนี้เรื่องอื่นฉันไม่สนใจเท่าเรื่องครอบครัว “…..” “คุณชาร์ล ฉันถาม!” “…..” เขาก็ยังนิ่ง ไม่ยอมตอบคำถามเธอ พรึบ มือบางดึงเสื้อสูทแบรนด์หรูอย่างแรง ถึงเขาจะไม่ขยับตามแรงดึงของเธอ แต่ก็รู้สึกได้ สายตาคมกริบปรายตามองมือของเธอเพียงนิด ก่อนจะจ้องมาที่ร่างบางด้วยอารมณ์เริ่มคลุกกรุ่น “ฉันถามว่าคุณจะทำอะไรพ่อแม่ฉัน” พรึบ ติ๊ง ฝ่ามือหนาจับข้อมือเธอออกจากเสื้อสูทของเขาอย่างแรงในตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก และกระชากตัวเธอให้เดินตามเขาไป “คุณชาร์ลปล่อย ฉันเจ็บ” ฉันพยายามดิ้นแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ ตามประกบหลังด้วยน้องของเขา ไม่มีทีท่าจะเข้ามาช่วยฉันเลยสักนิด และแรงฉุดกระชากลากถูทำให้ตัวฉันเข้ามาในห้องๆหนึ่ง ที่คาดว่าเป็นห้องทำงานของเขา ปึก! “โอ๊ย…” ลินร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเขาเหวี่ยงตัวเธอลงที่พื้นอย่างแรง ทำให้ร่างบางล้มกระแทกพื้นอย่างจัง ใบหน้าหวานเหยเกกับความเจ็บปวด “เห็นฉันเป็นสิ่งของเหรอไง นึกจะจับก็จับ นึกจะโยนก็โยน ฉันเจ็บเป็นนะ” เขาไม่ได้สนใจคำพูดของฉันด้วยซ้ำ และยังเดินผ่านหน้าฉันไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองหน้าตาเฉย ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นจากพื้นด้วยตัวเอง และเดินเข้าไปหาเขาด้วยความไม่พอใจ พรึบ แต่แล้วกระดาษออกสารไม่กี่แผ่นถูกโยนลงบนโต๊ะตรงหน้าคนตัวเล็ก ดวงตากลมโตมองเอกสารตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เพราะมันมีชื่อพ่อของเธออยู่ในนั้น หัวกระดาษบอกชื่อโรงพยาบาลในตัวจังหวัด “คืออะไร ฉันไม่เข้าใจ คุณเอาเอกสารปลอมพวกนี้มาให้ฉันอ่านทำไม” “กำลังหลอกตัวเองอยู่หรือไง” “ไม่จริง! พ่อฉันแข็งแรงดี เมื่อวานฉันยังโทรคุยกับแม่อยู่เลย ไม่มีทางที่พ่อฉันจะเป็นมะเร็ง” ฉันส่ายหัวเป็นพัลวันเพราะสายตาเห็นข้อความระบุในกระดาษแผ่นนั้น “เธอคุยกับแม่แล้วพ่อเธอล่ะ….เธออยากรู้เรื่องพ่อแม่ฉันก็ตอบคำถามเธอให้แล้ว ต่อจากนี้เธอควรฟังคำสั่งฉันนะ เธอควรขอบคุณฉันที่ดึงเธอมาทำงานได้เงินเดือนหลักแสนเอาไปรักษาพ่อตัวเอง” ชาร์ลยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า ยิ่งเห็นคนตรงหน้าสีหน้าซีดเผือดยิ่งชอบใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม