บทที่2 รอคอย

2560 คำ
ภาคินถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ทั้งหมอและพยาบาลต่างช่วยกันยื้อชีวิตของภาคินไว้เพราะชีพจรเริ่มเต้นช้าลง ใช้เวลาไม่นานชีพจรก็กลับเต้นตามปกติจนพ้นขีดอันตราย แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลย ด้านกิ่งหลังจากที่ตำรวจโทรไปบอกว่าภาคินประสบอุบัติเหตุรถชนเธอจึงรีบมาโรงพยาบาลทันทีและไม่ลืมโทรบอกพ่อแม่ของภาคินที่อยู่ต่างอำเภอให้ทราบเรื่อง กิ่งยืนรออยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกังวลใจได้แต่ยืนกระวนกระวายใจอยู่ตรงหน้าห้องเท่านั้น ไม่นานหมอก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน กิ่งจึงรีบเข้าสอบถามอาการทันที "หมอค่ะ คนไข้อาการเป็นยังไงบ้างค่ะ" กิ่งถามด้วยความเป็นห่วง "พ้นขีดอันตรายแล้วครับ แต่ยังไม่ฟื้นเลย" หมอบอกอาการไปตามตรง "แล้วเมื่อไหร่จะฟื้นคะ"ถามน้ำตาคลอเบ้า "อันนี้หมอก็บอกไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองเพราะคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างหนัก ถ้าคนไข้ฟื้นหมอจะตรวจดูร่างกายอย่างละเอียดอีกทีครับ"  "แล้วร่างกายภายนอกมีบาดเจ็บตรงไหนไหมคะ"  "ภายนอกก็มีแผลเล็กน้อยตรงศรีษะครับ แต่หมอก็ยังไม่วางใจถ้าคนไข้ฟื้นหมอจะทำการเอ็กเซเรย์ร่างกายทุกส่วนอีกทีครับ หมอขอตัวก่อนนะครับต้องไปดูคนไข้ต่อ"  "ค่ะ" กิ่งเดินไปนั่งทรุดตัวลงบนเก้าอี้ น้ำตาไหลเอ่อออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ภาวนาอยู่ในใจขอให้ภาคินฟื้นขึ้นมาเร็วๆ เพื่อให้เธอไม่รู้สึกผิดมากไปกว่านี้ เวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงคืนแล้ว พ่อแม่ของภาคินยังไม่มาถึงโรงพยาบาลเลย กิ่งยืนมองภาคินผ่านกระจกห้องไอซียู ที่ตอนนี้นอนนิ่งอยู่บนเตียงมีเครื่องช่วยหายใจกับอุปกรณ์ช่วยชีวิตติดเต็มตัวไปหมด  เธอไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาคินอยู่ในสภาพนี้ เพราะปกติภาคินจะขับรถด้วยความระมัดระวังมาก ถ้าเขาไม่ดื่มจนขาดสติคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น น้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย  ถึงเธอจะทำผิดกับภาคินแต่เธอก็ยังคงรักเขาอยู่เหมือนเดิม แต่เธอไม่อยากจะทำร้ายภาคินลับหลังไปมากกว่านี้ ที่แอบไปมีความสัมพันธ์กับกาย เธอจึงตัดสินใจบอกเลิกไป ภาคินก็คงจะรับไม่ได้เหมือนกันที่เธอหักหลังเขาแบบนี้ เวลาผ่านไปจนถึงตีสามพ่อแม่ของภาคินก็มาถึงโรงพยาบาลทั้งคู่เดินตรงเข้ามาหากิ่งด้วยความเร่งรีบ ร้อนใจเป็นห่วงที่ลูกชายต้องมาประสบอุบัติเหตุอย่างนี้ "คินอาการเป็นยังไงบ้างหนูกิ่ง" อัมพรผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วง "พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แต่ยังไม่ฟื้นเลย" จับกุมมืออัมพรไว้ "โธ่ พี่คินของแม่เวรกรรมอะไรของลูกถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกได้" มองผ่านกระจกเข้าไปในห้องเห็นภาคินนอนนิ่งอยู่บนเตียง ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจที่เห็นลูกชายตัวเองเป็นแบบนี้ "หนูกิ่งพอจะรู้ไหม ว่าทำไมคินถึงขับรถชนได้" สุวัตรถามออกไปด้วยความสงสัย "พี่คินน่าจะเมาค่ะ" พูดออกมาไม่เต็มปาก "เมางั้นเหรอ คินไม่เคยดื่มเหล้าเลย ถ้าไม่เครียดจริงๆ น่าแปลก" สุวัตรขมวดคิ้วเข้าหากัน "รอลูกฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยถามก็ได้คุณ" อัมพรหันมาบอกกับสามีตัวเอง "ก็ได้ผมแค่อยากรู้เฉยๆ ปกติลููกเราจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย" นอกจากมีงานสังสรรค์กับเพื่อนหรือออกงานสังคมเท่านั้น "ฉันรู้ค่ะ แต่รอฟังจากปากเจ้าตัวดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่" อัมพรก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ทำให้ภาคินต้องอยู่ในสภาพนี้ "ผมว่าคุณไปพักก่อนเถอะ นั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้ว" สุวัตรเดินเข้าไปประคองอัมพรไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยกัน จากนั้นทั้งสามคนก็พากันไปพักที่คอนโดของกิ่งเพราะภาคินอยู่ในห้องไอซียูและจำกัดเวลาในการเยี่ยม ญาติจึงไม่สามารถอยู่เฝ้าได้   วันต่อมา ทั้งสามคนกลับมาเยี่ยมภาคินที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยที่ทั้งสามคนใส่ชุดปลอดเชื้อเข้าไปข้างในห้องไอซียู ยืนมองภาคินที่นอนหลับใหลอยู่โดยไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย  "คินรีบตื่นขึ้นมาหาแม่นะ แม่ใจจะขาดแล้วรู้ไหม"ร้องไห้สะอึกสะอื้นยื่นมือไปจับมือภาคินไว้ กิ่งได้แต่ยืนมองอัมพรกับภาคินที่นอนแน่นิ่งอยู่ ด้วยความรู้สึกผิดในใจถ้าภาคินฟื้นขึ้นมาแล้วบอกความจริงกับทุกคน เรื่องที่เธอบอกเลิกเขา เธอก็คงต้องรับสภาพไป ตลอดเวลาที่เธอคบกับภาคินเธอยอมรับว่าเขาเป็นคนดีให้ เกียรติเธอเสมอ แต่ไม่ค่อยมีเวลาให้เธอก็เท่านั้นเอง ทำให้เธอเผลอใจไปกับคนที่เข้าหาเธอได้อย่างง่ายดาย "คุณพ่อ คุณแม่ค่ะ พี่คินเป็นยังไงบ้าง" มินเดินเข้ามาข้างในห้อง "มาแล้วเหรอมิน พี่เขายังไม่ฟื้นเลยลูก"สุวัตรหันไปบอกลูกสาว "โธ่ พี่คินทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้" เดินเข้าไปจับมือพี่ชายตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอรู้ข่าวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ก็มาไม่ได้เพราะยังอยู่ที่เกาะกลางทะเลกับเพื่อนๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน พอเช้าเธอก็รีบเข้าฝั่งบินด่วนขึ้นมาเชียงใหม่เลย "พ่อเชื่อว่าคินจะฟื้นขึ้นมาหาพวกเราแล้วอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างที่เคยเป็น" สุวัตรเดินเข้าสวมกอดปลอบอัมพรกับมิน กิ่งมองภาพตรงหน้าพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ อยู่ๆโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น กิ่งจึงเดินออกไปจากห้องเพื่อรับโทรศัพท์ พอคุยเสร็จเธอก็เดินกลับมาตรงหน้าห้อง เจอทั้งสามคนพ่อแม่ลูกเดินออกมาจากห้องพอดี "คุณพ่อกับคุณแม่ของกิ่งฝากความคิดถึงกับความห่วงใยมาให้คุณพ่อกับคุณแม่ และก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่คินด้วยค่ะ" พูดไปตามที่พ่อแม่ของเธอฝากบอก "ขอบใจจ้ะ แล้วทั้งสองคนไม่มาเยี่ยมด้วยตัวเองเหรอจ้ะ" อัมพรถามออกไป "พอดีคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ต่างประเทศค่ะ อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะกลับมาค่ะ" ตอบไปตามตรง "ตัวไม่มาแต่ฝากความห่วงใยมาแทนแม่ก็ดีใจแล้วล่ะจ้ะ" อัมพรส่งยิ้มให้กิ่ง "งั้นกิ่งขอตัวกลับไปเคลียร์งานก่อนนะคะ ไว้ตอนเย็นกิ่งจะกลับมาอีกทีค่ะ" พนมมือยกขึ้นไหว้อัมพรกับสุวัตร "มินไปส่งที่รถนะคะ"เดินตามหลังกิ่งออกไป "พี่กิ่งค่ะ มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่คินกันแน่" ระหว่างทางเดินไปลานจอดรถมินก็ถามกิ่งไป "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่คินเขามาหาพี่ที่คอนโดเอาเค้กวันเกิดมาให้พี่ แล้วเขาก็กลับไป" ตอบโดยไม่ยอมมองหน้ามิน "ปกติถ้าพี่คินมาหาพี่กิ่งจะค้างตลอดแล้วทำไมครั้งนี้ถึงรีบกลับล่ะคะ"ขมวดคิ้วเข้าหากัน "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน "รีบเดินตรงไปที่รถ "แสดงว่าระหว่างทางกลับพี่คินแวะดื่มเหล้าเหรอค่ะ ถึงได้ขาดสติขับรถไปชนเสาไฟฟ้าได้ แล้วพี่คินดื่มทำไมล่ะคะ"เดินตามหลังกิ่งไปติดๆ "น้องมินค่ะ พี่ขอตัวกลับก่อนนะพี่มีงานด่วน" เปิดประตูก้าวเท้าขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว  มินมองรถของกิ่งที่แล่นออกไปด้วยความงงที่กิ่งไม่ยอมตอบคำถามเธอ จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปข้างในโรงพยาบาล ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ กิ่งเดินเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า หยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมากำลังจะอ่าน แต่กลับไม่มีสมาธิเพราะในหัวมีแต่ภาพของภาคินที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียงลอยเข้ามาทำให้เธอเสียสมาธิ ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมกับเลขาหน้าห้องเปิดประตูเดินเข้ามา "คุณกายมาขอพบค่ะ"  "เชิญเข้ามาเลยจ้ะ" มองไปที่ประตู เลขาเดินหายออกไปกายก็เดินเข้ามาในห้องทันทีพร้อมกับส่งยิ้มให้กิ่ง เดินเข้าไปที่โต๊ะใช้แขนโอบไปด้านหลังกิ่งย่อตัวลงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มกิ่งหนึ่งที จากนั้นก็เลื่อนริมฝีปากตัวเองไปใกล้ริมฝีปากกิ่ง หมายจะจูบแต่เธอดันหน้าเขาออกไปก่อน "อย่าค่ะเดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้มาหาฉันที่นี้" มือดันหน้ากายค้างไว้ "ผมคิดถึงคุณ ก็เลยอยากมาหาไม่ได้หรือไง" ถอยออกมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับกิ่งพร้อมกับจับกุมมือเธอไว้ "ฉันว่าคุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันปวดหัว" ดึงมือตัวเองออกจากมือกาย "ทำไมคุณยังรักมันอยู่ใช่ไหม" กายเริ่มมีอารมณ์ที่ถูกกิ่งปฏิเสธ "ฉันแค่อยากจะอยู่กับตัวเองสักพักค่ะ" ลุกขึ้นยืนหันหลังให้กาย "คุณยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ใช่ไหม ตกลงคุณจะคบกับผมต่อหรือว่าคุณกลับไปหามัน"ถามด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว "คุณก็เห็นว่าฉันคืนแหวนหมั้นให้เขาไปแล้ว คุณยังจะมาถามเอาอะไรอีก มันยังชัดเจนไม่พอหรือไงคะ" หันไปมองหน้ากาย "ผมขอโทษ ก็ผมหึงคุณนี้" เดินเข้าไปสวมกอดกิ่งจูบไซ้ซอกคอขาวเนียน พร้อมกับใช้มือลูบไล้หน้าอกเต่งตึงทั้งสองข้างไปมา "ให้ผมช่วยคุณให้หายเครียดดีไหม" กระซิบข้างหูกิ่งพร้อมกับใช้มือล้วงเข้าไปในกระโปรงลูบไล้บริเวณช่องรักจากนั้นก็ดึงกางเกงชั้นในลงไปกองอยู่ตรงตาตุ่มของกิ่งอย่างง่ายดาย "ในห้องนี้มันจะเหมาะเหรอคะ" สบสายตากับกาย "คุณก็โทรไปบอกเลขาคุณสิ ว่าอย่าให้ใครรบกวนเราตอนนี้" พูดไปมือก็บีบขย้ำสะโพกกิ่ง "ก็ได้ค่ะ " หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูตัวเองกดโทรออกไปหาเลขาหน้าห้องออกคำสั่งไม่ให้ใครรบกวนเวลาส่วนตัวของเธอ จากนั้นก็วางสายทันที "คุณพร้อมแล้วใช่ไหม" กายถามขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อเซิ้ตออก "ค่ะ "เดินเข้าไปใช้แขนทั้งสองข้างคล้องคอกายแล้วประกบจูบกายอย่างดูดดื่ม ไม่นานทั้งคู่ก็บรรเทิงบทรักอันเร้าร้อนไปทั่วทุกมุมของห้องทำงาน จนไปจบลงที่ตรงโซฟานุ่มตรงมุมหนึ่งของห้อง ทั้งคู่นอนกอดก่ายกันอย่างมีความสุข จนกายพูดทำลายความเงียบขึ้น "อาการเขาเป็นยังไงบ้าง" กายหันไปถามกิ่งที่นอนอยู่ข้างๆกัน "ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นเลยค่ะ"กิ่งลุกขึ้นนั่งหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ "ก็น่าเห็นใจอยู่นะ แต่เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอก จริงไหม" ยื่นหน้าไปหอมแก้มกิ่ง "ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แต่ถึงพี่คินเขาจะไม่รู้วันนี้ สักวันเขาก็ต้องรู้เรื่องของเราอยู่ดี" พูดพลางใส่เสื้อผ้าจนเสร็จเรียบร้อย "ผมได้ยินอย่างนี้ก็ชื่นใจขึ้นมาหน่อย แล้วคุณจะบอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเมื่อไหร่ ว่าคุณจะถอนหมั้นกับเขา" หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ "รอพี่คินฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วฉันจะบอกทุกคนเองค่ะไม่ต้องเป็นห่วง"  "ตามใจคุณก็แล้วกัน ผมกลับก่อนนะไว้เย็นนี้ผมจะไปหาอีก" ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มกิ่งแล้วเดินออกจากห้องไป พอกายออกไปกิ่งก็ลงไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานต่อ เธอได้แต่หวังว่าภาคินจะฟื้นขึ้นมาในเร็ววันและผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเข้าใจ ที่เธอถอนหมั้นกับภาคินเช่นกัน ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอนอกเมือง เชียงใหม่ ติ๊ดๆๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าเสื้อสีขาวบริสุทธิ์ มือเรียวเล็กเจ้าของเครื่องหยิบขึ้นมารับทันที "ฮัลโหล มิน" กรอกเสียงหวานใส่โทรศัพท์ "มะลิสะดวกคุยตอนนี้ไหม"มินถามเผื่อมะลิอยู่ในช่วงเข้าเวร "สะดวกจ้ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า" นั่งลงบนม้านั่งตรงทางเดิน "คือฉันจะโทรมาบอกเธอเรื่องพี่คิน" พยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด "พี่คินเป็นอะไรเหรอ" มะลิแปลกใจปกติมินจะโทรหาเธอคุยกันเรื่องงานกับเรื่องตามประสาผู้หญิงเท่านั้น ไม่เคยพูดถึงภาคินเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้มาแปลก "ตอนนี้พี่คินอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ฟื้นเลย" พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อะไรนะ พี่คินเป็นอะไรทำไมถึงยังไม่ฟื้น" มะลิถามออกไปด้วยความตกใจ "พี่คินขับรถเสียหลักไปชนเสาไฟฟ้า จนสลบไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นเลย" น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง "โธ่ มินฉันเสียใจด้วยนะ เธอต้องเข้มแข็งนะรู้ไหม ฉันเชื่อว่าพี่คินจะต้องฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน" มะลิพยายามพูดปลอบใจเพื่อนแต่ตัวเองกลับน้ำตาคลอเบ้า  "ขอบใจนะ ฉันจะพยายาม" ยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง "แล้วตอนนี้อยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ"มะลิถามต่อ "โรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่นี้แหละ เธอจะมาเยี่ยมพี่คินไหม" มินถามขึ้น "ฉันก็อยากจะไปนะ แต่ติดเข้าเวรแทนเพื่อน พอดีเพื่อนๆ หยุดกันยาวเลยฉันไปไม่ได้หรอก" ตอบไปตามตรงเธอต้องอยู่เวรแทนเพื่อนพยาบาลคนอื่นที่หยุดกัน "งั้นเหรอ ไว้พี่คินกลับไปที่บ้าน เธอค่อยไปเยี่ยมก็ได้ " มินเสนอขึ้น "ได้สิ ถ้าพี่คินกลับมาที่บ้านฉันจะไปเยี่ยมที่บ้านเอง" เธอเห็นภาคินมาตั้งแต่เด็กๆแล้วเพราะไร่ที่เธออยู่กับสวนส้มอยู่ติดกัน "จ้ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันไม่กวนเวลาทำงานของเธอแล้ว" เธอไม่อยากจะรบกวนเวลาทำงานของมะลิมากไปกว่านี้ "ไว้เจอกันนะ แล้วอย่าคิดมากล่ะ พี่คินจะต้องไม่เป็นอะไร" มะลิพูดให้กำลังใจมินอีกครั้ง "จ้ะ ฉันวางสายก่อนนะ" มินพูดจบก็กดวางสายทันทีน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลเอ่อออกมาอาบแก้มทั้งสองข้างเพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ข้างใน ด้านมะลิหลังจากที่วางสายจากมินเธอก็อดห่วงภาคินไม่ได้ อยากจะไปเห็นด้วยตัวเองว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้คู่หมั้นคู่หมายของเขาคงจะดูแลไม่ห่าง เพราะทั้งคู่รักกันมาก และอาจจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม