แต่ทว่าการทำงานในโรงงานนั้นไม่ได้สะดวกเหมือนงานเดิมที่บริษัท เนื่องจากระบบของโรงงานนั้นต้องเข้ากะกลางวันและกะกลางคืน ซึ่งเธอรู้สึกเป็นห่วงใบบัวและใบพลูเป็นอย่างมาก ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เฉกเช่นในวันนี้ที่เธอต้องออกจากบ้านในตอนค่ำ
“พี่จะออกไปทำงานแล้วนะ อยู่กันสองคนห้ามออกจากบ้านเข้าใจไหม” หญิงสาวหันไปสั่งใบบัวกับใบพลูที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมห้อง
“ไม่ต้องห่วงฉันสองคนหรอกน่า พี่รีบไปเถอะเดี๋ยวก็ไม่ทันรถรับส่งพนักงานหรอก” ใบบัวเอ็ดพี่สาวออกไปเบาๆ จนทำให้เธอมองค้อนมาที่น้องสาวในชุดมัธยมปลายด้วยความหมั่นไส้ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนน้องสาวคนเล็กของเธอก็จะเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งหญิงสาวต้องหาเงินก้อนใหญ่ไว้จ่ายค่าเทอมให้น้องสาว เมื่อใบบัวเข้าเรียนในระดับชั้นอุดมศึกษา
“พี่ไปแล้วนะ ปิดประตูลงกลอนให้ดีด้วย ใครเรียกก็ห้ามเปิด แม้แต่ใบโพธิ์ถ้ามันเรียกก็ไม่ต้องเปิด พี่กลัวว่ามันจะพาเพื่อนมาค้างด้วย” ใบบุญบอกน้องสาวออกไปด้วยความห่วงใย เพราะเวลาใบโพธิ์แวะมาที่นี่ เขามักจะหิ้วเอาเพื่อนผู้ชายมาด้วยเสมอ ซึ่งตอนนี้ใบบัวโตเป็นสาวแล้วเธอจึงรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาว
“จ้าพี่ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันอยู่ได้เริ่มชินแล้ว”
“พี่ใบบุญขา...ใบพลูหิวแล้ว ขอกินข้าวก่อนค่อยมาทำการบ้านได้ไหม” เด็กหญิงตัวกลมใบหน้าสวยตั้งแต่เด็ก ผิวของเธอขาวราวกับไข่ปอก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อน ทำให้ใบบุญถึงกับส่ายศีรษะให้กับความน่ารักของใบพลู
“ได้สิจ๊ะ ใบบัวพาใบพลูไปกินข้าวก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาทำต่อ พี่ไปแล้วนะ” พูดจบประโยคใบบุญก็เปิดประตูเดินออกไปจากบ้าน จุดมุ่งหมายของเธอคือโรงงาน ที่จะสามารถทำให้เธอมีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องและน้องๆ ได้
“พี่ใบบุญไปแล้ว เราไปกินข้าวกันเถอะนะ” ใบพลูยังคงคะยั้นคะยอให้ใบบัวพาไปรับประทานมื้อเย็น เด็กหญิงวัยหกขวบกว่าคงวิ่งเล่นหลังเลิกเรียนจนหิว เพราะเธอไม่ได้แวะกินอะไรหลังเลิกเรียนเหมือนกับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน
“หิวก็ไปกินเองสิ พี่ใบบุญทำไว้ในครัว ฉันต้องทำการบ้านวิชานี้ให้เสร็จก่อน” ใบบัวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อถูกเด็กหญิงตัวเล็กกวนใจ ขณะที่เธอปวดหัวกับการคิดเลขไม่ลงตัวสักที
“หากินเองก็ได้” เด็กหญิงถักเปียสองข้างวิ่งแจ้นเข้าไปในครัว เมื่อเธอหิวจนไส้จะกิ่วแล้ว
“ไข่เจียวอีกแล้วเหรอ” เมื่อเปิดฝาชีออก ทำให้ใบพลูถึงกับหน้ามุ่ย พักหลังมานี้เธอรับประทานไข่เจียวหรือไม่ก็ไข่ต้มไข่ดาว ทุกเมนูล้วนมีแต่ไข่ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก เด็กหญิงวัยหกขวบหยิบจานที่วางไว้ในชั้น พร้อมช้อนส้อม เธอตักข้าวใส่จานแต่พอกิน ซึ่งใบพลูทำแบบนี้บ่อยจนคล่องแล้ว ก่อนจะนั่งรับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย ทั้งที่เพิ่งทำหน้าเบื่ออาหารในจาน แต่ฝีมือของใบบุญไม่เคยตก แม้จะเป็นเพียงแค่ไข่เจียว แต่เธอได้ใส่ใจลงไปด้วย จึงทำให้มันกลายเป็นเมนูพิเศษประจำวันไปโดยปริยาย
“นี่ใจคอเธอจะไม่แบ่งไว้ให้ฉันเลยหรือไง” ใบบัวเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับพูดออกมาเสียงดัง ที่เห็นใบพลูกินไข่เจียวไปเกือบหมดจาน
“พี่ก็ทำใหม่สิ”
“ไข่ไม่มีแล้ว กินไปเถอะ ฉันต้มบะหมี่กินก็ได้” แม้ว่าใบบัวจะดุใบพลูออกมาเสียงดัง แต่เธอก็ยังมีความรักและเอ็นดูเด็กหญิงตัวเล็กไม่ต่างจากพี่สาว แม้บางครั้งจะรู้สึกโกรธโมโหที่ใบพลูเพิ่มภาระให้กับใบบุญ
“ถ้าอย่างนั้นใบพลูกินหมดนะคะพี่ใบบัว”
“อืม”
“เมื่อไหร่พี่ใบบุญจะพาไปกินชาบูอีกนะ”
“กินไปเหอะ เด็กอะไรพูดมากจัง” ใบบัวรีบตัดบทสนทนาทันที เมื่อเธอนึกเวทนาสงสารใบพลู แน่นอนพี่สาวของเธอคงเก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอม ทุกคนในบ้านถึงต้องกินไข่ทุกวันแบบนี้
“ใบพลูพูดนิดเดียวเอง อิ่มแล้วไปทำการบ้านดีกว่า”
พูดจบเด็กหญิงตัวกลมรีบเดินออกไปจากครัว เธอนั่งทำการบ้านต่ออย่างไม่ต้องรีรอให้ใบบัวต้องจ้ำจี้จ้ำชัย ความไร้เดียงสาของใบพลู บวกกับผิวขาวผ่องอมชมพูยังกับลูกคุณหนู ทำให้ใบบัวอดที่จะยิ้มเอ็นดูเด็กหญิงออกมาไม่ได้ เพราะความเหลื่อมล้ำทางสังคมทำให้เด็กหญิงตัวกลมกลายเป็นคนที่ถูกมองด้อยค่า ทั้งที่เธอไม่เคยลดคุณค่าในตัวเอง การที่เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบก็ไม่ได้แปลว่า เธอจะกลายเป็นคนที่บกพร่องในทุกด้าน เมื่อสติปัญญาของใบพลูนั้นฉลาดเกินเด็กในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ
หลายวันผ่านไป ภายในห้องทำงานของท่านประธานบริษัทกวินชู ชายวัยสี่สิบเจ็ดที่ยังคงดูหล่อเหลาราวกับหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ทำให้มีสาวๆ เข้ามารุมขายขนมจีบ แต่ทว่ากวินกลับรู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อเขาเคยใช้ชีวิตในบ่อน ซึ่งผู้หญิงที่เข้าแถวมาบริการเขานั้นไม่ซ้ำหน้า
แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่เคยลืมเธอคนนั้น หญิงสาวที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขา ให้รับรู้ถึงรสชาติของการได้เป็นผู้ชายคนแรก ซึ่งบทพิศวาสของเขาและเธอในค่ำคืนนั้น ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่วัน เดือน ปี ความรู้สึกดีที่เขามีให้เธอกลับไม่เคยลืมเลือน
“เป็นอะไร ทำหน้ายังกับแบกโลกไว้ทั้งใบยังนั้นแหละ” เอเดนที่แวะมาหาเพื่อนในตอนเช้า เอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ดื่มไหม”
“เฮ้ย! ยังเช้าอยู่เลย ขอจิบกาแฟดีกว่า เช้าแบบนี้ไม่ไหว” เอเดนบอกปัดเพื่อนรักออกไป เมื่อเขานั้นไม่ค่อยดื่มของมึนเมา นอกจากเวลามีงานหรือไม่ก็นานๆ ครั้ง แต่นี่กวินกำลังจะรินวอดก้าราคาแพงลงไปในแก้ว ก่อนที่เขาจะกระดกเข้าปากรวดเดียว
“ทำไม หรือว่าถูกว่าที่พ่อตาเร่งรัดให้ไปขอลูกสาวเขา” ดูเหมือนว่าคำพูดของเอเดนกำลังแทงใจดำของกวินเข้าอย่างจัง ถ้าเป็นมีดดาบคงปักลงไปตรงขั้วหัวใจของเขาจนมิดลำ
“ไม่มีใครบังคับฉันได้นายก็น่าจะรู้”
“อายุก็ปูนนี้แล้ว ลูกของฉันก็โตจนเข้าอนุบาล นายยังไม่คิดที่จะแต่งงานอีกเหรอกวิน”
“การแต่งงานไม่เคยมีในหัวของฉันเลยด้วยซ้ำ” กวินพูดไปพร้อมกับยกเครื่องดื่มในแก้วกระดกเข้าปากไปพลาง ก่อนจะรินลงมาใหม่เหมือนกับว่ามันคือน้ำเปล่า
“ฉันอยากรู้จัง ผู้หญิงที่คู่ควรกับนายมากกว่าริสาเธอจะหน้ายังไงนะ สเปกของนายยังไงฉันก็คิดว่าริสาน่าจะติดอันดับต้นๆ เลยนะกวิน” เอเดนพูดพร้อมกับหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่ม ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมในมาดน่าเกรงขามเหมือนอย่างเคย
“นายเชื่อในรักแรกพบหรือเปล่า” ชายหนุ่มที่มองยังไงอายุก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข พูดขึ้นมาลอยๆ แต่ทว่าเขากลับกำลังนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ทำให้เขาตราตรึงใจไม่รู้ลืม ความสดใหม่ใสซื่อของเธอทำให้ชายหนุ่มประทับใจ แต่ทว่านับจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยได้พบเจอเธออีกเลย
“เชื่อสิ พลอยชมพูเธอคือรักแรกพบของฉัน ตอนนี้เรามีลูกด้วยกันสองคนแล้ว อายุไม่ใช่ปัญหาถ้าหากใจสองดวงอยากหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง”