SOMETHING 10
***********************
@คาเฟ่หอพัก
ดีหน่อยที่ช่วงบ่ายคนไม่เยอะเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะว่าคนส่วนมากที่มีรถยนต์ส่วนตัวจะออกไปช้อปปิ้งข้างนอกกัน เลยทำให้ค่าเฟ่ที่หอดูร้างไปเลย
ฉันเองก็ไม่ชอบที่คนเยอะเพราะเดี๋ยวจะนั่งได้ไม่นาน ฉันถือโน้ตบุ๊คลงมาทำงานด้วย เนื่องจากวันนี้อาจารย์สั่งให้ทำรายงานเรื่องภาวะผู้นำน่ะ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาใครมาเป็นไอดอลดี คือมันมีหลายคนจนเลือกไม่ถูก
ฉันนั่งทำงานได้สักพักก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ฉันเงยหน้ามองก่อนจะไม่สนใจแล้วทำงานของตัวเองต่อ แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงกลุ่มนี้มีเรื่องอยากพูดกับฉันนะ เพราะเธอเดินตรงมาหาฉันทันทีเลย
ฉันเงยหน้ามองอีกครั้งอย่างงงๆ ว่าเราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ แต่พอนึกถึงคำพูดของโฟร์มันก็ทำให้ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่านี่อาจจะเป็นผู้หญิงของเขาก็ได้
แต่ทำไมหน้าไม่เห็นเหมือนผู้หญิงคนที่เขาไปส่งที่คณะเลยล่ะ หรือว่าเขามีหลายคน ไม่แปลกหรอกเพราะผู้ชายอย่างโฟร์เขาหล่อจนไม่รู้จักคำว่าโสดอย่างที่ฉันเคยพูดนั่นแหละ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ฉันเอ่ยถามผู้หญิงตรงหน้าที่หน้าตาดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ เธอนั่งลงตรงข้ามฉันและเพื่อนๆ ของเธอก็นั่งอยู่อีกโต๊ะ ฉันพับโน้ตบุ๊คเก็บเอาไว้ ดูท่าว่าคงได้คุยกันอีกยาวแน่ๆ อันที่จริงฉันเป็นพวกรักสันโดษนะแต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องฉันก่อนฉันก็ไม่เกี่ยงเหมือนกัน ถึงฉันจะตัวคนเดียวฉันก็ไม่กลัวถูกรังแก
คนเราต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง
“น้องรันใช่มั้ย?” ฉันพยักหน้า
จะว่าไปเธอก็ไม่ได้พูดจาร้ายๆ กับฉันนะแค่น้ำเสียงฟังดูไม่ลื่นหูก็เท่านั้นเอง แสดงว่าเธอคนนี้จะต้องเป็นรุ่นพี่คณะไหนคณะหนึ่งแน่ๆ นี่ฉันไปทำตัวเด่นที่ไหนสักที่หรือเปล่าทำไมถึงมีคนมารู้จักฉันแบบนี้
“น้องเป็นคนที่พักอยู่กับโฟร์ใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ” ฉันตอบตามความจริง ฉันไม่อยากทำตามที่โฟร์บอก เพราะถ้าบอกว่าไม่รู้จักโฟร์แล้ววันหนึ่งเธอเกิดมาเห็นว่าฉันอยู่กับโฟร์ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ ความจริงไม่เคยทำร้ายใคร เพราะงั้นฉันเลยเลือกที่จะพูดความจริง “รุ่นพี่รู้จักฉันด้วยเหรอคะ?”
“ใครๆ ก็รู้จักน้อง”
อ้าว! อันนี้งงยิ่งกว่า
ทำไมถึงรู้จักล่ะหรือว่าการที่ฉันย้ายมาพักกับโฟร์มันทำให้ฉันดูเด่นขึ้นมาเหรอ แล้วทำไมโฟร์ถึงเป็นจุดเด่นขนาดนั้น จะว่าหน้าตาดีก็ยอมรับนะแต่ก็มีผู้ชายหลายคนที่หน้าตาดีไม่แพ้เขาเลย ฉันทำหน้างงเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอคนนี้รู้จัก
“รูมเมทโฟร์นี่”
“พี่มีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?” ฉันถามออกไปตรงๆ เพราะดูท่าว่าเธอจะไม่พูดขึ้นง่ายๆ ฉันเองก็เป็นคนประเภทความอดทนต่ำเหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทนให้คนอื่นมามองอย่างสมเพชอีกนานแค่ไหน
สายตาที่รุ่นพี่พวกนี้มองฉันมันเหมือนว่าฉันเป็นเศษขยะที่น่ารังเกียจและไม่น่าเข้าใกล้ ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เธอเลยสักนิด รู้จักกันหรือเปล่า ก็ไม่ แต่ถ้าจะมาหาเรื่องฉันฉันเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ได้กับโฟร์หรือยัง?” พอถามจบรุ่นพี่ก็พูดโพล่งขึ้นมาทันที
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เธอถามคำถามนี้กับฉัน การที่เราเป็นรูมเมทกันมันจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องแบบนั้นกันด้วยเหรอ แล้วนี่ยังไงถ้าเกิดว่าฉันมีอะไรกับโฟร์ฉันจำเป็นต้องบอกเธอด้วยเหรอ
“ทำไมพี่ถามแบบนี้?” ฉันไม่ตอบคำถามของเธอแต่เลือกที่จะถามเธอกลับ พ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนหรือไงว่ามาพูดแบบนี้มันทำให้ตัวเองดูต่ำ ถ้าเกิดว่ามีอาจารย์เดินผ่านมาได้ยินเธอไม่อายเหรอ ไม่สิ ถ้าเธอกล้ามาถามขนาดนี้ยางอายของเธอก็คงไม่มีแล้วล่ะ
“ไม่ตอบแปลว่าใช่”
เอาเข้าไปถามเองเออเองหมดเลยแล้วอย่างนี้จะมาถามฉันทำไม ฉันเก็บโน้ตบุ๊คเข้ากระเป๋าสะพายหลังเพื่อจะออกจากร้าน ถ้าคุยไม่รู้เรื่องฉันก็ไม่อยากคุยไม่ใช่ว่าฉันหยิ่งนะ แต่ฉันไม่อยากมีเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ชาย ฉันไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมามีเรื่องเพื่อแย่งผู้ชายหรอกนะ
ถ้าอยากได้มากนักก็เอาไปเพราะเขาไม่ใช่ของฉัน
“เธอจะไปไหนไม่ได้ ถ้ายังตอบคำถามฉันไม่หมด”
“งั้นพี่ก็ถามมาสิคะ”
ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ ทำให้เธอมองหน้าฉันอย่างไม่ชอบใจ ก็แล้วไงอ่ะทีเธอยังมองฉันด้วยสายตาชิงชังเลย การที่ฉันจะทำเป็นรำคาญเธอมันจะเป็นอะไรไป
“ถ้าถามเรื่องของโฟร์บอกเลยค่ะว่าฉันกับโฟร์เราเป็นแค่รูมเมทกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลย”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ถ้าพี่ไม่เชื่อพี่จะมาถามฉันทำไม พี่ก็เอาเก็บไปคิดเองเข้าใจเองสิคะ ไม่น่าเสียเวลาถ่อสังขารมาถามฉันถึงที่นี่เลย ได้ข่าวว่ารุ่นพี่ไม่ได้รับสิทธิ์ให้พักที่หอพักนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
ฉันร่ายยาวรวดเดียวจบก่อนจะเดินหนีออกมา ให้ตายเถอะถ้าการที่ได้รู้จักกับโฟร์มันจะทำให้ฉันลำบากขนาดนี้ฉันขอไม่รู้จักเขาเลยดีกว่า นี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงคนไหนมาถามคำถามนี้เหมือนที่รุ่นพี่พวกนี้ถามฉันอีก
อีกอย่างนะการที่อยู่ห้องกับโฟร์ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกับเขาก็ได้นี่ หรือว่าใครที่ได้เข้าห้องกับเขาเป็นต้องเสียตัวให้เขาหมดทุกคนเลยงั้นเหรอ งั้นฉันจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธเขาเองก็ได้
ฉันกำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนของโฟร์อาจจะยังซ่อมราวผ้าไม่เสร็จ แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วไม่อยากมีเรื่องให้ต้องขายหน้า รุ่นพี่เดินเข้ามาขวางหน้าฉันเอาไว้พรรคพวกของเธอก็ล้อมตัวฉันเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนได้
ฉันกระชับกระเป๋าสะพายหลังเอาไว้แน่นคือถ้าใครกล้าเข้ามาทำร้ายฉันฉันจะฟาดใส่หน้าคนนั้นจริงๆ ด้วย ดูจากหน้าแล้วคงไม่สวยตามธรรมชาติแน่ๆ
นี่ถ้าฉันเผลอทำดั้งใครหักฉันไม่มีปัญญาชดใช้ให้หรอกนะ อย่างที่บอกว่าฉันไม่อยากมีเรื่องแต่ถ้าใครที่อยากมีเรื่องกับฉันฉันเองก็ไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน
“เธอไม่กลัวว่าฉันจะทำร้ายเธอเหรอลัลลลิลล์?” รู้จักชื่อจริงฉันซะด้วย นี่คงไปสืบประวัติฉันมาหมดแล้วสินะ ถ้างั้นเธอก็คงจะรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไม่สนใจผู้ชายเลย แล้วทำไมถึงตามมาหาเรื่องแบบนี้ อีกอย่างฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องกลัวเธอในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด
ฉันกับโฟร์เราเป็นแค่รูมเมทกันเท่านั้น
“ฉันมีมือมีเท้าเหมือนพี่ ทำไมฉันต้องกลัว?” ฉันเองก็สวนกลับไปเหมือนกัน ถ้าคิดว่าฉันมันตัวคนเดียวไม่กล้าสู้ใคร คิดผิดแล้วล่ะ เพราะการที่อยู่ตัวคนเดียวจะต้องเอาตัวรอดให้ได้และต้องพึ่งพาตัวเองได้เช่นกัน เรื่องแบบนี้ฉันเลยไม่กลัวถ้าจะมีใครมาทำร้ายฉัน
อ้อ! ลืมบอกไปอย่างหนึ่ง วันเสาร์อาทิตย์พ่อกับแม่นัดครูสอนมวยให้ฉันด้วยนะ ท่านบอกว่าอยู่ไกลบ้านอยากให้ฉันดูแลตัวเอง ฉันว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันและตอนนี้ฉันเองก็เก่งพอตัว ใครที่คิดทำร้ายฉันฉันจะซัดมันให้หายซ่าไปเลย
“เธอกล้าไปเจอฉันที่ลานจอดรถมั้ยล่ะ?” นี่คือจะนัดตบกันเหรอ ใช้หัวสมองอะไรคิดคนพวกนี้ ฉันก็เห็นแต่ในละครไอ้ที่ยกพวกตีกัน ไม่นึกเลยว่าจะมาโดนกับตัวเองแบบนี้แถมยังเป็นเรื่องของรูมเมทตัวเองที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย
“ไม่ค่ะ พอดีฉันมีสมองไม่ลดตัวลงไปเกลื่อกลั้วกับสิ่งที่มันไม่ดี ถ้ารู้ว่าสิ่งไหนไม่ดีฉันก็ไม่อยากเข้าใกล้ พ่อแม่ฉันสอนมาอย่างนี้น่ะค่ะ”
“แพตมันว่าพ่อแม่แกไม่สั่งสอนอ่ะ” ชื่อแพตหรอกเหรอ ชื่อไฮโซโบว์ใหญ่มาก แต่ทำไมมาทำตัวกร้านโลกแบบนี้ แถมยังให้รุ่นน้องอย่างฉันต้องมาสอนอีก เอาจริงๆ นะเธอเองก็วยไม่น่าจะมาแย่งแฟนคนอื่นเลยนี่เธอรู้หรือเปล่าว่าโฟร์มีแฟนแล้ว
“ฉันไม่อยากมีเรื่องกับพวกพี่หรอกนะคะ แต่ถ้าร้ายมาฉันก็ร้ายกลับ ถ้าพี่ตามสืบประวัติฉันพี่จะรู้ว่าฉันไม่ชอบมีเรื่องกับใคร”
ฉันถอนหายใจก่อนจะยกมือไหว้ขอโทษที่เผลอขึ้นเสียงและพูดจาแรงๆ ให้เธอ ฉันเองก็ยอมรับผิดว่าตัวเองไม่ควรต่อว่ารุ่นพี่แบบนี้
“ฉันขอโทษนะคะที่พูดแรงเกินไปหน่อย ฉันขอยืนยันค่ะว่าฉันกับโฟร์เราเป็นแค่รูมเมทกันเท่านั้น”
“พิสูจน์สิ” พี่แพตโพล่งขึ้นมาอย่างเสียงดัง “ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจจริงเธอต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วฉันจะเชื่อใจเธอ”
“พิสูจน์อะไรคะ?”
ที่จริงฉันไม่จำเป็นที่ต้องมาพิสูจน์อะไรบ้าบอแบบนี้ก็ได้นะ แต่ถ้าทำให้พวกเธอเลิกยุ่งกับฉันได้มันก็เป็นเรื่องที่ดี ในเมื่อฉันไม่ได้คิดอะไรกับโฟร์อยู่แล้วการที่ฉันจะพิสูจน์ตัวเองก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
“เป็นแม่สื่อให้กับฉัน”