เตือนแล้วนะ

2438 คำ
@อพาร์ตเมนต์ของปุยฝ้าย สามทุ่มเป็นเวลาที่ปุยฝ้ายจะต้องรอโทรศัพท์จากขุนพลเสมอช่วงหลัง ๆ เขาไม่ค่อยจะโทรหาเธอแต่จะเป็นฝ่ายปุยฝ้ายส่วนใหญ่ที่ต้องโทรไป เพราะที่ตอนนี้เขาต้องเรียนรู้งานของทางบ้านและต้องเรียนไปด้วยทำให้ขุนพลมีเวลาน้อยมาก ๆ ที่จะได้คุยกับคู่หมั้นสาวอย่างปุยฝ้าย หลังจากวางสายเธอก็ปิดไฟเตรียมตัวเข้านอนซึ่งเธอกำลังจะหลับตาลงก็มีสายวิดิโอคลอจากคนตัวโตชอบบงการโทรมา วิชญ์ : ลงมาเปิดประตูหน่อยครับ ง่วงนอนแล้ว ปุยฝ้าย : จะนอนแล้ว เก่งก็ขึ้นมาเองสิ วันนี้เธอหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะขุนพลไม่ค่อยจะใส่ใจและไม่มีเวลาให้เธอเท่าที่ควร ถึงเธอจะเข้าใจแต่อารมณ์ของผู้หญิงก็มีน้อยใจเป็นเรื่องปกติ วิชญ์ : ยอมแพ้แล้วดิ ปุยฝ้าย : วันนี้ปุยเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วิชญ์ : นะครับ วิชญ์อยู่ข้างล่างรอหนาวด้วย เขาอ้อนวอนเธอเพราะวันนี้เขาอยากมานอนใกล้ ๆ ให้หายคิดถึงหลังจากขึ้นมาที่ห้องของ ปุยฝ้ายวันนี้ดูท่าทางของปุยฝ้ายดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนักตาแดงเหมือนคนเพิ่งจะร้องไห้มา วิชญ์เขาสนใจและแอบสังเกตเห็นวันนี้เขาตั้งใจจะมาเอาคืนที่จู่ ๆ ก็มีหนุ่มหล่ออุตสาหการมาจีบคนของเค้าเป็นการหักหน้าเขาชัด ๆ “ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยสู้ดี” เขาเอามือมาแตะหน้าผากมนอย่างเบามือและเช็คว่าเธอมีไข้หรือเปล่า “สงสัยอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นน่ะ ปุยไม่เป็นไร” วิชญ์เดินไปหยิบกล่องยาและแกะยาลดไข้พร้อมกับแก้วน้ำมาให้เธอ “กินยาแล้วพักผ่อนนะ วิชญ์จะอยู่เป็นเพื่อน” เขายื่นยาและแก้วน้ำให้สาวบัญชีคนโปรดอย่างใส่ใจ “ปุยไม่เป็นอะไร” วันนี้เธอเป็นวันนั้นของเดือนอารมณ์จึงไม่ปกติ บวกกับขุนพลที่มัวแต่ยุ่งไม่โทรหาเธอเลยกว่าเขาจะรับสายและคุยกันไม่กี่คำเท่านั้น “แค่ยาลดไข้กลัวเป็นยาพิษรึไง ถ้าไม่กินวิชญ์จะปล้ำนะ” เขาหงุดหงิดที่อุตส่าห์เป็นห่วงแต่โดนปฏิเสธน้ำใจปุยฝ้ายรีบหยิบยาและกินมันลงไปทันที เขาอดกลั้นหัวเราะไม่ได้ในเวลานี้ปุยฝ้ายที่ว่านิ่ง ๆ ดูอ่อนโยนแต่ที่จริงเวลาที่เธออยู่กับเขาจะเป็นคนหัวดื้อไม่ใช่เล่น “ก็แค่เนี๊ย ดื้อ!” เขาแอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากบางเธอเผลอยิ้มออกมา ทำเอาใจเขาละลายน้อยครั้งมากที่จะเห็นยัยหน้านิ่งยิ้มให้เขาทั้งคู่ต่างหัวเราะและหยอกล้อคุยกัน ดูเหมือนว่าวิชญ์จะทำให้ปุยฝ้ายอารมณ์ดีขึ้นมาได้ “วันนี้ทิ้งกันที่โรงยิมอีกล่ะนะ ใจร้ายมากก….ปุยฝ้าย” วิชญ์นอนข้าง ๆ เธอวันนี้ใส่ชุดนอนกางเกงขาสั้นสีฟ้าใบหน้าไร้เครื่องสำอางผิวพรรณสะอาดสะอ้านเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็ก เรือนผมยาวสีน้ำตาลธรรมชาติสยายหอมกลิ่นอชมพูอ่อน ๆ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้นอนใกล้ชิดเธอและได้ยินเสียงหายใจที่แผ่วเบาของเธอแบบนี้ “ก็แข่งจบล่ะนิ จะยืนทำอะไรมิทราบ” ปุยฝ้ายกวนประสาทเขาเล่น “หึ! และวันนี้แจกเบอร์ไปกี่คนล่ะมิทราบ ช่วยไปอ่อย…ผู้ชายให้ไกล ๆ ตาหน่อยไม่ได้รึไง” เขาเริ่มออกอาการประชดประชันเพราะเขาแอบหึงเธอทุกครั้งที่มีผู้ชายคนอื่นเข้ามาใกล้ ๆ เขายิ่งหงุดหงิดตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย “จะบ้ารึไง….เขาแค่ทักทายและแนะนำตัวก็เท่านั้น” ปุยฝ้ายอธิบายถึงเหตุการณ์ตอนนั้นที่หนุ่ม อุตสาหการคนที่นั่งใกล้ ๆ เธอเข้ามาทักทายและตีสนิท “ต่อหน้าวิชญ์อย่าทำแบบนี้อีก วิชญ์ไม่ชอบ” เขาต่อว่าเธอถึงเหตุการณ์ในวันนี้ที่เขาเห็นกับตามันเป็นภาพบาดตาบาดใจไม่น้อย ทำเอาคนที่ได้ยินสับสนกับอาการและพฤติกรรมที่เขาต้องมาคอยสแกนผู้ชายทุกคนที่มาเข้าใกล้ ว่าเขาจะคอยขวางและโกรธเธอไปทำไมกันเพราะทั้งคู่ไม่ได้มีสถานะหรือคบหาอะไรกันทั้งนั้น “ก็แค่นั่งเฉย ๆ ป่ะ! ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งหายใจก็ผิดว่างั้น” เธอก็ไม่ยอมให้เขาต่อว่าเธอได้ฝ่ายเดียววิชญ์ที่เขาอดกลั้นความโกรธเอาไว้ในใจเพราะเขาทำอะไรเธอไม่ได้ ในใจเขานั้นอยากจะกระชากคนปากดีที่กล้าเถียงเขาทุกเม็ดมาจูบซะให้หายปากเก่งเขารีบหันหน้ามาและยื่นใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ ๆ เธอทำเอาปุยฝ้ายหัวใจกระตุกวาบ “ล้ำเส้น” มือบางรีบเอาหมอนข้างที่กลั้นตรงกลางมาดันหน้าคนหล่อเจ้าเล่ห์ออกไป วิชญ์ด้วยความที่เขาอยากแกล้งยัยหน้าจืดเขาจึงเอามือจับหมอนข้างแล้วปามันทิ้งลงบนพื้น พรึบบ! ปุยฝ้ายสตั้นและตาค้างอึ้งไปกับการกระทำของเขาบรรยากาศในห้องเงียบกริบ ได้ยินเพียงแค่เสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดัง เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมาคุ๊……ที่มันเย็นยะเยือกแปลกๆ “มันเกะกะนอนไม่สะดวก ห้ามเอามันขึ้นมาอีก” เขาสั่งห้ามเธอและนอนหันหน้ามาทางเธอสายตาคมกริบจ้องมอบใบหน้าหวานที่นอนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก มองไปที่ใบหน้าสวยและสายตาคู่งามได้ชัดเจนตอนนี้วิชญ์ทั้งหลงและคลั่งไคล้ในตัวของปุยฝ้ายที่สุด ยิ่งทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกันมันยิ่งทำให้เขารู้จักนิสัยใจคอเธอมากขึ้นเธอเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่เขาต้องยอมอะไรมากมายขนาดนี้ เขาไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากความรู้สึกนี้ได้จริง ๆ ปุยฝ้ายเริ่มใจคอไม่ค่อยดีจึงทำตามเขาอย่างว่าง่ายและไม่ต่อปากต่อคำอีก ทางด้านวิชญ์เขารู้จุดอ่อนของเธอเขาจึงแกล้งยัยหน้าจืดเพื่อเป็นการสั่งสอนให้เธอสงบและประหม่า “หึ! ยัยหน้าจืดถ้าเป็นเมียจะเอาให้เข็ดจนต้องร้องขอชีวิตเลยคอยดู” เขาได้แต่คิดในใจเท่านั้นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาต้องทำคะแนนชนะใจเธอให้ได้ จึงต้องอดทนกับเธอให้มากที่สุดวิชญ์เดินไปปิดไฟในห้องและปุยฝ้ายก็เปิดโคมไฟข้างเตียง เธอไม่กล้าปิดไฟนอนเพราะไม่ไว้ใจคนข้าง ๆ ทางด้านคนตัวโตที่วันนี้เล่นฟุตบอลมาอย่างเหน็ดเหนื่อยก็เผลอหลับไปอย่างง่ายดาย ส่วนคนปุยฝ้ายด้วยฤทธิ์ยาและปวดหน่วงที่ท้องเพราะประจำเดือนเธอจึงเผลอหลับตามเขาไปอีกเช่นกัน เช้าวันต่อมา เช้าวันนี้เป็นวันที่ วิชญ์ไม่มีเรียนเขาจึงยังไม่ลุกจากเตียงอันที่จริงเขาตื่นตั้งนานแล้ว แต่มีมือเล็ก ๆ กับขาเรียวของคนที่นอนข้าง ๆ มากอดเขาไว้จนลุกไปไหนไม่ได้วิชญ์ยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา “ยัยหน้าจืดนอนขี้เซาลืมตื่นแน่ ๆ” วิชญ์เอามือมาเขี่ยปอยผมนิ่มที่มันบังหน้าสวยปุยฝ้ายนอนได้น่าเอ็นดูมาก ถ้าเธอตื่นมาและรู้ตัวว่าเธอเป็นฝ่ายมากอดเขาก่อนจะเป็นยังไงคงต้องมีคนวีนแตกแน่ ๆ งานนี้ ด้วยความน่าเอ็นดูวิชญ์จึงอดไม่ได้ที่จะแอบหอมแก้มใสของคนที่หลับใหลอยู่เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าผู้ชายอย่างเขาคนที่หยิ่งและเพอร์เฟกต์ทุกอย่างกลับต้องมายอมสยบให้กับผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเธอจะมีเจ้าของไปแล้วแต่เขาก็ยังห้ามใจตัวเองให้หลงเธอไม่ได้ราวกับว่าเธอมีเวทย์มนต์สะกดให้เขานั้นหลง เมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มขยับวิชญ์ก็แกล้งหลับตาต่อทันที เธองัวเงียและกอดวิชญ์แน่นคิดว่าเป็นหมอนข้างใบโปรดแต่พอลืมตาขึ้นมาเท่านั้นก็พบว่า เธอกำลังนอนกอดเขาอยู่และเขาก็กอดเธอด้วยเหมือนคู่รักที่นอนกอดกัน “อร้ายย!” ปุยฝ้ายร้องลั่นจนวิชญ์ลืมตาขึ้นมา “ใจเย็น ๆ ยังไม่ได้กันร้องทำไมกวนคนจะนอน” ปุยฝ้ายเลิ่กลักเอามือมาสำรวจร่างกายตัวเองเสื้อผ้าชั้นในยังเธออยู่ครบ จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่และโล่งใจที่เขาไม่ได้แอบล่วงเกินเธอ “ฟูวว...โล่งอก” “นี่ยัยหน้าจืด เข้าใจอะไรผิดป่ะเธอนั่นแหละที่เป็นคนมาลวนลามเค้าก่อน” วิชญ์ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะเขาแอบดีใจที่เธอเป็นฝ่ายเข้ามานอนกอดเขาเองทั้งคืน “ไม่นับ ย่ะ!” ปุยฝ้ายมองค้อนเขาอย่างน่าเอ็นดู วิชญ์จึงเอามือหนาดึงเอวคอดของเธอมากอดเอาไว้ตอนที่เธอเผลอ “ว๊าย!” ปุยฝ้ายสะดุ้งร้องเสียงหลงที่จู่ ๆ เขาก็กอดเธอแบบนี้ “จะทำอะไร ปล่อยปุยนะ” ร่างบางดิ้นคลุกแต่ไม่สามรถหลุดจากวงแขนแกร่งของคนตัวโตกว่าได้นาทีนี้วิชญ์ทนไม่ไหวจึงก้มหน้าไปหอมแก้มยัยหน้าจืดของเขาอย่างละมุน ปุยฝ้ายที่ตอนนี้หัวใจเต้นแรงแทบจะสติแตกเขาเอาเปรียบเธออีกแล้ว “วิชญ์ แค่กอดเองไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย มากกว่านี้เราก็เคยจูบกันมากี่ครั้งลืมแล้วงี้” เขาขยี้เรื่องราวในวันนั้นที่เขาจูบเธอถึงสองครั้ง ทำเอาเธอถึงกับสะอึก “ก็ได้ถ้านายทำมากกว่านี้ นายแพ้” ปุยฝ้ายเมื่อได้สติจึงได้ทวงข้อตกลงทำให้ คนตัวโตหยุดและปล่อยเธอจากอ้อมแขนวิชญ์ยิ้มกรุ้มกริ่มและนอนต่อแบบไม่แยแส “ตายแล้ว สายแล้ว...” เธอรีบลุกไปทำโจ๊กและไม่ลืมทำเผื่อคนที่นอนสบายใจบนเตียงหลังจากนั้นก็รีบแต่งตัวและอาบน้ำเพื่อไปเรียน วิชญ์จึงลุกขึ้นมาแปรงฟันและตักโจ๊กฝีมือคนสวยหน้าจืดสองชามแล้วเทน้ำส้ม อีกสองแก้วรอคนตื่นสายมากินพร้อมกัน ทั้งคู่กินอาหารเช้าด้วยกันเป็นภาพเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ผิด วิชญ์มีความสุขมากที่ได้มีโอกาสใช้เวลากับยัยหน้าจืดของเขา ดู ๆ ไปแล้วปุยฝ้ายเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเอามากกับคนอื่นเธอดูเป็นคนใจดีแต่กับวิชญ์เธอเป็นคนดุ ๆ และดื้อมากนี่เขาคลั่งรักเธอมากเลยก็ว่าได้ “รีบไปรีบกลับนะ ตั้งใจเรียนล่ะ” วิชญ์เก็บชามและแก้วน้ำให้เธอและเดินมาเอามือมาลูบหัวทุยเบา ๆ อย่างเอ็นดู ปุยฝ้ายไม่พูดอะไรเธอยังมึนงงและอึ้งกับคนอารมณ์แปรปวนอย่างเขาที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดาทางไม่ถูก เธอยิ้มอย่างสดใสให้วิชญ์ก็เอามือมาขยี้แก้มป่องที่เห็นลักยิ้มหวานที่แก้มใสนั้นนาทีนี้ต้องบอกเลยว่าวิชญ์หลงใหลรอยยิ้มของยัยหน้าจืดหัวปักหัวปำ เขาคิดว่าจะละลายก้อนน้ำแข็งในใจของยัยหน้าจืดเจ้าหญิงน้ำแข็ง ไป ๆ มา ๆ ตัวเขาเองนั่นแหละที่เป็นคนจุดไฟเผาตัวเองไปแล้ว @ห้องสมุด “แหม๋ม ๆ ๆ วันนี้อีปุยมีผู้มาส่งว่ะ….ไงจ๊ะยังไงเล่ามา” เต้ยแซวปุยฝ้ายเพราะวิชญ์ไม่ยอมให้มาเรียนกับกิ๊ก เธอเองก็ปฏิเสธแต่ก็สายมากแล้วจึงยอมให้เขาขับบิ๊กไบค์มาส่งที่คณะ สาว ๆ ที่เห็นรถก็จำได้ว่าเขาคือใครแม้ว่าจะใส่หมวกกันน็อกก็ตามรัศมีออร่าของวิชญ์นั้นทุกคนจำได้ว่าเป็นเค้า ทางด้านปุยฝ้ายก็ใส่แมทเพื่อปิดบังใบหน้าแม้จะช่วยไม่ได้มาก “อะไร....ก็กูสายไงวันนี้กูตื่นสายวิชญ์เขาไม่มีเรียนจึงมาส่ง” ปุยฝ้ายตอบปัด ๆ เพื่อแก้เขิน “ระวังมึงจะตกหลุมรัก พ่อหนุ่มโยธาคนดังเข้าให้นะ คู่แข่งมึง candidate เป็นร้อยไหนจะเมียเค้าอีก” เต้ยเตือนสติเพื่อนสาวด้วยความห่วงใยถึงแม้ทั้งคู่จะดูเหมาะสมกันก็ตาม แต่มันไม่ยุติธรรมสำหรับแฟนของคนทั้งคู่ทั้งวิชญ์และปุยฝ้ายต่างมีเจ้าของมันจึงไม่สมควรที่จะคบกันอยู่แล้ว “อีกแค่แปดวัน มึงคิดมากไปป่ะ” ปุยฝ้ายยังยืนยันและมั่นใจว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับวิชญ์ ขุนพล : ปุยครับ ขุนต้องไปจีนสามสัปดาห์ ไปดูงานกับพ่อแม่และเพื่อนธุรกิจของพ่อ ปุยฝ้าย : ค่ะ ขุนพล : ขอโทษนะ ไว้ขุนจะซื้อของมาฝากช่วงนี้ขุนยุ่งมากจริง ๆ คิดถึงนะครับคนดี ปุยฝ้าย : เป้นกำลังใจให้สู้ ๆ นะคะ หลังจากแชทคุยกับขุนพลเสร็จปุยฝ้ายเธอก็ออกอาการนอยด์สีหน้าไม่ดีนัก ปากบอกว่าไม่เป็นไรแต่ในใจก็รู้สึกจนกิ๊กสังเกตเห็นเธอรู้ว่าช่วงนี้ขุนพลไม่มีเวลาและไม่เคยมาหาปุยฝ้ายสักครั้ง และปุยฝ้ายจะชอบมาปรับทุกข์กับเธอบ่อย ๆ “เอาน่า ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น” กิ๊กลูบหลังปลอบใจปุยฝ้ายอย่างเอ็นดู เธอรับรู้ถึงปัญหาและความห่างไกลของคนทั้งคู่มาโดยตลอด ทางด้านวิชญ์เขาได้ไปเก็บสำภาระเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยที่คอนโด และได้แวะซื้ออาหารสำหรับมื้อเย็นเพื่อรอคนสวยหน้าจืดของเขา วิชญ์รู้ว่าเธอไม่กินเผ็ดจึงเลือกแต่อาหารรสชาติกลาง ๆ ค่อนไปทางจืดเขาใส่ใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ วันนี้ก็เป็นคืนที่สามเขาเหลือเวลาที่จะใกล้ชิดเธอแบบนี้อีกไม่นานแล้ว วิชญ์จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเอาใจปุยฝ้ายให้มากที่สุด เขานั้นอยากให้มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษกับคนพิเศษอย่างปุยฝ้ายถึงแม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้น้อยที่เธอและเขาจะได้คบกัน อย่างน้อยขอแค่ครั้งนี้ที่เขาจะได้ดูแลเธอถึงมันจะเป็นเวลาสั้น ๆ ก็ตามมันดีเสียกว่าที่เขาจะไม่ได้ลองทำอะไรเลยและจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม