แพ้รักลูกบุญธรรม
ตอนที่7 ว่าที่ลูกสะใภ้
_____________________
"ดีขึ้นไหมครับให้แดดดี้จูบหนูลินอีกรึเปล่า"ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดได้เพียงแต่พยักหน้าอย่างต้องการ แต่ไร้เสียงตอบรับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบกลับ ดวงตายังหลับพริ้มใบหน้ายังซีดเผือดให้ภาคินได้เป็นกังวล จูบของแดดดี้เหมือนยาชั้นดีที่ทำให้ลลินอบอุ่นหัวใจ
"เชิญทางนี้ค่ะคุณหมอ"เสียงแว่วที่ดังเข้ามาจากด้านนอกทำให้ทุกสายตาต่างจ้องไปที่ประตูบานหนา คุณหมออนุพันธ์นายแพทย์ประจำตระกูล ที่ท่านเจ้าสัวยุทธนาและคุณหญิงวรรณาไว้วางใจมากที่สุด เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยความเร็ว ภาพตรงหน้าทำให้ท่านชะงักนิดหน่อยแต่ก็สามารถปรับความตกใจให้กลับมาเป็นปกติได้
"สวัสดีครับคุณหญิง สวัสดีครับคุณภาคิน"คุณหมอวัยกลางคนกล่าวทักทายก่อนที่จะรีบรุดเดินไปนั่งข้างเตียงเพื่อตรวจอาการของคนไข้ที่อยู่ในอ้อมกอดของลูกชายคนโตของวิจิตรมณีรัตน์ ที่ดูท่าแล้วคงไม่ปล่อยคนป่วยออกจากอ้อมอกง่ายๆ ดูก็รู้ว่าหวงมากแค่ไหนหวงแม้กระทั่งหมออนุพันธ์
"มีไข้สูงมากครับดีที่ไม่มีอาการชัก ต้องฉีดยาส่วนยาเม็ดจำพวกลดไข้หรือบรรเทาอาการปวดหัวก็แค่บรรเทาไม่สามารถทำให้คุณลลินหายจากอาการที่ว่าได้"คุณหมออธิบายอย่างใจเย็น แต่คนที่ใจไม่เย็นคงเป็นภาคิน
"มะไม่ฉีดนะคะ"เสียงแผ่วเบาที่แทบจะไม่ได้ยินร้องขอขึ้น ลลินกลัวเข็มจนขึ้นสมองถึงมันจะเล็กแต่มันก็สามารถทำให้เธอร้องไห้ได้
"ฉีดนะครับหนูลินจะได้หายแดดดี้เป็นห่วง"ภาคินพยักหน้าส่งสัญญาณให้คุณหมอที่เตรียมทุกอย่างไว้รอ ปากหยักรีบกดจูบปากอิ่มที่แดงระเรื่ออย่างนุ่มนวล ดึงดูดความสนใจเพื่อไม่ให้ลลินต้องกังวลถึงเรื่องการฉีดยา ทั้งคุณหญิงวรรณาและสาวใช้ต่างตกใจยกมือขึ้นทาบอกอีกครั้ง ได้แต่ท่องพุทโธ ธัมโม อยู่ภายในใจ หมออนุพันธ์เลิ่กลั่กแต่ก็รีบทำตามหน้าที่ ทำเอาหัวใจคนแก่แทบวายตาย
คุณหมออนุพันธ์รีบฉีดยาพร้อมกับค่อยๆเร่งตัวยาอย่างไม่ช้าและไม่เร็วจนเกิน จะพูดว่าฉีดเสร็จแล้วก็ไม่กล้าได้แต่ลุกขึ้นยืนและกระซิบขออนุญาตคุณหญิงกลับก่อน คุณหญิงและทุกคนก็ควรจะออกไปเช่นกัน ยาชั้นดีของลลินคงเป็นภาคินแล้วละคุณหญิงคิด ท่านเดินออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"คุณหมอฉีดยาให้หนูลินของแดดดี้เสร็จแล้วเจ็บไหมครับ"กระซิบถามพลางจูบไปตามขมับนิ่มลากยาวจนมาถึงแก้มอิ่มทั้งสองข้าง
"ไม่เจ็บค่ะ"ฝืนตอบไม่อยากให้แดดดี้ที่ใจดีในตอนนี้ต้องพูดอยู่คนเดียว
"เห็นไหมแดดดี้บอกแล้ว"ใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยปากอิ่มเล่น แม้จะป่วยไข้แต่ความหวานจากปากเล็กก็ไม่เคยจางหายจากเด็กสาวที่ชื่อลลิน ภาคินติดใจจนต้องจูบลลินที่เลี้ยงมากับมืออยู่บ่อยครั้งทั้งหมดเพราะหัวใจมันเรียกร้อง
"ที่ไม่เจ็บเป็นเพราะแดดดี้จูบหนูลิน หนูลินอยากป่วยไปตลอด แดดดี้จะได้ใจดีดูแลหนูลิน จูบหนูลินกอดหนูลิน"แล้วทุกอย่างก็เงียบลง ลลินหลับใหลอาจจะด้วยพิษไข้และฤทธิ์ยา
"ตื่นขึ้นมาและรีบหายป่วยนะครับหัวใจของแดดดี้ แดดดี้ไม่รู้จะห้ามใจได้อีกนานแค่ไหนที่จะไม่แตะต้องหนู"จูบหนักๆไปบนปากหยักเล็กที่ได้รูปอีกครั้ง ต่อให้จูบกี่พันครั้งภาคินก็ไม่เคยคิดที่จะเบื่อ จะเบื่อได้ไงถ้าไม่รักก็คงไม่ขอมาเลี้ยง รักตั้งแต่วันแรกที่เห็นจนถึงปัจจุบัน
เช้า
หน้าต่างบานหนาที่ถูกเปิดอ้าออกในยามเช้าเป็นฝีมือของภาคินที่อยู่เฝ้าลลินอย่างไม่ห่างตลอดทั้งคืน ผ้าม่านสีขาวที่ลู่ลมสะบัดอย่างบางเบา แสงแดดยามเช้าอันแสนอบอุ่นสาดส่องเข้ามาจนลลินรู้สึกแยงตา ร่างบางค่อยๆขยับพยายามลืมตาขึ้น อากาศเย็นในยามเช้าทำให้ลลินสดชื่นแม้เรี่ยวแรงจะยังไม่มี
คนตัวเล็กที่นอนตะแคงไปทางหน้าต่างมองดูผ้าม่านพลิ้วไหวอย่างเหม่อลอย ใจดวงน้อยคิดไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามา แม้ภาคินจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆลลินก็ยังไม่รู้สึกตัว
"ดะแดดดี้"ร่างบางถึงกับสะดุ้งเมื่อมือกร้านสัมผัสเข้าที่ไหล่เนียน
"ใจลอยไปถึงไหนหืม"ถามขึ้นอย่างสงสัยพร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้ให้มากกว่าเดิม ภาคินจรดหน้าผากลงกับหน้าผากของคนตัวเล็ก อยากวัดไข้โดยไม่ต้องใช้หลังมือหรือปรอท จากที่ตัวร้อนรุ่มดังเพลิงกลับเบาบางลงเหลือแค่ความอุ่น นั่นจึงทำให้ภาคินยิ้มกว้างได้มากขึ้นในช่วงเช้า เพราะก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปอาบน้ำร่างบางตัวยังร้อนอยู่นิดหน่อย
"หายตัวร้อนแล้วนะคนเก่งของแดดดี้"ใช้จมูกโด่งปัดป่ายกับจมูกรั้นเล็กด้วยความรักแกมมั่นเขี้ยว ลลินได้แต่ยิ้มดีใจ เธอดีใจที่ตื่นเช้ามาเจอแดดดี้ ดีใจที่แด๊ดดี้ไม่ได้หนีหายไปไหนในยามที่เธอป่วยไข้ แก้มแดงสุกปลั่งจนภาคินรู้สึกเอ็นดู สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวที่จะจูบแก้มซ้ายแก้มขวาและปากเล็กๆในยามเช้า
ฟอด ฟอด จุ๊บ
"หิวข้าวรึยังครับ"ภาคินถามเนื้อปากเสียดสีจนลลินรู้เขินอาย ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบจะสุก หัวทุยส่ายไปมาให้เป็นคำตอบ ไม่กล้าตอบเพราะถ้าขยับปากนิดหน่อยก็คล้ายเธอกับแด๊ดดี้จูบกัน
"ตอบแดดดี้ครับห้ามส่ายหน้ารู้ไหม"จ้องมองไปที่ดวงตากลมโต อยากแกล้งเด็กน้อยในตอนเช้าให้อารมณ์ดี เพราะคิดว่าสายๆจะพาลลินไปเที่ยวสักหน่อยถ้าหายดีแล้ว แต่ต้องถามความคิดเห็นเจ้าตัวว่าอยากไปไหมแล้วไหวรึเปล่า
"มะไม่หิวค่ะ"ภาคินตั้งใจให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ตั้งใจให้เนื้อปากอิ่มเสียดสีเพราะมันปลุกเร้าอารมณ์ดิบได้เป็นอย่างดีในช่วงเช้า ลลินทั้งพูดทั้งเขินเพราะแดดดี้ไม่เคยทำแบบนี้กับเธอ อย่างมากก็แค่กอดจูบ แต่ดูในตอนนี้สิแดดดี้ทำเหมือนเธอเป็นคนรักห่วงใยกันจนลลินรู้สึกดี มันดีมากๆเลยด้วย
คุณหญิงวรรณา ป้าสี และสาวใช้ที่เดินถือข้าวต้มกับเม็ดยาขึ้นมากะว่าจะให้ลลินได้ทานอาหารอ่อนร้อนๆจะได้มีแรงแต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ถอยทัพถอยเท้าจนแทบไม่ทัน ประตูที่แง้มเสียงที่พูดคุยทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของคุณหญิงทุกวินาที ไม่ได้แอบดูหรือแอบฟังหรอก แต่คุณหญิงท่านตั้งใจฟังตั้งใจดูให้เห็นชัดๆเต็มสองลูกกะตา
ท่านสะกิดให้โสมสาวใช้เก็บภาพจะส่งให้สามีสุดที่รักอย่างท่านเจ้าสัวยุทธนาได้ดู รายนั้นคงยิ้มจนแก้มแทบปริถ้าเห็นภาพถ่าย เพราะท่านอยากให้ภาคินกับหลานรักอย่างลลินแต่งงานกัน พวกท่านไม่สนอะไรทั้งนั้นเพราะลลินคือลูกบุญธรรมไม่ใช่ลูกแท้ๆตามสายเลือด เพราะฉะนั้นแต่งได้ไม่มีปัญหา
"หนูลินคงเป็นลูกบุญธรรมที่รักของแดดดี้ภาคินแล้วละ ใช่ไหมสี"คุณหญิงที่เดินลงจากบันไดโดยมีป้าสีคอยประคองท่านว่าขึ้นด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ฉายชัดว่าลลินคือลูกสะใภ้ท่านมั่นใจ ยิ่งได้เห็นแววตาของภาคินท่านยิ่งมั่นใจ ต่อให้ที่ผ่านมาภาคินเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งขนาดไหนแต่เมื่อครู่มันชัดเจนจนคุณหญิงเชื่อในสายตาที่ผ่านโลกมาครึ่งชีวิต ว่าลูกชายคงรักลลินเข้าให้ เหตุที่ต้องเฉยชาก็คงมองว่ามันไม่สมควร จึงพยายามหนีหน้าลลินอยู่บ่อยครั้ง
"ใช่ค่ะคุณหญิง"ป้าสีว่าขึ้นอย่างไม่ขัดใจเพราะหลักฐานชัดเจนขนาดนั้น
"ฉันคงต้องเตรียมแหวนเพชรเม็ดงามไว้รอลูกสะใภ้แล้วละสี"