“หึ ฟังไม่ผิดหรอก พ่อของเธอเป็นหนี้พวกเราอยู่ห้าล้าน นี่ยังไม่รวมดอกเบี้ยเลยนะ” ผู้จัดการบ่อนแค่นหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น
“พ่อนะพ่อ เงินตั้งห้าล้านหนูจะไปหามาจากไหนคะ”
แม้ว่าครอบครัวของเธอจะมีธุรกิจแฟรนไชส์อยู่หลายสาขา แต่กำไรที่ได้พ่อก็เอามาถลุงกับบ่อนพนันหมด ดีที่ยังคิดได้เหลือไว้ให้เธอกับแม่เอาไว้ใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่เป็นหนี้มากขนาดนี้ ขายธุรกิจที่มีทั้งหมดก็คงจะไม่พอชดใช้ แถมยังจะทำให้แม่ของเธอลำบากไปด้วย
“ฉันช่วยเธอเอง” ไต้ฝุ่นที่ได้แต่ยืนฟังก็เสนอตัวเข้าช่วยเหลือ จากนั้นก็หันไปบอกกับผู้จัดการบ่อน “พรุ่งนี้ฉันจะให้คนเอาเงินห้าล้านมาให้”
“ครับ”
“ขอบใจนายมากนะที่ช่วย นายเป็นแฟนของลูกสาวฉันเหรอ” พ่อของหญิงสาวยกยิ้มเอ่ยถามอย่างโล่งใจ อยู่ ๆ ก็มีคนมาประเคนเงินก้อนโตใช้หนี้ให้แบบนี้ก็สบายตัวไปเลย
“ไม่ใช่นะคะพ่อ เขาเป็นแค่รุ่นพี่ค่ะ” นับดาวรีบปฏิเสธ เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ยอมเอาเงินห้าล้านมาช่วยใช้หนี้ให้แบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันความคิดของเธอก็บอกแค่พาพ่อออกไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยหาโอกาสคุยเรื่องค*****นกันทีหลัง
“ผมใช้หนี้ให้แล้วต่อไปไม่ต้องเข้ามาเล่นแล้วนะครับ ผมขอบัตรคืนด้วย” ไต้ฝุ่นยื่นมือออกไปรอตรงหน้าเพื่อขอบัตรสมาชิกของบ่อน
พ่อของหญิงสาวดูมีท่าทีลำบากใจ คนมันเล่นมานานจู่ ๆ จะให้มาเลิกเล่นมันก็ทำใจยาก แต่พอลองคิดดูดีๆ ถ้าวันนี้ไม่มีคนมาใช้หนี้ให้ มีหวังกลับบ้านไปคงได้โดนเมียบ่นจนหูชา และไม่รู้ว่าจะเอาปัญญาไปหาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้ที่สร้างเองกับมือ
“อืม” พ่อของหญิงสาวขานรับก็เลื่อนมือลงไปล้วงบัตรออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างเชื่องช้า นับดาวที่เห็นบัตรปุ๊บก็รีบคว้าเอามาไว้แล้วส่งให้กับหนุ่มรุ่นพี่ เธอคิดแค่ว่ารีบๆ คืนบัตรไปปัญหาทุกอย่างจะได้จบ
“จัดการให้ด้วยนะครับ บ่อนของเฮียทั้งหมด ห้ามให้ผู้ชายคนนี้เข้าโดยเด็ดขาด” ไต้ฝุ่นหันไปออกคำสั่งกับผู้จัดการวัยกลางคน และทางนั้นก็น้อมรับโดยไม่ลังเล
“ครับคุณไต้ฝุ่น”
“พาพ่อเธอออกไปได้ละ”
“ค่ะ”
นับดาวยังคงสับสนเล็กน้อยแต่ก็รีบทำตามที่เขาบอกพาพ่อออกไปจากบ่อน และพอพ้นประตูก็ให้ผู้เป็นพ่อออกไปรอที่ข้างนอก ส่วนเธอก็เดินตามหลังของหนุ่มรุ่นพี่เข้าไปข้างใน
“มีอะไรอีก เธอทำให้ฉันเสียเวลามามากพอแล้วนะ” ทั้งเสียเวลาไปกับสาว และเสียเวลาดื่มเหล้ากับเจ้าของผับ
“คือ…”
“มีอะไรก็รีบพูดดิ ฉันไม่ได้มีเวลามารอเธอทั้งคืนหรอกนะ หรือถ้าอยากจะให้รอทั้งคืนก็คงต้องเปิดห้องคุยกัน”
“ไม่ ไม่คุยทั้งคืน ฉันแค่จะมาขอบคุณ” นับดาวเงยหน้ามองใบหน้าหล่อแล้วเอ่ยปฏิเสธน้ำเสียงตะกุกตะกักตามด้วยคำขอบคุณ
ขอบคุณที่เพิ่งจะรู้จักกันแต่เขาก็ใจดีให้ความช่วยเหลือ แม้ว่าปากจะร้ายไปหน่อยแต่ก็ยังถือว่ามีความดีอยู่
“หึ คิดว่าฉันจะช่วยเธอฟรีๆ อย่างนั้นเหรอ” ไต้ฝุ่นแค่นหัวเราะแล้วถามกลับ เงินตั้งห้าล้านใครให้ไปฟรีๆ ก็บ้าแล้ว
“ฉันจะหาเงินมาคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แต่ขอเวลาหน่อยแล้วกัน” นับดาวเริ่มต่อรอง
เธอก็ไม่คิดจะเอาเงินของใครเหมือนกัน แต่สถานการณ์ตอนนั้นถ้าปฏิเสธไปก็ไม่รู้ว่าจะพาพ่อออกไปจากที่นั่นได้อย่างไร เลยต้องเลยตามเลย แล้วค่อยหาหนทางกันทีหลัง
“คนอย่างเธอมีปัญญาหาเงินมาคืนได้เดือนละกี่บาทกัน”
“สรุปแล้วนายจะเอายังไงกันแน่”
“พรุ่งนี้ไปรอฉันที่หลังตึกวิศวะ แล้วฉันจะบอก”
“ทำไมต้องพรุ่งนี้ บอกตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ” ด้วยความสงสัยทำให้นับดาวไม่อาจทนรอวันพรุ่งนี้ได้ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายเดินหน้าเข้าหา เธอจึงขยับตัวหนีจนแผ่นหลังแนบชิดกับผนังเย็นเฉียบไร้ที่ให้หลบหลีก
“ทำไม อดใจรอไม่ได้แล้วเหรอ” หนุ่มรุ่นพี่ยกสองมือขึ้นค้ำยันกับผนัง โน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู
นับดาวหันหน้าหนีไปอีกด้าน ยกมือทั้งสองดันแผงอกของคนตัวสูงเพื่อไม่ให้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้
“พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ นายจะให้ฉันไปหากี่โมง”
“ฉันเลิกเรียนสี่โมง หวังว่าไปถึงแล้วจะเห็นเธออยู่ที่นั่น เพราะถ้าฉันเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาพ่อของเธออาจจะไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้าน” ไต้ฝุ่นพ้นคำขู่ให้สาวรุ่นน้องเกิดความกลัวจะได้ไม่กล้าหือกับเขามาก
“ตกลง ฉันจะไปรอที่นั่นก่อนสี่โมง”
“อ้อ อย่าลืมล่ะว่าฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอ และฉันคือคนที่ช่วยพ่อของเธอเอาไว้”
“ค่ะฉันจะจำเอาไว้ ขอตัวกลับก่อนนะคะ” นับดาวจำใจต้องขานรับ สิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูกทุกอย่าง เธอและพ่อติดหนี้บุญคุณของเขาอยู่
หลังจากแยกย้ายกันไต้ฝุ่นก็กลับขึ้นไปหาหนุ่มเจ้าของผับที่ห้องวีไอพี และตอนนี้ใบหน้าของเรย์ก็แดงเป็นสีเลือดฝาดเพราะซดเหล้าลงคอไปหลายแก้วระหว่างที่เขาหายไปนานเกือบชั่วโมง
“เมาแล้วเหรอเฮีย”
“กูก็นึกว่ามึงจะหนีกลับ ที่แท้ก็ไปสร้างเรื่องอยู่ที่บ่อนของกูนี่เอง” เรย์เอ่ยพลางชงเหล้าแก้วใหม่ยื่นให้กับไต้ฝุ่น
“ไม่มีอะไรหรอกเฮีย แค่สงสารน่ะเลยช่วย”
“เงินตั้งห้าล้านเลยนะมึง ยอมควักง่ายๆ แบบนี้อย่าบอกนะว่าสนใจเด็กสาวคนนั้น” เรย์หมายถึงผู้หญิงที่ไต้ฝุ่นพาเข้าไป เพราะทันทีที่ทั้งสามคนพากันออกมา ลูกน้องของเขาก็ต่อสายมาบอกว่าไต้ฝุ่นขอรับผิดชอบเรื่องหนี้แทน
“ก็แค่รุ่นน้องน่ะเฮีย เคยเห็นผมสนใจผู้หญิงคนไหนด้วยเหรอ”
“ให้มันจริงอย่างที่พูดเถอะ”
เรย์มองออกว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าไต้ฝุ่นไม่สนใจ มันก็ต้องมีความคิดอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ คนบ้าที่ไหนจะเอาเงินตั้งห้าล้านมาใช้หนี้ให้ใครก็ไม่รู้
เหล้าขวดที่สองหมดลงไต้ฝุ่นก็ขอตัวกลับเพนท์เฮาส์ที่พ่อของเขาเป็นคนซื้อเอาไว้ให้ ด้วยความที่ดื่มบ่อย เหล้าแค่นี้เลยทำให้ไม่เมามาก พอครองสติกลับถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย
ตลอดทั้งวันที่ไต้ฝุ่นมีเรียนก็ใจจดใจจ่อรอว่าเมื่อไรเวลาจะถึงสี่โมงเย็น และพอหมดคาบเขาก็รีบแยกตัวกับกลุ่มเพื่อนและมุ่งหน้าไปที่ด้านหลังตึก ก็พบสาวรุ่นน้องมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“มาตรงเวลาดีนี่”
“นายมีอะไรก็ว่ามา” นับดาวไม่รีรอรีบถามเข้าประเด็นทันที
“เธอลืมไปรึเปล่าว่าควรจะเรียกฉันว่ายังไง” ไต้ฝุ่นทบทวนความจำให้กับหญิงสาว เขาอยู่ปีสาม เธออยู่ปีสอง กล้ามาเรียกเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ไม่รู้จักเด็ก ไม่รู้จักผู้ใหญ่
“เอ่อ พี่มีอะไรก็รีบพูดมาสักทีสิ ฉันจะได้กลับบ้าน” จะเรียกพี่ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก ก็การเจอกันครั้งแรกของทั้งสองคนมันไม่ค่อยดีสักเท่าไร
“เธอคงจะไม่ได้กลับแล้วล่ะ” ไต้ฝุ่นรีบพูดสวน ใครบอกว่าจะปล่อยให้เธอกลับไปง่ายๆ เขาเสียเงินตั้งหลายล้านไม่ใช่เพื่อให้เธอมายืนลอยหน้าลอยตาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าตั้งแต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องไปเป็นทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่เพนท์เฮาส์ของฉัน เพื่อชดใช้หนี้แทนพ่อของเธอน่ะสิ”