ละลายรัก(นายมาดนิ่ง)
วันต่อมา
17:50 น.
#ณะ บ้านของหนูนิด
ภายในห้องรับแขกมีประมุขของบ้านกับผู้เป็นภรรยานั่งอยู่บนโซฟาหรูตัวเดียวกัน และยังมีชายหนุ่มเพื่อนลูกชายของพวกเขา นั้นก็คือคิมหันต์ที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูอีกตัวข้างๆกัน ซึ่งวันนี้คิมหันต์ก็ได้มารับหนูนิดที่บ้านของเธอ เพื่อไปงานแต่งลูกชายลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทด้วยกัน คิมหันต์มารอรับหนูนิดได้สักพักใหญ่แล้ว
ทางด้านหนูนิดพอรู้ว่าคิมหันต์มารับก่อนเวลาเธอจึงรีบแต่งตัวทันที เพราะด้วยนิสัยของเธอ เธอไม่อยากเสียมารยาทให้ผู้ใหญ่คนที่เป็นถึงเจ้านายต้องรอนาน เธอเลือกใส่เป็นชุดเดรสเกาะอกสีชมพูอ่อนผ้าเรียบหรูกระโปรงบานเป็นทรงสวยพอดี ความยาวของชุดหรือความยาวของกระโปรงเหนือเข่ามานิดหน่อยดูเรียบร้อย ตรงเอวมีสายผ้าเส้นใหญ่สีเดียวกับชุดผูกเป็นโบว์ไว้ด้านหลัง แต่งหน้าบางๆ ส่วนผมเธอไม่ได้ทำอะไรมากแค่ปล่อยผมตรงยาวสรวยลงมาปิดช่วงไหล่ปิดลำคอไม่ให้เห็นรอยที่คนเป็นเจ้านายฝากเอาไว้ ทัดผมด้วยกิ๊บไว้ข้างหนึ่ง เป็นกิ๊บเพรชรูปโบว์ตัวเล็กๆสองตัวแค่นั้น เธอแต่งออกมาได้สวยและน่ารักในเวลาเดียวกัน ดูเรียบร้อยไม่ได้โป๊อะไร ถึงชุดจะเป็นเกาะอกแต่ไม่ได้มีโค้งเว้าส่วนใด เป็นเกาะอกเรียบเสรฟหน้าอกอวบอิ่มเป็นอย่างดีและมีผมสรวยของเธอปิดช่วงไหล่ยาวลงมา ดูเรียบร้อยตามแบบฉบับของเธอ และด้วยใบหน้าสวยหวานผิวขาวออร่า มันยิ่งทำให้เธอดูสวยออร่าจับ สะดุดตาหน้ามองไปหมดทั้งตัวใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลัง และเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินลงมาที่ห้องรับแขกทันที
"ขอโทษด้วยนะคะที่ให้รอนาน" เมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขกเธอก็เอ่ยขอโทษอย่างมีมารยาททันที แต่ก็ยังกรอกสายตาไปมาไม่กล้ามองหน้าคนเป็นเจ้านายตรงๆ
คิมหันต์มองคนตัวเล็กทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา เขามองเธอเหมือนคนตกอยู่ในภวังค์ เธอทั้งสวยและน่ารักในเวลาเดียวกัน ออร่าจับไปทั้งตัวจนเขาหยุดมองไม่ได้เลย ซึ่งเขาเองก็เคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ในงานสังคมมาบ้างแล้ว และทุกครั้งที่เห็นเขาก็คอยรอบมองเธออยู่บ่อยๆ ยิ่งได้เห็นใกล้ๆและอยู่ในสถานะที่เข้าถึงคนตัวเล็กได้แบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาหลงไหลและหยุดมองเธอไม่ได้เลยจริงๆ
"อะ ฮึ่ม! มองขนาดนั้นลูกสาวลุงทำตัวไม่ถูกกันพอดี" โรมันกระแอ่มในลำคอเสียงดังแล้วพูดออกมาเพื่อดึงสติของคิมหันต์
"ขอโทษครับ" คิมหันต์ดึงสติกลับมาทันที แล้วหันไปเอ่ยขอโทษพ่อของเพื่อนด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบนิ่งปกติ
"น้องมาแล้วก็ไปกันเถอะ อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย ป้าฝากน้องด้วยนะตาคิม" ณดาพูดกับคิมหันต์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างเป็นกันเองพรางเหลือบมองไปยังผู้เป็นสามีอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
"ครับ" คิมหันต์ตอบรับคำแต่สายตาคมกริบเหลือบมองไปยังคนตัวเล็กที่เอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่กุมกันไว้อยู่ตลอด
หลังจากนั้นคิมหันต์กับหนูนิดก็พากันเดินออกมาขึ้นรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเธอเพื่อไปยังเป้าหมายนั้นก็คืองานแต่งลูกชายลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท
ภายในรถหรูคันสีดำสไตล์ผู้ชาย ขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วปกติ
"ในมือมีอะไรถึงได้ตั้งใจมองขนาดนั้น" คิมหันต์พูดโดยที่สายตามองไปยังถนนเบื้องหน้า พูดประหนึ่งเหมือนประชดคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่ตลอดเวลาไม่พูดไม่จาตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว
หนูนิดไม่ได้ตอบอะไรกลับไปก้มหน้างุดหนักกว่าเดิม บีบมือของตัวเองที่กุมกันไว้แน่นอย่างรู้สึกประหม่าและอึดอัดที่อยู่กับเขาแค่สองคน ยิ่งได้ยินเสียงทุ้มของคนตัวโตเธอก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
"ฮึม!" คิมหันต์พ้นลมหายใจแรงออกมาทางจมูก พรางเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ที่คนตัวเล็กเอาแต่เงียบไม่ยอมตอบคำถามของเขา ไม่ยอมพูดยอมจากับเขาเลย ไม่รอช้าเขาหักพวงมาลัยรถเทียบฟุตบาทข้างทางทันที
หนูนิดเงยหน้าขึ้นมองข้างทางอย่างแปลกสงสัยว่าเขาจอดรถทำไมเพราะยังไม่ถึงที่หมายเลยด้วยซ้ำ
พรึ่บ!
"อ๊ะ!" หนูนิดอุทานตกใจทันที ไม่ทันได้หายส่งสัย คนตัวโตก็คว้าเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขาโดยเธอนั่งอยู่ในท่าหันข้างให้เขา
"เป็นอะไรไม่พูดไม่จา ถามก็ไม่ตอบ รังเกียจพี่เหรอ" เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเชิงเป็นคำถามในประโยคหลัง ถามทั้งๆที่รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังอาจจะกลัวเขาอยู่
หนูนิดส่ายหน้าให้แทนคำตอบ โดยที่ยังก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำกระโปรงชุดเดรสไว้แน่นอยู่อย่างนั้น ใจดวงน้อยตอนนี้เต้นแรงไปหมด รู้สึกกลัวคนตัวโตและการกระทำอุกอาจของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งๆที่เรื่องก่อนหน้าเธอยังไม่หายตกใจกลัวเลยด้วยซ้ำ