เช้าวันนี้ ณ คฤหาสน์ของตระกูลมิกาเรนท์โทรศัพท์เครื่องบางสุดหรูของมาดามแป้งหอม มิกาเรนท์ นายหญิงของบ้านซึ่งเป็นภรรยาสุดที่รักของนายเจสัน มิกาเรนท์ ถูกยื่นให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวดูถึงข่าวซุบซิบนินทาที่เขียนในโลกออนไลน์ว่าเขาเป็นพวกชายรักชายหลังจาก เจฟฟรีย์ มิกาเรนท์ ลงมารับประทานอาหารอย่างเช่นทุกวัน ชายหนุ่มรับโทรศัพท์จากมือของมารดาแล้วอ่านอย่างใจเย็นไม่ได้มีสีหน้าตกใจกับข่าวจากนั้นก็ยื่นกลับไปให้มารดาทำราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญของชีวิต
"เจฟ ลูกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ เขาหาว่าลูกของมัมเป็นพวกชายรักชายนะลูก" คุณแม่ยังสวยขมวดคิ้วถามลูกชาย
"หึหึ ถ้าผมเป็นแบบนั้นจริง ๆ มัมจะรังเกียจเหรอครับ" คำถามของลูกชายทำเอาคุณแม่อึ้งไปสิบวินาที ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดในสิ่งที่คิดโดยมีสามีนั่งมองด้วยความขบขันอยู่ตรงหัวโต๊ะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับข่าวเลยแม้แต่น้อยเพราะรู้ดีว่าลูกชายของตนนั้นเป็นอย่างไร ต่างจากภรรยาหลังจากได้อ่านข่าวก็นั่งไม่ติดทันที
"โธ่เจฟ ลูกก็รู้นี่ ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงมัมก็ไม่รังเกียจแต่มัมกับแด๊ดอยากอุ้มหลาน ถ้าลูกมีรสนิยมชายรักชายจริง ๆ มัมจะได้ทำใจ"
"มัมไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมมีหลานมาให้มัมกับแด๊ดอุ้มแน่นอนแต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม"
"ไม่พร้อม! ลูกอายุเยอะแล้วนะเจฟ หน้าที่การงานก็มั่นคง รูปร่างหน้าตาฐานะก็ไม่เป็นสองรองใคร ทำไมถึงยังไม่พร้อม" มาดามแป้งหอมจ้องลูกชายคนเดียวของตนเองอย่างไม่เข้าใจทำไมถึงไม่พร้อมทั้ง ๆ ที่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ
"เอาน่าที่รัก ปล่อยลูกไปก่อนเถอะ พอถึงเวลาเดี๋ยวเจ้าเจฟก็มีหลานให้เราเองแหละ" บิดาของชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพร้อมกับลูบมือภรรยาเบา ๆ ให้ใจเย็น
"ไม่รู้ ไม่ชี้ ภายในปีนี้เจฟต้องมีหลานมาให้มัมกับแด๊ดอุ้ม ไม่อย่างนั้นมัมจะถือว่าลูกไม่รักมัมถึงไม่ยอมมีหลานให้มัมสักที"
"มัม! โธ่ เมียผมยังหาไม่ได้เลยครับแล้วผมจะเอาลูกมาให้มัมจากไหน"
"ไม่รู้ ทำยังไงก็ได้ ภายในปีนี้มัมต้องได้อุ้มหลาน โอเคนะจ๊ะลูกรัก" คนอยากได้หลานมาเชยชมพูดจบก็สะบัดก้นออกจากห้องอาหารทิ้งให้สองพ่อลูกนั่งอยู่กันสองคนตามลำพัง เจฟฟรีย์จึงใช้โอกาสนี้ขอร้องบิดาให้ช่วยพูดกับมารดาเพราะตนนั้นยังไม่พร้อมจริง ๆ
"แด๊ดช่วยพูดกับมัมให้ผมหน่อยสิ ผมยังไม่พร้อม ผมจะหาหลานมาให้มัมได้ยังไง" เขาอยากจะบ้าตาย ถ้าเป็นเรื่องอื่นสมองอันชาญฉลาดของตนเองนั้นแก้ปัญหาได้อยู่แล้วแต่เรื่องนี้คิดไม่ออก
"โทษทีไอ้ลูกชาย แด๊ดยังไม่อยากนอนนอกห้องขอไม่ยุ่งกับเรื่องนี้ ขอตัวไปดูเมียก่อน" คุณเจสันยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วลุกออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วเพื่อไปหาภรรยา เขามันพวกรักเมีย หลงเมีย ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ เมียว่ายังไงก็ว่ายังงั้น ถึงแม้อยากจะช่วยลูกชายมากเพียงใดแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเมียจึงขอไม่ยุ่งดีกว่า
"อ้าวแด๊ดทำไมทิ้งกันง่าย ๆ แบบนี้ เฮ้อ ผมจะหาหลานมาให้มัมจากไหน"
ชายหนุ่มตะโกนไล่หลังบิดาด้วยความเครียดแล้วเอาโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมาอ่านเนื้อหาในข่าวอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดด้วยความโมโหเพราะไอ้ข่าวบ้า ๆ นี้จึงทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก เนื้อหาในข่าวก็ไม่มีมูลความจริงสักอย่างแค่ครองตัวเป็นโสดมาหลายปีหลังจากเลิกรากับแฟนเก่าก็ถูกเข้าใจว่าเป็นพวกไม่มองหญิงเสียแล้วโลกนี้ช่างยุติธรรมจริง ๆ แบบนี้เขาจะหาหลานมาให้มารดาจากไหนกันเล่า
ลูกนะไม่ใช่ตุ๊กตา มันหาง่ายที่ไหน
เจฟฟรีย์ประชดมารดาในใจ จากนั้นก็เดินออกจากห้องอาหารเพื่อไปทำงานที่บริษัทด้วยใบหน้าบูดบึ้งจนลูกน้องที่ได้พบเจอเป็นอันต้องหลบกันพัลวันหรือก้มหน้าก้มตาเพราะกลัวเจ้านายหนุ่ม
ข่าวของเจฟฟรีย์ไม่ได้ดังแค่ในประเทศอังกฤษแต่ดังไปถึงประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของมาดามแป้งหอม มีสาว ๆ สนใจข่าวนี้ไม่น้อยเพราะชายหนุ่มได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายในฝันของใครหลาย ๆ คน สาว ๆ พากันเสียดายยกใหญ่ที่ชายหนุ่มกลายเป็นพวกไม่มองหญิง
"ฉันไม่อยากเชื่อเลยแก คุณเจฟฟรีย์เจ้าของสายการบิน MR Airline เป็นพวกชายรักชาย"
"จริง ฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่ก็นะไม่เคยเห็นข่าวเขาคบกับใครเลย เป็นไปได้สูงว่าข่าวนี้คือความจริงไม่ได้มั่ว"
สองสาวพนักงานของบริษัททัวร์เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเสียดายสุด ๆ มองรูปประธานบริษัท MR Airline แล้วถอนใจแบบเซ็ง ๆ กับประชากรโลกที่มีจำนวนผู้ชายลดน้อยลงทุกวัน พวกหล่อนไม่ได้มองว่าการที่ชายรักชายจะเป็นเรื่องผิดแต่มันเสียดายความหล่อก็เท่านั้นเอง
"คุยอะไรกันอยู่ทำถึงทำหน้าเศร้า" เสียงหวาน ๆ ของเพื่อนร่วมงานนามว่า แก้วใส ใจซื่อตรง สาวอวบนิสัยดีทำให้หญิงสาวทั้งสองคนหันไปมองก่อนจะยื่นโทรศัพท์ให้ดูเนื้อข่าวที่กำลังโด่งดังในขณะนี้
"อ่านแล้วจะรู้ทำไมพวกเราถึงเศร้า" แก้วใสทำหน้าฉงนก่อนจะรับโทรศัพท์จากมือเพื่อนร่วมงานมาอ่านเนื้อหาของข่าว เมื่ออ่านจบก็อุทานดังลั่นอย่างไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ใบ้กินไปหลายนาทีเลย กว่าจะดึงสติกลับมาได้ทำเอาเพื่อนร่วมงานตกอกตกใจกันเลยทีเดียว
"What ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกด้านอย่างเจฟฟรีย์เนี่ยจะเป็นพวกชายรักชาย เรื่องจริงหรือเนี่ย"
"อืม ข่าวมันว่าอย่างนั้น"
"แต่ฉันว่าก็เป็นไปได้ ความรักเกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ถ้าเขาจะชอบผู้ชายก็ไม่เห็นแปลก" แก้วใสเอ่ยแบบคนคิดบวกทำให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนพยักหน้าเห็นด้วย ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปเยอะใครจะรักกับใครก็ได้ทั้งนั้น พวกหล่อนพูดคุยกันอยู่สักพักก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง
ช่วงบ่ายของวันแก้วใสถูกเชิญให้เข้าไปพบเจ้าของบริษัทพร้อมกับการได้รับรู้ข่าวร้ายว่า หล่อนตกงาน เนื่องจากบริษัททัวร์ที่หญิงสาวทำงานอยู่เป็นบริษัทขนาดเล็กเมื่อเจอพิษเศรษฐกิจจึงขาดสภาพคล่องทางการเงินจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงซึ่งกรรมตกไปอยู่ที่หล่อนเพราะอายุงานน้อยที่สุดและกำลังจะหมดสัญญาจ้างเดือนหน้าพอดีเพราะหล่อนถูกจ้างแบบรายปีไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ
บริษัทไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด พนักงานตาดำ ๆ จึงตกที่นั่งลำบากกลายเป็นคนตกงานอย่างไม่ทันตั้งตัวดีที่บริษัทแจ้งว่าจะมอบเงินชดเชยให้ตามกฎหมายไม่อย่างนั้นหล่อนต้องช้ำใจกว่านี้แน่เป็นคนมีงานทำอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นคนตกงานซะงั้นชีวิตหนอชีวิตแล้วแบบนี้หล่อนจะทำตามฝันสำเร็จได้ตอนไหน หญิงสาวโอดครวญอยู่ในใจหลังจากที่เดินเข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำหญิง
"แค่ตกงานเองไม่เป็นไรหรอกเนอะ สู้ ๆ แก้วใส"
หล่อนยิ้มทั้งน้ำตาแล้วชู้สองนิ้วให้ตนเองในกระจก ก่อนที่จะเช็ดหน้าเช็ดตาเติมแป้งทาปากใหม่ให้ดูสดชื่นเพื่อออกไปเผชิญกับคำถามของเพื่อนร่วมงานที่กำลังจดจ่อพูดถึงเรื่องของตนเองอย่างเมามันโดยไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมโชคชะตาถึงกำหนดให้หญิงสาวต้องตกงานแบบนี้