06 - ว่าที่ลูกเขยคนโปรด

1471 คำ
ผ่านมาหลายวัน ขาของหยาดฟ้าก็เริ่มดีขึ้น ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าการลาพักมารักษาตัวจะทำให้เธอสบาย เพราะไม่ต้องไปทำงาน แต่เปล่าเลยการที่ต้องขาดงานนั้นสุดแสนจะน่าเบื่อ ก็แน่ล่ะคนเคยทำงานทุกวันแถมบางวันทำเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงเสียอีก แต่นี่เธอทำได้เพียงนอนดูซีรีส์ไปวันๆ เท่านั้นเพื่อนสนิททั้งสองก็ไม่ได้มีเวลาให้ดันมายุ่งตอนที่เธอเจ็บตัวทำอะไรไม่ได้เสียอย่างนั้น คนที่มีเวลามากวนใจก็ดันเป็นสิบทิศ คนที่เธอแค่ได้ยินชื่อก็ปวดหัวจะแย่แล้ว เขาคอยแวะเวียนมาหาเธอเสมอเมื่อมีเวลา ไม่วายเอาของติดไม้ติดมือมาฝาก แต่หยาดฟ้าดันคิดว่าเป็นการบังคับของผู้ใหญ่ ที่พยายามจับจับคู่ให้เธอกับเขา โดยไม่ได้คิดเลยว่าต่อให้ไม่ถูกจับคู่กัน ยังไงสิบทิศก็คือเพื่อนคนหนึ่ง "แม่ วันที่ยี่สิบแปดขอไปงานแต่งยายอิงนะ" คุณหมอขาเจ็บบอกกับแม่ของเธอ ที่กำลังนั่งอ่านข่าวในสมาร์ตโฟนอย่างมีความสุข แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็วางสมาร์ตโฟนในมือลงพร้อมกับถอดแว่นออกเพื่อจะฟังสิ่งที่ลูกสาวพูดอีกครั้ง “ว่ายังไงนะ” “หนูบอกว่าวันที่ยี่สิบแปดนี้ ขอไปงานแต่งยายอิงได้ไหม” ฝ่ายลูกสาวก็พูดย้ำอีกรอบ คนถูกขออนุญาตยักไหล่ “ขาก็ยังเจ็บอยู่แบบนี้จะไปยังไง?” คุณนายหยาดเพชรว่าพลางชี้ไปที่ขาของลูกสาว “นั่งเครื่องไปน่ะสิ แม่ก็ไปส่งหนูที่สนามบินเสร็จแล้วหนูก็หาทางขึ้นเครื่องเองถ้าไปถึงที่นู่นก็ให้ยายอิงมารับ ไม่เห็นจะยากตรงไหน” คนฟังถอนหายใจอย่างเอือมระอา ตอนพูดนะมันง่ายแต่ทำจริงมันยาก หากให้คนที่บ้านไปส่งจนถึงสนามบิน หยาดฟ้าก็ยังคงต้องเดินต่อไปอีกกว่าจะถึงบนเครื่องก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ขาลงยิ่งแล้วใหญ่ กว่าจะเจอกับอิงนรีคงลำบากน่าดู หากเธอต้องแบกเฝือกที่ขาพร้อมกับไม้เท้าค้ำพยุงไปตัวคนเดียว ไม่ใช่ลำบากแค่ตัวของหยาดฟ้า แต่ยังลำบากไปจนถึงคนมีน้ำใจที่พบเห็นเธอเสียเปล่าๆ "ให้ตาสิบลางานพาไปสิ ไปคนเดียวมันลำบากนะ" ผู้เป็นแม่เสนอขึ้น และแน่นอนว่าหยาดฟ้าไม่ได้ชอบข้อเสนอนี้เลยสักนิดเดียว "แม่ หนูไปแค่เชียงใหม่นะ นั่งเครื่องแค่ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว" คนหัวดื้อแย้งอย่างไม่ยอม เธอยังมองไม่เห็นความลำบากในการเดินทางครั้งนี้เลยสักนิด ทำไมแม่จะต้องกังวลด้วยก็ไม่รู้ "ก็กว่าแกจะไปถึงบนเครื่อง แกต้องพยุงตัวขาเดียว แบกกระเป๋า แบกไม้เท้า แบกเฝือกที่ขาอีก ถ้าเรื่องมากนักก็ไม่ต้องไป คุณอรุณเขาบอกว่าจะจัดที่กรุงเทพอีกรอบ แม่ก็รอไปงานกรุงเทพทีเดียว" พอคุยกันไม่ลงตัวมารดาจึงได้ตัดบท หยาดฟ้าถอนหายใจ ทำไมเถียงกับแม่จะต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้ทุกที "แต่หนูเป็นเพื่อนสนิทยายอิงนะแม่ หนูต้องได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวมันสิ แต่งที่เชียงใหม่ครั้งแรก หนูก็อยากจะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวตั้งแต่แรกเลยนี่" "รู้ แต่ก่อนแกจะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เขาเนี่ย เลิกเป็นภาระคนอื่นให้ได้ก่อน หนูอิงเขาต้องยุ่งเรื่องงานเขาอยู่แล้ว ยังต้องมาลำบากดูแลแกอีกหรือไงหยาด แต่ถ้าแกเอาตาสิบไปด้วย ตาสิบจะได้คอยช่วยดูแลแก แบบนี้แกก็ไม่ต้องไปเกะกะคนอื่นเขาไง" ไม่ว่าหยาดฟ้าจะแย้งอย่างไร คุณนายหยาดเพชรก็ดูจะไม่ยอมละความพยายาม ที่จะยัดเยียดสิบทิศให้ไปกับลูกสาวได้เลย "ก็ได้ แต่ถ้าอีสิบมันบอกว่าไม่อยากไป แม่ต้องยอมให้หนูไปคนเดียวนะ" ความหวังเดียวที่มีของหยาดฟ้าก็คือ สิบทิศจะเลือกงานแทนที่จะเลือกเดินทางไปกับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวยังคิดแผนขึ้นมาว่าจะขับรถไปจากกรุงเทพ หากสิบทิศจะไปกับเธอ แบบนั้นเขาคงไม่อยากไปแน่ๆ ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ไม่ใช่ใกล้ๆ แค่คิดก็ท้อเสียแล้ว "ได้ รอตาสิบมากินข้าวกับเราวันนี้ แม่จะถามเลย" คนฟังเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ สัปดาห์นี้น่าจะครั้งที่สามเข้าแล้ว ที่สิบทิศมาร่วมรับประทานมื้อเย็นกับครอบครัวของเธอ "บ้านมันไม่มีข้าวกินหรือไง มาทำไมบ่อยๆ โอ๊ยๆ" นิ้วอวบของผู้เป็นมารดาหยิกเข้าที่แขนของลูกสาวอย่างเหลืออด "แกนี่มันปากร้ายได้ใครหา!!! พูดกับตาสิบเขาดีๆ บ้างไม่ได้หรือไง เขาอุตส่าห์เป็นห่วง ช่วยแวะเวียนมาดูอยู่เรื่อยๆ ดูเรียกเขาเข้าสิ ปวดหัว" หยาดฟ้าลูบแขนจุดที่ถูกแม่หยิก ปากก็ทำขมุบขมิบล้อเลียนมารดา "ยังๆๆ แกจะเอาอีกใช่ไหม?" ผู้เป็นมารดาว่าพลางทำท่าจะลุกไปหยิกแขนลูกอีกหน คนขาเจ็บที่ลุกวิ่งหนีอย่างทุกทีไม่ได้ ทำได้แค่ขยับตัวหลบ ซึ่งแน่นอนว่าหากคุณนายหยาดเพชรเดินมาถึง เธอหลบไม่พ้นแน่นอน "ไม่ๆๆๆ พอแล้วแม่ ขนาดว่ามันยังไม่มาเป็นลูกเขยแม่ยังหลงมันขนาดนี้ ถ้ามันมาเป็นลูกเขยจริงๆ แม่คงรักมันมากกว่าหนูสินะ" ลูกสาวว่าอย่างน้อยใจ แท้จริงแล้วใครจะรักคนอื่นกว่าลูกตัวเองได้ คุณนายหยาดฟ้าก็เช่นกัน "เออสิ แกมันดื้อ ฉันบอกอะไรก็ไม่ฟัง" คนเป็นแม่ร้องว่า พลางค้อนสายตาใส่ลูกสาว คุณนายหยาดเพชรไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหยาดฟ้าถึงได้มีนิสัยต่างกับตัวเองในเวลานี้ แต่ความจริงแล้วหยาดฟ้านิสัยถอดแบบมาจากแม่เต็มๆ เพียงแต่เป็นคุณนายหยาดเพชรสมัยสาวๆ ที่เจ้าตัวลืมไปเสียแล้วว่าครั้งหนึ่งตัวเองก็เคยหัวดื้อแบบนี้ "บอกให้ไปแต่งงานกับอีสิบเนี่ยนะ อ๊ะๆ หมอสิบ หมอสิบ" พอคนเป็นแม่ทำท่าจะลุกเข้าใส่ หยาดฟ้าจึงรีบกลับคำ ระหว่างที่กำลังตีอยู่กับแม่ ข้อความจากหมอสิบทิศก็ส่งเข้ามากวนใจ เธอเหลือบมองเห็นชื่อของเขา จึงได้หยิบขึ้นมาอ่าน ช่วงนี้ก็จะให้ความสนใจกับสิบทิศมากเป็นพิเศษ เพราะถึงเขาจะบอกว่าจะช่วยเก็บความลับ แต่เธอก็อดที่จะระแวงไม่ได้อยู่ดี "เย็นนี้เจอกันนะจ๊ะ อยากได้อะไรพิมพ์ทิ้งไว้นะ เดี๋ยวซื้อไปฝาก" คนอ่านบึนปากใส่โทรศัพท์ก่อนจะวางกลับที่เดิม หากไม่ใช่เพราะว่าเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่เด็ก เธอก็คงคิดว่าการกระทำพวกนี้ สิบทิศทำเพราะอยากจะเอาใจเธอไปแล้ว แต่หยาดฟ้านั้นคิดผิด เธออคติกับเขามากไป ทั้งหมดหมอสิบทิศทำเพื่อเอาใจเธอทั้งนั้น แต่คนทำก็ใช่ย่อย ชอบพูดจาพาให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด จนความรู้สึกที่ส่งให้อีกฝ่าย ถูกแปรสภาพเสียจนไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย ยิ่งตอนนี้ถูกบังคับให้แต่งงานกันด้วย หยาดฟ้าจึงได้คิดว่าสิบทิศทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่ที่บ้าน ทั้งที่ซื้อของมาฝาก ทั้งที่มาหาบ่อยๆ แถมยังคิดอีกว่าตั้งใจจะมากวนประสาทเธอ เพราะเขามักจะเอาเรื่องที่เธอเมาแล้วขับมาขู่จะฟ้องคุณนายหยาดเพชรอยู่เรื่อยๆ “พ่อสิบจะมาหาเหรอ” คนเป็นแม่เอ่ยถาม “ไม่ต้องใส่แว่นแล้วก็ได้มั้งคะแม่ ระยะนี้ยังมองเห็น” ลูกสาวพูดเหน็บ พลางคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเข้าที่อก “ฉันไม่ได้แอบอ่านข้อความของแกหรอกย่ะ คุณภัครเขาบอกมา ว่าพ่อสิบบอกว่าจะแวะมาเยี่ยมแก” หยาดฟ้าเบะปากอีกครั้ง ‘ลูกแหง ทำอะไรก็จะต้องแจ้งพ่อแม่ตลอด’ หญิงสาวคิดในใจ “ค่ะ แต่ว่าจะตอบกลับไปว่าไม่ต้องมา” “ยายหยาด!!!” “ก็หนูอยากพักผ่อน” “แกพักมาทั้งวันแล้ว ถ้าแกตอบไปแบบนั้น ฉันจะไม่ให้คนใช้มาช่วยดูแลแกเลยเอาสิ” หยาดฟ้าได้แต่ถอนหายใจ แม่นะแม่ไม่เข้าข้างลูกตัวเองบ้างเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม