ขบวนรถม้าได้เดินทางมาถึงยังตระกูลจ้าว ในช่วงปลายยามเว่ย (ช่วงเกือบบ่ายสามโมง) ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวตรงดิ่งไปที่เรือนของจ้าวฝูหมิงด้วยความรีบเร่ง ตอนนี้นางไม่สนใจแล้วว่าหานหลินปิงจะสงสัยอันใดหรือไม่ เพราะแผนการที่นางได้วางเอาไว้เป็นอย่างดีนี้ จะล้มเหลวลงไม่ได้ หานหลินปิงก็เดินตามนางไปด้วยท่าทีที่ดูสบายใจไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ ที่แทนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวจะกลับเรือนของตนเอง แต่กลับตรงดิ่งมาที่เรือนของบุตรชายแทน
แต่เมื่อประตูได้ถูกเปิดออก ภาพที่เห็นยังเบื้องหน้าถึงกับสร้างความตกตะลึงให้กับฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวเป็นอย่างมาก เพราะแทนที่นางจะได้เห็นบุตรชายของตนเองนอนอยู่กับหลานสาวตระกูลเดิมของนาง กลับกลายเป็นว่าบุรุษที่นอนร่างกายเปลือยเปล่า อยู่กับหลานสาวของนางนั้น เป็นเพียงชายเลี้ยงม้าที่อยู่ในจวนแห่งนี้
กลิ่นคาวคละคลุ้งจากการร่วมรักที่ไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็ได้อบอวลไปทั่วทั้งห้อง นางแผดเสียงออกไปอย่างไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง เมื่อเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนเองวางแผนเอาไว้
"นี่มันอันใดกัน พวกเจ้ากำลังทำอันใดกันอยู่ ไห่เอ๋อร์ เจ้าตื่นขึ้นมาบัดเดี๋ยวนี้"
เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงอันดัง ผู้ที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงทั้งสองคนจึงได้ตื่นลืมตาขึ้นมาด้วยความเหนื่อยอ่อน หูไห่ถิงคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่ตนเองได้วางเอาไว้แล้ว นางยังไม่ได้หันไปมองบุรุษที่นอนอยู่ข้างกาย เมื่อจ้องมองไปที่ประตูก็พบเข้ากับใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าจ้าว นางจึงได้แต่ก้มลงทำสีหน้าสำนึกผิดอย่างที่ได้เตรียมเอาไว้
"ท่านน้าคือว่า...ข้า...กับหมิงเกอ ได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรลงไปเสียแล้ว"
"เจ้าตื่นลืมตาขึ้นมาดูให้ดี ว่าบุรุษที่เจ้านอนกอดอยู่นั้น แท้จริงแล้วคือผู้ใดกันแน่" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวแทบจะกระโดดออกไปเขย่าตัวของหูไห่ถิงให้รู้ตัวเสียที
ทางฝั่งของหูไห่ถิงเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางก็ได้แต่แปลกใจ พร้อมกับหันสายตากลับไปมองบุรุษ ที่นอนร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ด้านข้างของตนเองด้วยความสงสัย เมื่อได้เห็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอย่างชัดเจนแล้ว สายตาของนางก็ได้แต่เบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด
เป็นไปไม่ได้…!!!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้น เหตุใดบุรุษผู้นี้ ถึงมิใช่หมิงเกอของนางเล่า นี่มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้นกับนางกันแน่
"นี่เจ้าเป็นใครกัน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้" หูไห่ถิง พยายามที่จะปัดมือที่กอดนางไว้อย่างเหนียวแน่นนั้นออก ด้วยสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความรังเกียจ
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเหตุใดเจ้าถึงได้ทำท่าทีเช่นนี้กับข้าเล่า ในเมื่อก่อนหน้านี้เจ้ายังยินยอมพร้อมใจตกเป็นของข้าอย่างไร้ซึ่งท่าทีต่อต้านใดๆ อยู่เลย"
"นี่เจ้า พูดเรื่องบ้าอันใดกัน บุรุษที่ควรนอนอยู่ตรงนี้คือหมิงเกอของข้าต่างหากเล่า เหตุใดถึงได้กลายเป็นเจ้าได้"
"ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ก็เป็นข้าที่อยู่ตรงนี้ นี่เจ้าสติเลอะเลือนอันใดไปหรือไม่ หากเจ้าต้องการเรียกร้องให้ข้ารับผิดชอบอันใดข้าก็พร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำไปอยู่แล้ว แต่ติดอยู่ที่ตัวข้านั้น มีฮูหยินเป็นของตนเองแล้ว หากเจ้าอยากให้ข้ารับผิดชอบก็คงต้องแต่งให้ข้าในฐานะฮูหยินรองเสียแล้ว"
"นี่เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใดกัน ผู้ใดจะแต่งให้เจ้ากัน ดูจากสาระรูปของเจ้าในตอนนี้ คงเป็นได้เพียงแค่บ่าวรับใช้ในจวนแห่งนี้ แล้วจะมีคุณสมบัติอันใดที่จะมารับผิดชอบข้า ที่เป็นถึงคุณหนูของตระกูลหูที่ยิ่งใหญ่ได้กัน"
หูไห่ถิงกรีดร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกับลุกขึ้นมาทุบตีบุรุษผู้นั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ร่างกายของนางไร้ซึ่งอาภรณ์ใดปกปิด นางจะสามารถยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเห็นๆ กันอยู่ว่าก่อนหน้านี้ใบหน้าของบุรุษผู้นี้คือหมิงเกอของนางชัดๆ นี่จะต้องมีผู้เล่นตลกอันใดกับนางอยู่เป็นแน่ และจะเป็นผู้ใดได้หากไม่ใช่…. เมื่อสมองได้คิดไตร่ตรองดีแล้ว นางจึงได้หันขวับไปที่หานหลินปิงที่ยืนอยู่ในห้องแห่งนี้ ด้วยท่าทีที่พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อส่งไปให้อย่างเคียดแค้น
"ต้องเป็นเจ้าไม่ผิดแน่เจ้าวางแผนทุกอย่างนี้ขึ้นใช่หรือไม่" หูไห่ถิงชี้นิ้วไปที่หานหลินปิง ด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
เมื่อถูกเอ่ยถึงหานหลินปิง จึงได้แต่ชี้นิ้วมาที่ตนเองพร้อมกับทำสีหน้าท่าทาง คล้ายกับไม่เข้าใจเรื่องราว ทุกอย่างเสียเต็มประดา นางกล่าวออกมาด้วยเสียงกังวานใส "เหตุใดถึงได้กลายเป็นข้าเล่า ต้องเป็นข้าเสียมากกว่าไม่ใช่หรือที่ควรจะกล่าวถามเจ้า ว่ามาอยู่ในห้องนอนของสามีข้า และมิหนำซ้ำยังเอาบุรุษเลี้ยงม้าภายในจวนมาทำเรื่องบัดสีเช่นนี้อีกได้อย่างไร"
"เจ้าว่าอันใดนะ คนเลี้ยงม้าอย่างนั้นหรือ"
"ใช่... บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเจ้านั้นคือคนเลี้ยงม้า ในจวนของข้าเอง"
ดวงตาของหูไห่ถิงแทบจะเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมด้วยความตกใจ บุรุษที่นางมีสัมพันธ์สวาทนับครั้งไม่ถ้วนที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงบุรุษเลี้ยงม้าที่ต่ำต้อยอย่างนั้นหรือ หากมีผู้ใดล่วงรู้เรื่องนี้เข้า นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้
"รีบลุกขึ้นมาสวมใส่อาภรณ์ก่อนที่จะมีผู้ใดพบเห็นไปมากกว่านี้เร็วเข้า" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้าวกล่าวออกมาเสียงเย็น พร้อมกับสะบัดกายเดินจากไป แต่ก่อนที่นางจะเดินผ่านหานหลินปิงไปนั้น ก็ไม่ลืมที่จะชำเลืองมองไปที่นางด้วยสายตาที่เย็นชา พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยเสียงกดต่ำคล้ายกับกำลังพยายามข่มอารมณ์ของตนเองอย่างถึงที่สุด
"ข้าไม่คิดเลยว่าสตรีโง่งมเช่นเจ้าในวันวาน จะมีความสามารถคิดแผนซ้อนแผนของข้าได้ถึงเพียงนี้"
มาถึงตรงนี้หญิงชราก็รู้แจ้งแก่ใจของตนเองเป็นอย่างดีแล้วว่า แผนการของตนเองได้ถูกล่วงรู้โดยหานหลินปิงเสียแล้ว นางจึงได้ทำการซ้อนแผนของตนเองจนย่อยยับถึงเพียงนี้ได้ เมื่อคิดว่าแผนการของตัวเองไม่สำเร็จ มิหนำซ้ำบุตรสาวเพียงคนเดียว ยังถูกโจรป่าลักพาตัวไปเช่นนี้อีก นางก็ได้แต่โมโหจนเส้นเลือดปูดโปนไปหลายเส้นเสียแล้ว
"หากข้าสืบทราบ ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับการหายตัวไปของเฝิงเอ๋อร์ ข้าจะจัดการเจ้าให้ถึงที่สุด"
หานหลินปิงเองก็ไม่ได้กล่าวความใดกลับไป สตรีทั้งสองสบสายตากันอย่างไม่มีผู้ใดยอมใคร เกรงว่าสงครามระหว่างลูกสะใภ้และแม่สามีในครั้งนี้ คงจะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเต็มรูปแบบเสียแล้ว
เมื่อผู้คนเหล่านี้ได้ออกไปจนหมดแล้ว นางจึงได้ให้คนของตนมารายงานถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หลังจากที่ได้รับรายงานแล้วนางก็ได้แต่พึมพำออกมาอย่างไม่เข้าใจ
"จ้าวฝูหมิงเดินทางออกไปตั้งแต่ได้รับสารจากข้าแล้วกระนั้นหรือ"
"ขอรับ"
เรื่องนี้แหละที่ทำให้นางแปลกใจ ในเมื่อเขาเดินทางไปหานางตั้งแต่ต้นยามอู่ (เวลาประมาณ 11 โมงเช้า) แล้วเหตุใดนางถึงไม่เจอเขาเล่า
"เขานำคนไปด้วยกี่คน"
เนื่องจากตระกูลจ้าวเป็นตระกูลคหบดี จึงจำเป็นต้องมีผู้มีวรยุทธ์คอยคุ้มกันขบวนสินค้าต่างๆ นั่นจึงทำให้ข้างกายของจ้าวฝูหมิง มีผู้ที่มีวรยุทธ์สูงอยู่จำนวนมาก
"ประมาณ 50 คนได้ขอรับ"
หานหลินปิง ได้แต่คิดไม่ตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางได้วางเอาไว้ทั้งหมด ติดก็แต่เพียง การหายตัวไปของจ้าวฝูหมิงเพียงเท่านั้น ตลอดการเดินทางกลับมา นางก็ไม่ได้สวนทางกับเขา แล้วเขาไปอยู่ที่ใดเล่า หากรู้เช่นนี้นางน่าจะให้คนสนิทของตนเองติดตามอยู่ข้างกายผู้เป็นสามีเสียก็สิ้นเรื่อง ถึงแม้เขาจะเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่องแต่ช่วงหลังๆ มานี้ เขาก็ได้พยายามให้ตนเองได้เห็นแล้วว่า สามีที่ไม่ได้เรื่องอย่างเขาก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงตนเองเช่นกัน
ไม่รอให้นางได้สงสัยนาน ต้นยามซวี (เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม) จ้าวฝูหมิง ก็ได้เดินทางกลับมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด เมื่อเขาเดินเข้ามาในเรือนก็พบเข้ากับภรรยาที่นั่งรอเขาอยู่ เมื่อนางหันมาพบใบหน้าของผู้เป็นสามี ก็มีคำถามมากมายที่อยากจะถามออกมา จ้าวฝูหมิงเองก็รับรู้ได้ ถึงความ สงสัยนี้ของภรรยาเช่นกัน แต่ในตอนนี้คล้ายกับว่า คำตอบที่นางอยากจะรู้นั้น เป็นคำกล่าวที่เขายากจะอธิบายกับนางเสียเหลือเกิน
"เกิดอะไรขึ้นหรือ"
จ้าวฝูหมิงเดินเข้ามาดึงร่างบางของหานหลินปิงเข้าสู่อ้อมกอดของตนเองอย่างรู้สึกผิด "ข้าทำผิดต่อเจ้าแล้ว"
คำกล่าวนี้ถึงมันจะไม่กระจ่างแจ้งนัก แต่ก็พอที่จะให้นางเข้าใจได้ ความรู้สึกและท่าทีที่จ้าวฝูหมิงแสดงออกมา ก็ทำให้นางรับรู้ได้ถึงสัญญาณอันตรายบางอย่าง
"อย่างไร…ผิดต่อข้าอย่างไร" หานหลินปิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงพร้อมสายตาที่กดดัน
จ้าวฝูหมิงค่อยๆ ประคองหานหลินปิงให้นั่งลงที่ตั่งเตียงใกล้ๆ นั้น เขากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เหตุใดคำกล่าวที่เขาจะกล่าวออกไปต่อจากนี้ มันถึงได้ทำให้รู้สึกยากลำบากนักเล่ายิ่งเห็นสายตากลมโตที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่เข้าใจเช่นนั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดต่อนางเข้าไปอีก
"ข้าจำเป็นต้องแต่งฮูหยินรองเข้ามาในจวนอย่างเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว"
….