ท่ามกลางเทือกเขาสูงเสียดฟ้าเต็มไปด้วยม่านหมอกหนาลงปกคลุมบนยอดเขา เบื้องล่างคือหุบเหวลึกมีแต่ความเงียบสงัดและป่าดงดิบเขียวครึ้ม มองไปแห่งหนใดไร้สิ้นแสงแห่งตะวันและสิ่งมีชีวิต บริเวณก้นเหวลึกเต็มไปด้วยหมอกบางเบาปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ปลายเท้าเรียวสวยสวมรองเท้าสีแดงกำลังยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพังอยู่ภายในก้นเหวดังกล่าว ร่างงามระหงในชุดเจ้าสาวสีแดงเพลิงปักลวดลายหงส์กางปีกผงาดสีทองอร่ามลงบนเนื้อผ้าราคาแพงลิบลิ่ว เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าสูงรับกับมงกุฎหงส์ ซึ่งทำมาจากทองคำแท้อันเป็นเครื่องประดับเลอค่ามีราคาอย่างยิ่งยวด ใบหน้างดงามลึกล้ำอย่างประหลาดถูกแต่งเติมอย่างประณีตจนความงามบรรเจิดยากนักที่ผู้ใดได้ยลรูปโฉมจะลืมเลือนนางได้ลง
“ฉันอยู่ที่ไหน!ทำไมจู่ๆ ก็มายืนอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้... อะไรกันนี่... ผู้คนหายไปไหนกันหมด!” แม่สาวน้อยในชุดเจ้าสาวรำพึงด้วยความตื่นตระหนก ร่างงามหมุนกายพลางสำรวจไปทั่วบริเวณ
“ฟิ้วววว!!!” กระแสลมแรงพัดถูกใบหน้างามและเรือนกายขึ้นมาฉับพลัน
หญิงสาวหันกลับไปมองทิศทางที่ถูกกระแสลมต้องผิวกายทันใด ดวงตากลมโตคู่สวยมองไปรอบกายก่อนจะหยุดนิ่งครั้นสายตาเห็นเถาวัลย์มากมายเลื้อยปกคลุมอยู่บนหินผาแต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเถาวัลย์และวัชพืชมากมายปกคลุมเฉพาะจุดเท่านั้น ราวกับว่ากำลังปิดบังอำพรางอะไรบางอย่างภายใต้ขุนเขานั้น
“แปลกจังทำไมถึงมีลมแรงมาจากทางนั้น ละ... แล้ว... นั่นมันปากทางเข้าถ้ำมิใช่เหรอ” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยพร้อมสองขาก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าทันใด
มือเรียวค่อยๆ สัมผัสกับเหล่าวัชพืชที่ขึ้นปกคลุมไปจนทั่ว ครั้นสัมผัสด้านหลังเป็นหินผาแต่ก็ยังไม่ละความพยายามเพราะแน่ใจว่าลักษณะการปกคลุมของสิ่งมีชีวิตจำพวกวัชพืชพวกนี้บ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าภายในบริเวณดังกล่าวเป็นปากทางเข้าไปภายในเทือกเขานั่นเอง มือเรียวของนางพยายามคลำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแตะถูกวัชพืชตรงหน้ายุบตัวลง
“ตรงนี้แหละ!” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสถูกลมที่เล็ดลอดออกมาจากด้านใน
นิ้วเรียวงามแหวกเถาวัลย์มากมายออกอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเห็นช่องขนาดใหญ่ขนาดตัวคนพอที่จะเข้าไปได้ ร่างระหงในชุดเจ้าสาวรีบลอดเข้าไปภายในทันทีโดยมิรั้งรอ ครั้นเข้ามาภายในถ้ำได้เป็นผลสำเร็จ คิ้วเรียวได้รูปสวยกลับต้องขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
“กลิ่นอะไร... หอมจัง!” หญิงสาวสูดกลิ่นหอมดังกล่าวเข้าไปจนเต็มปอด
ดวงตาคู่งามพยายามเพ่งมองไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า กลิ่นหอมโรยรื่นยังคงฟุ้งกระจายตลบอบอวลไปทั่วบริเวณราวกับว่ากำลังนำทางเธอให้เดินตามกลิ่นหอมดังกล่าว ในขณะที่หญิงสาวก้มมองลงที่พื้นดินซึ่งแลดูแปลกตาไปจากที่เคยเห็น เพราะพื้นดินซึ่งเป็นเส้นทางที่ทอดยาวมีประกายแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน โดยมิอาจมองเห็นเส้นเขตแดนบางอย่างเอาไว้
และแล้วปลายเท้าของเธอก็ก้าวข้ามผ่านเส้นเขตแดนพร้อมร่างงามก้าวเดินตรงไปเบื้องหน้าตามกลิ่นหอมรวยรื่นที่ยังคงอยู่ไม่เลือนหาย สองขาก้าวเดินตรงไปอย่างมั่นคง หญิงงามหามีใจหวาดหวั่นแต่อย่างใด สิ่งที่อยู่ภายในใจคือความอยากรู้อยากเห็นสถานที่แปลกประหลาดซึ่งเธอกำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนี้
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วธูป หญิงสาวมาหยุดยืนอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่พร้อมดวงตากลมโตดั่งตากวางเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน เมื่อภายในแก่นของเทือกเขาปรากฏรูปปั้นหินของบุรุษตั้งอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังอยู่บนแท่นหินสีดำสนิทราวกับนิลกาฬตรงหน้าเธอในขณะนี้
“ทำไมภายในถ้ำลึกแบบนี้ ถึงมีรูปปั้นหินตั้งเอาไว้เดียวดายด้วยนะ... หรือคนโบราณปั้นเอาไว้เพื่อกราบไหว้เทพเจ้าอย่างนั้นเหรอ” เสียงหวานรำพึงออกมาเบาๆ คิ้วสวยขมวดมุ่นเข้าหากันอีกคราด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด ก่อนจะเดินตรงไปยังจุดที่ตั้งรูปปั้นโบราณดังกล่าว
ดวงตาคู่สวยมองพินิจพิเคราะห์รูปปั้นหินตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย มิอาจบรรยายออกมาได้ สาเหตุเพราะรูปปั้นนั้น เปรียบดั่งมนุษย์ที่กลายร่างเป็นหินฉันใดก็ฉันนั้น ร่างระหงค่อยๆ เดินวนไปรอบๆ แท่นหินพร้อมสังเกตอย่างละเอียดก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้น
“แปลกจังเลย รูปปั้นหินนี้ดูยังไงก็เหมือนคน ช่างสมัยโบราณมีฝีมือมากจริงๆ แกะสลักหินมีรูปร่างคล้ายคนมาก!!! ดูสิจมูกโด่งซะขนาดนี้ ปากสวยเชียว ปล่อยผมยาวสยายเป็นหนุ่มเซอร์ด้วย... รูปปั้นอะไรหล่อจัง... คนโบราณหล่อขนาดนี้ก็มีด้วย... โห่ไม่อยากเชื่อ นี่ถ้าได้มาเป็นเจ้าบ่าวละก็... วาวารักตายเลย” หญิงสาวพูดพลางยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พร้อมเอียงคอมองไปมา ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ฟุ้งกระจาย
“กลิ่นดอกไม้!กลิ่นทำไมออกมาจากรูปปั้นตรงหน้านี้ล่ะ” หญิงสาวพูดพลางทำจมูกฟุดฟิดพร้อมค่อยๆ ก้มตัวสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ไปทั่วรูปปั้นหินดังกล่าว
จมูกโด่งสวยค่อยๆ ดมหากลิ่นหอมไปทั่วรูปปั้น นับตั้งแต่บริเวณหน้าอก สูดกลิ่นหอมตรงซอกคอ ก่อนจะดมไปเรื่อยๆ จนถึงใบหน้ารูปปั้นบุรุษหนุ่มหล่อเหลา ตั้งแต่ริมฝีปาก จมูกโด่งสันเป็นคม ดวงตาที่ปิดสนิททั้งสองข้าง จวบจนกระทั่งกลางหน้าผากที่มีรูปร่างคล้ายไฟอัคคีอยู่ตรงกลางและแม่สาวนักดมกลิ่นก็หยุดนิ่งทันที
“กลิ่นหอมของดอกไม้มาจากกลางหน้าผากนี่เอง” สาวเจ้าพึมพำพร้อมก้มลงสูดกลิ่นหอมตรงกลางหน้าผากนั้นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
“ใช่!จริง ๆ ด้วยไม่ผิดแน่นอน กลิ่นออกมาจากรูปสลักที่อยู่ตรงกลางหน้าผากนี้นี่เอง” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ ดวงตาคู่สวยหยุดนิ่งอยู่ที่กลางหน้าผากของรูปปั้นที่สลักร่างคล้ายไฟอัคคี
“อยากรู้จังว่าทำไมถึงมีกลิ่นหอมออกมาจากปานรูปไฟอัคคีนี้ด้วยนะ คนโบราณเขาทำน้ำหอมใส่ไว้ในนี้อย่างนั้นหรอกเหรอ” สาวเจ้าคิดเองเออเอง พลางก้มหน้าลงไปพร้อมนิ้วเรียวสวยค่อยๆ ยื่นไปสัมผัสรูปปานไฟอัคคีดังกล่าว
ทันใดนั้นเอง
“พรึ่บ!” ปานรูปไฟอัคคีที่อยู่ตรงกลางหน้าผากของรูปปั้นหินแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน ทันทีที่นิ้วเรียวสวยของเธอสัมผัสแตะต้อง
รูปปั้นหินโบราณค่อยๆ คืนสภาพกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ตามเดิม เปลือกตาที่ปิดสนิทมาอย่างยาวนานนับหลายหมื่นปีเริ่มมีปฏิกิริยาและกำลังจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางอาการตกตะลึงของหญิงสาวที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ปรากฏขึ้นต่อหน้าอยู่ในขณะนี้
“คะ... คะ... คน!” เสียงหวานกล่าวตะกุกตะกัก
ใบหน้างดงามลึกล้ำอย่างประหลาดอยู่ในระยะใกล้ชิดที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ลมหายใจของเธอเป่ารดใบหน้าหล่อเหลาของรูปปั้นที่แปรเปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์ พร้อมดวงตาที่ปิดสนิทเริ่มกลอกกลิ้งไปมาเป็นสัญญาณชีพของการมีชีวิตก่อนจะเปิดขึ้นทันที
“พรึ่บ!”
“เฮือกกก!!!” คนงามสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อเห็นดวงตาดังกล่าว
ดวงเนตรสีเลือดจ้องใบหน้างามลึกล้ำอย่างประหลาดที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ ต่างฝ่ายชะงักงันไปชั่วขณะด้วยความตื่นตะลึงด้วยกันทั้งสองฝ่าย รูปปั้นที่เพิ่งกลับกลายเป็นมนุษย์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากแท่นหินอย่างช้าๆ ดวงตาสีเลือดยังคงจับจ้องใบหน้างามประหลาดลึกล้ำอยู่เช่นนั้นตลอดเวลา
ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้รัญจวนจิตและกระแสลมที่พาดผ่านเรือนกาย จนเส้นผมสีเงินยวงของบุรุษตรงหน้าปลิวสยายต้องสายลม ในขณะที่หญิงสาวค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ทะมึนในอาภรณ์สีดำนิลกาฬ ครั้นร่างนั้นลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างองอาจผึ่งผายแฝงเร้นอำนาจยิ่งใหญ่ จนทำให้หญิงสาวยืนนิ่งไม่ไหวติงด้วยความตกตะลึงอย่างยิ่งยวด
นิ้วยาวเรียวสวยของบุรุษเจ้าของเส้นผมสีเงินยวงค่อยๆ ยกขึ้น ก่อนจะลูบไล้ใบหน้าของนางขึ้นลงเบาๆ ดวงตาสีเลือดยังคงมองดวงหน้างามเฉิดฉายอยู่เช่นนั้น ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ อย่างพึงพอใจพร้อมเอ่ยถ้อยคำที่เธอมิเคยลืมเลือนไปจากความทรงจำได้เลย
“เจ้าเป็นของข้าเยว่วาวา!” เสียงทุ้มนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยอำนาจและแฝงเร้นพลังอันยิ่งใหญ่บอกกับเธอ
“เฮือกกก!!!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือกจนสุดตัว
ร่างงามของแม่สาวน้อยลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงนอนของเธอทันที ดวงตากลมโตดั่งตากวางกวาดไปทั่วห้องนอนพร้อมยกสองมือขึ้นมาทันใด
“เพียะ!เพียะ!” แรงตบกระทบลงบนใบหน้าจนรู้สึกได้ถึงความชา
“ฉันตื่นแล้ว! มันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น.... เหอๆ ใช่!ความฝัน... ฉันฝันเท่านั้นเอง... มันไม่ใช่เรื่องจริงเลย” หญิงสาวรำพึงรำพัน พร้อมเหวี่ยงผ้าห่มคลุมกายออกจากร่างลุกไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
และทันทีที่ถึงห้องน้ำเธอรีบเปิดก๊อกเพื่อล้างหน้าล้างตาให้หายจากความง่วงงุน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตัวเองในกระจกเงาพลางกลืนน้ำลายลงคอ
“ทำไมฉันต้องฝันเห็นแต่รูปปั้นหินกลายร่างเป็นคนมาตั้งแต่จำความได้ด้วยนะ เมื่อก่อนก็แค่นานๆ ครั้ง แต่ทำไมปีนี้ฝันเห็นถี่ยิบเลย เกือบจะทุกวันก็ว่าได้... โอ๊ย! จะบ้าตาย!!!” หญิงสาวบ่นรำพึงรำพันพลางสะบัดศีรษะของเธอไปมา
“ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!” เสียงโทรศัพท์มือถือดังกึกก้องภายในห้องนอน
ใบหน้าสวยหันกลับไปมองโต๊ะข้างเตียงครั้นได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังกล่าว ร่างงามค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้องน้ำเดินตรงไปที่เตียงนอนพร้อมกดรับสายทันทีที่เห็นเลขหมายปลายทาง
“วาวาตื่นแล้วเหรอ!” เสียงปลายสายถามเธอกลับมา
“ถ้าฉันยังไม่ตื่นก็คงเป็นผีกระมังที่รับสายเธออยู่ตอนนี้” หญิงสาวตอบกวนประสาทเพื่อนสนิทกลับไป
“แหม... ตอบแบบนี้โคตรน่าเอาไปต้มยำทำแกงจริงๆ เลยนะแก... อุตส่าห์มีข่าวดีมาบอก ไม่ต้องฟังก็แล้วกัน” เสียงปลายสายบ่งบอกถึงความงอนอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! ล้อเล่นนะแกแค่นี้ก็น้อยใจไปได้... ขอบใจจ้ะ ขอบใจเธอมากเลยเพื่อนรัก เรามาคืนดีกันเถอะนะ” หญิงสาวง้อเพื่อนรักของเธอทันที
“อือ... ค่อยน่าให้อภัยหน่อย ฉันจะได้บอกข่าวดีให้เธอรู้จะได้ดีใจ” ปลายสายบอกเพื่อนรัก
“ข่าวดีของเธออะไรอี๊ก... แต่ละข่าวที่เอามาเล่าให้ฉันฟังบอกตรงๆ ช่างล่อเป้านักข่าวมาหาฉันจริงๆ เลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องสร้างกระแสอะไรทั้งนั้น แกเข้าใจไหมว่าฉันเบื่อและรำคาญมากๆ ต้องคอยหลบนักข่าวตลอด” หญิงสาวบ่นรำพึงรำพันส่งเสียงตามสายกลับไป
“โอ้โฮ! คนดังก็แบบนี้แหละ... ก็ใครใช้ให้แกเกิดมาโคตรสวยและเป็นคุณหนูโคตรรวยเล่า แถมยังเป็นดาราหนังชื่อดังชั้นแนวหน้าของประเทศอีก ถามจริงเถอะในสิงคโปร์มีดาราคนไหนดังเหมือนแกบ้างวาวา”
“แต่แกลืมไปแล้วเหรอ เหยียนเหยียนว่าฉันเป็นนางร้าย ไม่เคยได้รับบทนางเอกเลย และไอ้ที่ดังก็บทร้ายๆ ทั้งนั้น ทุกวันนี้จะเดินออกไปซื้อของ ออกไปไหนยังต้องคิดแล้วคิดอีก กลัวโดนแฟนละครที่อินจัดจะลงไม้ลงมือเมื่อไรก็ไม่รู้”หญิงสาวบ่นมาตามสาย
“เอาน่าวาวา ถึงจะเป็นบทนางร้ายแต่ก็ไม่เคยเป็นรองบทนางเอกเลยนะเว้ย และข่าวดีล่าสุดที่ยืนยันมาแล้วจริงแท้แน่นอน นั่นก็คือแกได้บทตัวละครเอกเรื่อง นางมารร้ายตำหนักบูรพา ของผู้กำกับเกาแล้วนะ ที่จีนแผ่นดินใหญ่ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าซีรีส์เรื่องไหนเป็นฝีมือของผู้กำกับคนนี้ละก็ ต้องดังเป็นพลุแตกเลยละแก และเชื่อเถอะว่าบทนี้จะส่งให้เฉินวาวาได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม เชื่อหัวคนอย่างอู๋ชิงเหยียนได้เลยเพื่อน ทำนายไม่เคยพลาด” แม่เพื่อนสาวคุยโวมาตามสาย
“อย่างนั้นเหรออู๋ชิงเหยียน แกก็เป็นซะแบบนี้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาก็ใช่ว่าบทที่แกดีใจแทนฉันนักหนาจะได้ไว้ในครอบครองเสียเมื่อไร” หญิงสาวกล่าวพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“แล้วใครบอกว่าแกยังไม่ได้เซ็นสัญญา ฉันยังเล่าไม่จบเลย รีบอาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้า ตัวแทนจากบริษัท J.C.S. โพรดักชันจะเอาสัญญามาให้แกลงนามช่วงบ่าย ในฐานะนักแสดงนำของเรื่องนางมารร้ายตำหนักบูรพาที่ร้ายโคตรๆ ของเรื่องนี้!” แม่เพื่อนสาวในฐานะผู้จัดการส่วนตัวบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหล่อนดีใจมากแค่ไหน
“หา!!!” นางร้ายหน้าสวยอุทานออกมาทันทีครั้นได้ยินเพื่อนสนิทบอกกับเธอเช่นนั้น
“ไม่ต้องเฮ้ยต้องหาอะไรทั้งนั้นวาวา!... ไปถ่ายหนังที่จีนแผ่นดินใหญ่เป็นปีแบบนี้โคตรคุ้มเลยนะแก แล้วก็ต้องเตรียมตัวบินไปประเทศจีนในอีกสามเดือนข้างหน้า เพื่อร่วมงานแถลงข่าวและจัดพิธีบวงสรวงเปิดกล้อง เรื่องนี้มีความยาวทั้งหมดแปดสิบตอนจบ กว่าจะถ่ายเสร็จก็ร่วมปีกระมัง”
“หา!!!” แม่สาวน้อยอุทานออกมาอีกรอบ
“ตุ้บ!” โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือร่วงหล่นตกลงบนที่นอนทันที
ความฝันเมื่อครู่เข้ามาเยือนโดยพลัน รูปปั้นหินโบราณกลับกลายมีชีวิต กลายร่างเป็นบุรุษหล่อเหลาเกินคำบรรยายแต่กลับมีดวงตาสีเลือด อยู่ในชุดจีนสมัยโบราณย้อนกลับไปหลายพันปีเลยทีเดียว
“วาวา! วาวา! นี่แกเป็นอะไร! ยังฟังฉันอยู่หรือเปล่า” เพื่อนสาวส่งเสียงเรียกมาตามสาย
เสียงแม่เพื่อนรักปลุกเร้าให้เธอออกจากความคิดทันที มือเรียวสวยรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันใดพร้อมรีบกรอกเสียงลงไปตามสายอย่างรวดเร็ว
“มะ... ไม่เซ็นสัญญาเรื่องนี้! ฉะ... ฉัน... ไม่ไป กลัวคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วง ไปนานเป็นปีแบบนั้น” หญิงสาวตอบปฏิเสธกลับไปทันที ก่อนจะได้ยินเสียงโวยวายของเพื่อนส่งกลับมา
“แกจะบ้าเหรอวาวา บทดีๆ แบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วนะ แล้วนี่นึกอะไรขึ้นมาคุณพ่อคุณแม่ของแกต่างแยกย้ายกันมีครอบครัวใหม่ด้วยกันทั้งคู่หลังหย่าขาดจากกัน เคยมาสนใจลูกสาวอย่างแกไหม ดีที่มีมรดกของคุณทวดจากจีนแผ่นดินใหญ่ทิ้งไว้ให้ หาไม่แล้วเฉินวาวาโตขึ้นมาได้ถึงป่านนี้เหรอ! อีกอย่างแกบอกกับฉันมาตลอดว่าอยากไปเซ่นไหว้คุณทวดที่ประเทศจีนมิใช่เหรอ... นี่เป็นโอกาสของแกแล้วนะวาวา!” แม่เพื่อนรักโน้มน้าวเพื่อนสาวเป็นการใหญ่
เฉินวาวานั่งนิ่งไปชั่วขณะครั้นได้ยินถ้อยคำของเพื่อนส่งเสียงตามสายมาเช่นนั้น ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมีเพียงคุณย่าที่เลี้ยงเธอมาโดยตลอด ไม่ต้องถามถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ท่านทั้งสองไม่ได้เห็นเธอมีชีวิตในฐานะลูกสาวคนแรกแต่กลับมองเห็นว่าเป็นภาระเสียมากกว่า
จวบจนกระทั่งเฉินวาวาได้รับกองมรดกจากตระกูลเฉินทางจีนแผ่นดินใหญ่อย่างไม่คาดฝัน ซึ่งเป็นทางฝ่ายของบิดามอบให้สำหรับหลานสาวคนแรกของตระกูลในรุ่นปัจจุบัน ซึ่งก็คือเธอนั่นเอง เพราะคุณย่าของเธอเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูลแต่ถูกขับออกจากตระกูลเฉินเพราะเลือกคู่ครองเองและตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานกับคู่รัก หาใช่คู่หมั้นคู่หมายที่คุณทวดได้หาเอาไว้ให้
จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณย่าตามคุณปู่ซึ่งเป็นสามีมาตั้งรกรากที่ประเทศสิงคโปร์โดยไม่หวนคืนจีนแผ่นดินใหญ่อีกเลย แต่ขึ้นชื่อว่าลูก พ่อและแม่ก็ตัดไม่ขาด คุณทวดยกกองมรดกของตระกูลเฉินที่จะต้องมอบให้คุณย่ามอบให้กับเธอซึ่งเป็นเหลน มูลค่ามากมายมหาศาลจนทำให้จากฐานะของครอบครัวปานกลางกลายเป็นตระกูลใหญ่และทำให้ธุรกิจของคุณพ่อเธอก้าวหน้าและเติบโตเพราะกองมรดกจากตระกูลเฉินนั่นเอง
ครั้นคุณย่าของเธอเสียชีวิตจึงทำให้เฉินวาวาถูกส่งเข้าโรงเรียนประจำโดยใช้เงินจากกองมรดกที่มีทนายประจำตระกูลคอยดูแล และจะเป็นเจ้าของกองมรดกอย่างสมบูรณ์ทันทีที่มีอายุครบสิบแปดปีเต็ม ซึ่งเธอก็ครอบครองมรดกทั้งหมดอย่างสมบูรณ์มาได้นานกว่าสองปีแล้ว และในอีกสามเดือนข้างหน้าหญิงสาวก็จะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์
เฉินวาวาขบคิดอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน ใบหน้างามลึกล้ำค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“ทำไมฉันต้องกลัวความฝัน! ในเมื่อมันไม่ใช่ความจริงเสียหน่อย ฝันก็คือฝัน เรื่องจริงเสียที่ไหนกัน ได้ไปทำงานที่ประเทศจีนนานขนาดนั้นจะได้ถือโอกาสไปไหว้คุณทวดและบรรพบุรุษด้วยเลย ฉันต้องคิดแบบนี้สิถึงจะถูกเฉินวาวา!!!” หญิงสาวพูดพลางกำมือเข้าหากันจนแน่นเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะรีบกรอกเสียงตอบปลายสายกลับไป
“โอเค! ฉันเข้าใจแล้วเหยียนเหยียน... ตกลงว่าจะเซ็นสัญญาลงเล่นเรื่อง นางมารร้ายตำหนักบูรพา จะได้ถือโอกาสเที่ยวเมืองจีนบ้านเกิดอันแท้จริงของฉัน บรรพบุรุษตระกูลเฉินของฉันก็อยู่ที่ประเทศจีนด้วยกันทั้งนั้น เดี๋ยวฉันรีบจัดการตัวเองแล้วจะรีบออกไปเลยทันที” หญิงสาวให้คำตอบกลับไป
“มันต้องอย่างนี้สิเฉินวาวานางมารร้ายของฉัน ไปประกาศศักดาของตัวเองว่าบทนี้แม่ครอบครองหาใช่คนอื่น” เพื่อนสาวช่างยุรีบจีบปากจีบคอรายงาน
“ทำไมแกพูดแบบนั้น” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความสงสัย ก่อนจะได้ยินเพื่อนสาวของเจ้าหล่อนตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“อ้าว! ก็ตอนคัดเลือกนักแสดงมีดาราระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งของจีน ฮ่องกง ใต้หวันแล้วก็แกที่อยู่สิงคโปร์เข้ามาออดิชันเรื่องนี้ของผู้กำกับเกากันอย่างคับคั่ง แต่ละนางเป็นนางเอกชื่อดังทั้งนั้น แต่แล้วสุดท้ายผู้กำกับเกาก็เลือกเฉินวาวาของฉันที่ได้รับบทนางร้ายมาตลอดให้รับบทนี้” ชิงเหยียนส่งเสียงมาตามสายด้วยความภาคภูมิใจแทนเพื่อนรัก
“และอีกอย่างที่ฉันรู้มา บทนางร้ายในเรื่องนี้เป็นนางมารร้ายในแบบฉบับของแกเลยนะยะฉันขอบอก... บทนางเอกของเรื่องนี้ดรอปไปเลยเพราะบทนางร้ายที่แกได้คือเป็นตัวเดินเรื่อง เพราะเหตุนี้แหละแม่นางเอกทั้งหลายถึงอกหักตายนับศพไม่เจอ อยากได้บทนี้ไปครอบครอง พวกนางกะว่าได้เล่นเรื่องนี้ต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ”
“เหรอ! ฉันก็ทำตามบทที่ถนัดก็เท่านั้นเอง ตอนออดิชันบอกตรงๆ ไม่คิดว่าจะได้หรอกนะเพราะถูกคัดจากที่นี่ ก็เลยไม่รู้หรอกว่าผู้กำกับเกาคัดตัวละครเรื่องนี้จากนางเอกกี่ประเทศ แต่พอรู้แบบนี้ก็นะ... เจอตัวคงต้องถามแล้วว่าเพราะอะไรผู้กำกับจึงเลือกฉันเล่นเป็นตัวเอกเรื่องนี้” เสียงตอบของสาวเจ้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิดก่อนจะได้ยินแม่เพื่อนสาวตอบกลับมา
“นั่นก็เพราะความสามารถของแกนั่นแหละวาวา อ่อ... อีกอย่างตัวละครเรื่องนี้ก็มีชื่อเหมือนกับแกเลยนะ แตกต่างกันแค่แซ่เท่านั้น ตัวละครเรื่องนี้ชื่อ เยว่วาวา ว่ากันว่าซีรีส์เรื่องนี้อ้างอิงมาจากตำนานโบราณเมื่อสามพันห้าร้อยปีก่อนโน้นเลย” เสียงแม่เพื่อนสาวลากยาวผ่านศตวรรษได้สมจริงอย่างยิ่งยวด
“หา!” หญิงสาวอุทานออกมาทันที เมื่อได้ยินชื่อดังกล่าว
“เยว่วาวา!!!” เสียงหวานรำพึงเรียกชื่อตัวละครเอกที่อ้างอิงมาจากตำนานโบราณ
ความฝันที่เห็นอยู่ทุกค่ำคืนพลันปรากฏขึ้นในความคิดของเฉินวาวาทันที บุรุษเจ้าของดวงตาสีเลือด ร่างสูงใหญ่ทะมึนเหนือกว่าคนปกติในสมัยโบราณ หากเทียบความสูงดังกล่าวในสมัยปัจจุบันก็ประมาณร้อยเก้าสิบถึงร้อยเก้าสิบห้าเซนติเมตรเลยทีเดียว อาภรณ์ดำสีนิลกาฬ เจ้าของเกศาสีเงินยวงปล่อยสยายไปตามสายลมที่พาดผ่านและถ้อยคำที่เธอมิเคยลืมเลือน
“เจ้าเป็นของข้าเยว่วาวา!”