"อย่าบอกนะว่าลุงลักหลับฉัน! ฮือๆ! เวอร์จิ้นฉันจบกันเกมแล้ว!"
โป๊ก!
"นี่แหนะ!”
เขาเขกมาที่หัวฉันหนึ่งโป๊กอย่างแรง จนฉันต้องเอามือลูบไปมาเบาๆ ไอ้ลุงบ้าเนี่ย เขกลงมาได้ยังไงก็ไม่รู้เจ็บชะมัดเลย
"ฉันไม่มีวันทำอะไรบ้าๆ แบบที่เธอคิดหรอกนะ! เธอไม่ใช่สเปกฉัน เด็กแก่แดดอย่างเธอยังไม่ทันหย่านมด้วยซ้ำ และเมื่อคืนเธอเป็นคนกระชากลากฉุดให้ฉันอยู่เอง ฉันพยายามจะลุกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมดึงฉันไว้เกาะติดยังกับตังเม"
"อย่ามาเนียนฉันไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่นอน แล้วลุงเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง และฉันขึ้นมาบนห้องได้ยังไง"
"ฉันเป็นคนอุ้มเธอขึ้นมาเองแหละ"
"นั่นไง! ว่าละ! ลุงแอบแต๊ะอั๋งฉันใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมไม่ปลุก ให้ฉันลุกเดินขึ้นมาเองก็ได้ ทำไมต้องอุ้มด้วยไหนเหตุผลบอกมาซิ"
"นี่! ฉันไม่ใช่นักโทษ ไม่ต้องทำหน้าทำตาสอบสวนขนาดนั้น ที่สำคัญฉันปลุกเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมตื่นเอง ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้น ให้ยุงหามไปเลย"
"ก็บอกอยู่นี่ไงว่าให้ปลุก เข้าใจไหมคำว่าปลุก! แล้วลุงจำเป็นต้องนอนที่ห้องฉันไหม"
"ฉันพยายามปลุกเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมตื่น แล้วพอฉันจะออกไปเธอก็โวยวาย พร้อมกับดึงแขนฉันไว้ อย่าไป! อย่าไป! อยู่กับหนูนะ! อย่าไปได้โปรด นี่ถามจริงเธอละเมอจริงหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าจริงๆ แล้วเธอก็อยากให้ฉันอยู่ด้วยเลยแกล้งละเมอออกมา"
"บ้าสิ! ใครเขาจะบ้าเหมือนลุง ถึงฉันจะสวยฉันก็ไม่เคยอ่อยใคร ไปเลย กลับไปห้องลุงได้แล้ว! ไปชิ้วๆ”
"แหม..ทีแบบนี้ไล่ฉันยังกับหมูกับหมา เมื่อคืนไม่เห็นไล่แบบนี้เลย วันหลังเดี๋ยวฉันจะแวะมาปลอบเธอ ก่อนนอนทุกคืนเลยดีไหม"
เขาพูดพร้อมกับเดินก้าวเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าจะโอบฉัน ฉันหยิบหมอนขึ้นมาแล้วปาไปที่เขาอีกครั้ง เขาหลบหมอนที่ฉันโยนใส่แล้วทำหน้าทำตาทะลึ่งตึงตังกวนๆ ออกมา ด้วยท่าทางที่ทะเล้น
"ไปเลยนะ! ไปเลย! ไอ้ลุงบ้าคนอะไรกวนประสาทชะมัดเลย"
ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! แล้วเขาก็เดินหัวเราะออกไปอย่างอารมณ์ดี ฉันเพิ่งเคยเห็นมุมแบบนี้ของเขา เพิ่งรู้ว่าคนที่อายุสามสิบขึ้นทำแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ แต่ว่าอาการละเมอของฉันหายไปหลายปีแล้ว ทำไมถึงกลับมาเป็นอีก ที่ฉันเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เพราะเมื่อก่อนฉันมักจะละเมอแบบนี้บ่อยๆ
ตั้งแต่วันนั้นวันที่พ่อทิ้งพวกเราไป ฉันยังจำได้ดีที่พยายามอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พ่อก็เห็นคำอ้อนวอนของฉันเป็นเพียงอากาศ พวกเราไม่มีความหมายอะไรกับพ่อเลย ผู้หญิงที่มาใหม่คงสำคัญกับบิดาของฉันมาก พ่อจึงเลือกผู้หญิงคนนั้น โดยที่ไม่ยอมหันหลังกลับมามองฉัน ที่นั่งทรุดตัวอยู่กับพื้น เพื่ออ้อนวอนให้พ่อกลับมาจนทุกวันนี้ ฉันเริ่มทำใจได้แล้ว
ความเข้มแข็งเริ่มมีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันมองกลับไปแล้วมีแม่กับน้องจ้องกลับมา ฉันคือความหวังของพวกเขา ฉะนั้นฉันจึงต้องเข้มแข็งให้พวกเขาเห็นว่าเราจะผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่าจะมีพ่อหรือไม่มีก็ตาม พวกเราก็อยู่ได้และอยู่ได้ดีด้วยจนถึงทุกวันนี้
เมื่อตาลุงออกไปพ้นห้องแล้ว ฉันก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อคืนฉันคิดว่าฝันไปที่แท้มันคือเรื่องจริง อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ฉันได้สัมผัสและรู้สึกได้ เวลาอยู่ใกล้เขาฉันรู้สึกดี โดยเฉพาะอ้อมกอดนั้น แต่แล้วฉันก็พยายามสลัดมันออกไปจากหัว เขาไม่มีทางชอบเด็กอย่างฉันหรอก และฉันก็ไม่คิดที่จะมีใครในตอนนี้ ฉันไม่อยากพาใจไปเจ็บเหมือนที่มารดาเคยพบประสบมา
หลายวันต่อมาฉันได้รับโทรศัพท์จากโรงงาน xxx y group จำกัดแน่นอนเขารับฉันเข้าทำงาน ฉันรีบวิ่งแจ้นลงบันได พร้อมทั้งตะโกนออกไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างล่าง เพราะวันนี้ตาลุงนั่นบอกว่าไม่มีงานตอนเช้าฉันก็งงๆ เขาทำงานอะไร หยุดบ่อยไม่เห็นเจ้านายว่าเขาเลย
"นี่ลุง!" ฉันวิ่งพร้อมทั้งตะโกนออกมาเสียงดัง
"อะไรของเธอเนี่ย! จะวิ่งลงมาทำไม เดี๋ยวก็ตกบันไดคอหักตายหรอก เดินเป็นไหมทำตัวเหมือนผู้หญิงหน่อย" ผมเอ็ดเธอออกไป เพราะในใจของผมเป็นห่วงเธอมาก กลัวว่าเธอจะตกบันไดลงมาแข้งขาหัก
"สาบานว่าที่พูดอ่ะปากหรอลุง ก็ฉันดีใจนี่นา โรงงาน xxx y groupจำกัด เขาตอบรับฉันเข้าทำงานแล้วนะ พรุ่งนี้ฉันก็ได้ไปทำงานแล้วดีใจจังเลย"
ผมมองไปยังยัยเด็กนั่น อะไรของเธอจะดีใจจนออกนอกหน้าขนาดนั้น แน่นอนที่เธอได้งานผมก็มีส่วน ในการช่วยเหลือ ผมให้เลขาจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะคนสมัครเยอะมาก
"ไม่ดีใจกับฉันหน่อยเหรอลุง คนเขาอุตส่าห์วิ่งลงมาบอก"
"ดีใจสิ แต่ฉันก็เก็บอาการจะให้ฉันป่าวประกาศเลยดีไหม หรือจะให้ปิดซอยหน้าบ้านเลี้ยงฉลองเลยเป็นไง"
"ปากดีไปเถอะ! ฉันได้งานทำแล้วเดี๋ยวถ้าฉันย้ายออกไปอยู่ข้างนอกลุงจะเหงา แล้วไม่มีใครทำกับข้าวให้กินไม่รู้ด้วยนะ ถึงแม่บ้านทำก็ไม่อร่อยเหมือนฉันทำหรอกเชื่อสิ"
เธอพูดพร้อมกับสะบัดหน้าใสผม นั่นสิผมลืมไป ถ้าเธอได้งานทำแล้วและมีเงินเก็บมากพอที่จะเช่าบ้าน เธอก็ต้องย้ายออกไปผมลืมข้อนี้ไปเสียสนิทเลย
"อืม รู้แล้วว่าทำอาหารอร่อย ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปทำเลยใกล้เที่ยงแล้วฉันมีประชุมบ่าย"
"ค่ะเจ้านายจอมเก๊ก แค่แสดงความดีใจกับฉันมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ..ชิ!" พูดจบฉันก็เดินออกมา วันนี้จะทำเมนูอะไรให้ตาลุงนั่นดี ผัดกะเพราหรือว่าต้มยำดูซิในตู้เย็นมีอะไรบ้าง ฉันบ่นไปคนเดียวระหว่างที่เดินเข้ามาในครัวก่อนจะเปิดตู้เย็น
"โอ้โฮ! นี่มันตู้เย็นหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตเนี่ย ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้ สงสัยตาลุงนั่นคงไปซื้อมาช่วงเช้าแน่เลย" ฉันบ่นพึมพำคนเดียวระหว่างที่เปิดตู้เย็นและของข้างในตู้เย็นมันเต็ม เสียจนไม่มีพื้นที่ว่าง ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้เนื้อนมไข่และอย่างอื่นอีกมากมาย
แต่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบสมกับที่เป็นคุณชายจอมเก๊กจอมเนี้ยบจริงๆ แล้วฉันก็ลงมือทำอาหารอย่างสุดฝีมือ แน่นอนฉันไม่ได้สวยเพียงอย่างเดียว ฉันทำอาหารอร่อยด้วย ฉันทำเป็นแทบทุกอย่างทั้งไทยและเทศ ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือว่าของหวาน เพราะที่บ้านฉันจะเป็นคนทำอาหารให้กับทุกคนในครอบครัวได้รับประทาน ฉันสงสารแม่ที่ทำงานหนัก เพื่อพวกเรามาโดย ตลอด อะไรที่ฉันแบ่งเบาท่านได้ ฉันจะลงมือทำอย่างไม่ลังเลเลย
ฉันลงมือทำอาหารสามอย่างราวสี่สิบนาทีก็เสร็จดั่งเนรมิต อาหารมื้อนี้สำหรับเจ้านายมีผัดกะเพราทะเล ต้มยำกระดูกอ่อน แกงจืดเต้าหู้สามอย่างก็เกินพอแล้วสำหรับเขา จากนั้นฉันก็เตรียมอาหารขึ้นโต๊ะ เพราะเวลานี้ใกล้เที่ยงแล้ว ฉันกำลังจะเดินไปเรียกเขา แต่ตาลุงนั่นก็เดินเข้ามาพอดี
"นี่โทรศัพท์เธอ ฉันได้ยินเสียงเรียกเข้าหลายสายแล้ว"
"ขอบคุณค่ะ เชิญนั่งค่ะ ดิฉันตั้งสำหรับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ฉันขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ" ฉันพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ กวนๆ ส่งให้กับเขาก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากเขามา ฉันแอบชำเลืองจนแน่ใจว่าเขานั่งทานอาหารแล้ว จึงเดินเลี่ยงออกมา เบอร์โทรเข้าหลายสายคือเบอร์ของแม่ ฉันรีบกดโทรออกทันที เพราะช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อไปมารดา