โอปาของนารา

1400 คำ
บ้านหลังนี้ได้เปลี่ยนไปเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือว่ามุมต่างๆ ของบ้าน บ่งบอกถึงรสนิยมคนอยู่อาศัย ดูอบอุ่นเป็นผู้ใหญ่และน่าค้นหา มันทำให้ฉันรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้ การจัดบ้านแบบนี้น่าอยู่กว่าบ้านที่ป้าเคยจัดเสียอีก ฉันมัวแต่ก้มดูโน่นนี่นั่นจนลืมไปว่าเวลานี้ฉันได้ยืนอยู่ใกล้ๆ กับชายแปลกหน้า ฉันเผลอเลอขนาดนี้เลยเหรอ หากว่าเขาทำอะไรฉัน คิดไม่ดีไม่ร้ายกับฉันอะไรจะเกิดขึ้น ฉันค่อยๆ หันกลับไปมองเขา แต่ภาพที่เห็นทำให้ฉันแทบจะหยุดหายใจ “โอปา” ฉันสตั๊นไปสิบวิ “คนอะไรหล่อวัวตายควายล้ม เกิดจากท้องพ่อท้องแม่มาไม่เคยเห็นใครหล่ออะไรป่านนี้มาก่อนโอ๊ย! ใจนาราละลายแล้ว” ฉันบ่นพึมพำเบาๆ แต่ต่อให้เบาแค่ไหน เขาก็คงได้ยิน เพราะมันดึกเงียบสงัดขนาดนี้ แม้แต่เสียงหายใจฉันเขายังได้ยินเลย “ถ้าฉันหล่อแล้ววัวตายควายล้ม ฉันขอไม่หล่อดีกว่าบาปกรรมเปล่าๆ” “โอ๊ย..ลุง” ฉันลากเสียงยาว “ฉันแค่พูดเล่น อย่างลุงเนี่ยนะหล่อ ประเทศนี้ไม่มีใครขี้เหร่แล้งมั้ง ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” “หุบปากไปเลย! เธอเป็นใครมาจากไหนต้องการอะไร” “คำถามนี้ฉันต้องเป็นคนถามลุงมากกว่า ลุงเป็นใคร มาอยู่ในบ้านป้าสาได้ยังไง” “ก่อนอื่นฉันต้องทำความเข้าใจกับเธอก่อน ฉันไม่ใช่ลุง เรียกให้มันถูกด้วย หน้าฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้น” “แล้วลุงอยากให้ฉันเรียกอะไรล่ะ น้องชาย พี่ชาย น้าชาย ว่ามาสิฉันจะได้เรียกถูก" ผมอยากจะบ้าตายยัยเด็กนี่กวนประสาทชะมัดถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งนะผมจะมาจับตีก้นซะให้เข็ดเลย. “อยากเรียกอะไรก็เรียกตามใจเธอเลย เชิญเรียกได้ตามสบาย”คำพูดกระแทกแดกดันของตาลุงนี่ ช่างสร้างความพอใจให้กับฉันยิ่งนักรู้จักนาราน้อยไปซะแล้ว “สรุปเรียกลุงนั่นแหละเหมาะที่สุด ฉันไม่เรียกคุณตาก็บุญเท่าไหร่แล้วล่ะ” “เธอนี่มันจริงๆ เลย” “เอาล่ะ เรามาเข้าสู่คำถามกันดีกว่า ลุงเข้ามาอยู่ในบ้านป้าสาได้ยังไง เพราะนี่มันบ้านป้าของฉัน” “เอาล่ะ ฉันขอถามเธอก่อนแล้วกัน เธอเป็นหลานประสาอะไร ไม่รู้ว่าป้าย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ฉันก็ซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากป้าสาหลายปีแล้ว" “โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด! ป้าสากับลุงย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับพี่ธนาเหรอ บรรลัยแล้ว” “สรุปว่าเธอเป็นหลานสาวของป้าสาจริงหรือเปล่าเนี่ย ไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะจับเธอส่งตำรวจแน่” “โธ่! ลุงอย่าจับฉันส่งตำรวจเลยนะ ฉันเป็นหลานสาวของป้าสาจริงๆ” “นั่งลง! ฉันบอกให้นั่งลง!” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเกรี้ยวกราด เพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับยายเด็กนี่ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอใครแบบเธอมาก่อน เด็กอะไรกวนได้ตลอดเวลา เสียงของเธอราวกับนกแก้วนกขุนทองก็ไม่ปาน อยู่ๆ ตาลุงนี่ก็พูดเสียงดังออกมา อะไรของเขา ฉันค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับตาลุง สายตาของฉันเหลือบไปเห็นกรอบรูป นั่นมันรูปของฉันที่ถ่ายกับคุณลุงคุณป้าแล้วก็พี่ธนา ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของคุณป้านี่นา แปลกจังทำไมเขายังเก็บกรอบรูปนี้ไว้ทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลย “ลุง!” ฉันร้องเสียงดังขึ้นมา “นี่เธอ! อยู่ใกล้กันแค่นี้จะตะโกนอะไรนักหนา หัดสำรวมเสียบ้างเป็นผู้หญิงยิงเรือ” ผมพูดออกมาอย่างหัวเสียอะไรของเธอ ผมอยู่กับเธอไม่กี่นาทีประสาทจะกินแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยครอบครัวของเธอ เพื่อนของเธอ ทุกคนที่อยู่ใกล้เธอคงต้องปวดหัวทั้งวันแน่ “ลุงฉันขอโทษ นั่นไงรูปฉัน เห็นไหมฉันบอกแล้ว ฉันเป็นหลานสาวของป้าสาจริงๆ ฉันไม่ได้โกหกเชื่อหรือยังล่ะ” ผมว่าแล้วทำไมคุ้นหน้าเธอจัง ผมอยากจะเจอเด็กผู้หญิงที่ยิ้มแป้นคนนี้มานาน ผมอยากเจอตัวจริงของเธอ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ผมซื้อบ้านต่อจากเจ้าของเดิม ซึ่งผมยังคงเก็บกรอบรูปนี้เอาไว้เพราะหวังว่าสักวันจะได้เจอกับเธอ แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ผมได้เจอกับเธอจริงๆ “ถ้าฉันรู้นะว่าคนในรูปนั้นเป็นเธอ ฉันทิ้งไปนานแล้ว คนอะไรพูดอย่างกับต่อยหอย เธอกินนกหวีดแทนข้าวหรือไง” “ใจร้ายจัง ลุงเองก็ปากร้ายไม่เบาเหมือนกันนั่นแหละ ทีนี้เราก็มาพูดเรื่อง ที่ฉันจะอยู่ที่นี่กันดีกว่านะ” “ใคร! ใครว่าฉันจะให้เธออยู่ที่นี่ มโนไปเองหรือเปล่า” ฉันจะทำยังไงดีถ้าตาลุงนี่ ไม่ให้ฉันอยู่ด้วย มีหวังได้นอนวัดแน่ เพราะฉันไม่รู้จักใครเลยนอกจากป้าสาคุณลุงแล้วก็พี่ธนา ป้ากับคุณลุงคงย้ายตามพี่ธนาไปต่างประเทศแน่เลย ฉันน่าจะติดต่อหาคุณป้าบ้าง ไม่น่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยจนขาดการติดต่อกันหลายปี ไม่อย่างนั้นฉันคงจะได้รู้ข่าวคราวป้า ไม่ต้องมาเจอกับเรื่องบ้าๆ แบบนี้ “อย่าใจร้ายเลยนะลุง นอกจากป้าสาแล้ว ฉันก็ไม่รู้จักใครเลย ให้ฉันอยู่ที่นี่เถอะนะ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน นะลุงนะ น๊าพลีส” ฉันตีหน้าเศร้าเล่าความจริง แต่ตาลุงนี่ก็ยังคงเงียบเฉย เขาทำราวกับว่าคำอ้อนวอนขอร้องของฉันเป็นเพียงอากาศธาตุ ฉันยังคงนั่งก้มหน้าต่อไป ภายในใจของฉันมันบอกว่าเศร้าไว้ ทำหน้าเศร้าเอาไว้นารา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแพ้มารยาผู้หญิงทั้งนั้น “เธอเป็นผู้หญิง ฉันเป็นผู้ชาย เธออยู่ที่นี่กับฉันไม่ได้หรอก ใครรู้เธอมีแต่จะเสียหาย” ผมพูดตามความเป็นจริง ผมไม่เคยอยู่ร่วมชายคากับผู้หญิงคนไหนเลย นอกจากพลอยแฟนเก่าของผม ซึ่งผมคิดว่าเธอยังเด็กถ้าใครรู้แน่นอนมันคงไม่ดีกับตัวเธอ เพราะใครๆ ต่างก็รู้จักผมไม่ว่าจะเป็นนักข่าวหรือว่าคนละแวกนี้ เขาอาจมองเธอไม่ดีก็ได้ ฉันจะบ้าตาย เขามาสุภาพบุรุษเอาอะไรตอนนี้ ฉันง่วงจะตายอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ต้องเจรจาให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันต้องกลับบ้านไปตั้งหลักก่อน และน้องชายของฉันต้องอดเรียนหมอแน่ “ลุงใครจะว่าอะไรก็ช่างเขาเถอะนะ ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ ราชสีห์ยังเคยขอความช่วยเหลือจากหนูฉันใด สักวันลุงอาจจะขอความช่วยเหลือจากฉันก็ได้ ฉันสัญญาจะช่วยอย่างไม่รีรอเลย เพียงลุงให้ที่ซุกหัวนอนกับฉันก็พอ ถ้าฉันมีงานทำมีเงินพอ ฉันจะออกไปหาบ้านเช่าข้างนอก นะลุงน๊า คิดว่าช่วยลูกนกลูกกาเถอะ นะ นะ น๊า” ฉันยังคงตีหน้าเศร้าอ้อนวอนเขาสุดฤทธิ์สุดเดช ยังไงบ้านหลังนี้ฉันก็เคยอยู่ มันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับฉันมาก ผมเริ่มลังเล แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าจะปล่อยให้เธอไปเผชิญกับชะตากรรมภายนอกได้ยังไง เธอเป็นเด็กผู้หญิงอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้ “ก็ได้..แต่...” “เย้! ลุงใจดีที่สุดในโลกเลย ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย ถ้าลุงมีอะไรให้ฉันช่วย ฉันยินดี ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็ทำให้ลุงได้ ขอบคุณนะลุง ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ” ฉันยังคงพนมมือไหว้เขารัวๆ ก็ฉันดีใจนี่นาอย่างน้อยตาลุงนี่ ก็ไม่ใจจืดใจดำกับฉัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม