ตอนที่7 เปิดตัว (2)

1506 คำ
มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูร้านกาแฟเล็ก ๆ หน้ามหาวิทยาลัย พลางปรายตามองหาที่ว่าง อาจเป็นเพราะเวลานี้นักศึกษาส่วนใหญ่ยังมีเรียนอยู่ ภายในร้านเลยค่อนข้างเงียบ “แก้ว ทางนี้” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียก เมื่อมติมนต์กันไปมองตามต้นเสียง เธอก็พบกับเจ้าของร่างสูงใหญ่สไตล์เดียวกับคิมหันต์ไม่มีผิด เสื้อสีแดงและโลโก้ที่ปักอยู่บนอกบอกให้รู้ว่าเขาเองก็คงจะเรียนคณะเดียวกัน “โมนาจะเข้าไปนั่งด้วยกันไหม” แก้วเจ้าจอมหันมาเอ่ยถามทำให้เธอรีบปฏิเสธทันที “ให้ฉันเข้าเป็นก้างขวางคอเหรอ ตามสบายเลย เดี๋ยวฉันรอข้างนอกละกัน” “ขอบใจมากนะเพื่อนรัก” อีกฝ่ายกระพุ่มมือไหว้เธอตาปริบแล้วจึงหมุนตัวเข้าไปในร้าน ส่วนมติมนต์ก็แยกไปสั่งโกโก้เย็นหนึ่งแก้วเพื่อออกไปนั่งรอข้างนอก และตอนนั้นเองสายตาของเธอเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานติดหราอยู่ตรงทางเข้า “รับสมัครพนักงานพาร์ทไทม์ น่าสนใจแฮะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างมีความหวัง เพราะเงินเก็บจากการทำงานตอนอยู่ต่างประเทศเริ่มร่อยหรอลงทุกที จะให้แบมือขอจากเมธัสตลอดเวลาก็คงจะเป็นไปไม่ได้ “ลองดูหน่อยดีกว่า” ว่าแล้ว มติมนต์จึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรายละเอียดบนนั้นเอาไว้ รอจนแก้วเจ้าจอมเสร็จธุระเธอจึงรีบกลับไปขอความคิดเห็นจากเมธสอีกที ตอนแรกพี่ชายเหมือนจะไม่เห็นด้วยเพราะกลัวเธอจะแบ่งเวลาไม่ทัน แต่พอได้ฟังเหตุผลและข้ออ้างต่างๆ นานา ในที่สุดเขาก็ใจอ่อน แพ้ลูกอ้อนของเธอจนได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากเมธัส มติมนต์ก็รีบรวบรวมเอกสารในการสมัคร คิดเอาไว้ว่าจะกลับไปสมัครด้วยตัวเองที่ร้านอีกครั้งในตอนบ่ายของอีกวัน เธอมีประสบการณ์เคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ลอนดอนมาคงสมัครได้ไม่ยาก “ทำไมวันนี้ไม่รอล่ะที่รัก” เสียงที่แสนคุ้นหูจนเธอไม่ต้องหันไปดูก็จำได้แล้วว่าต้องเป็นคิมหันต์ดังขึ้นในตอนที่กำลังจะขึ้นไปเรียนในตอนเช้า “...” มติมนต์ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงนั้น เธอเอาแต่ก้าวฉับ ๆ ขึ้นไปบนห้องทำให้คนที่เดินตามต้องคว้าแขนเธอเอาไว้ทำให้รีซูเม่และใบสมัครงานที่เธอเพิ่งจะพรินต์มาร่วงหล่นลงพื้น “เลิฟเวอร์คาเฟ่” ร่างสูงหยิบใบสมัครขึ้นมาอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นถามเธอ “นี่จะไปสมัครงานเหรอ” “เรื่องของฉัน อย่ามายุ่ง” เธอเน้นย้ำทุกคำพูดก่อนจะแย่งเอกสารจากมือเขากลับมา ตัดสินใจวิ่งขึ้นไปบนตึกก่อนจะทรุดกายนั่งลงเคียงข้างฟ้าลดาอย่างอารมณ์ดี “ฟ้า...ฉันเอาแซนด์วิชมาฝาก พี่หมอกทำมาเผื่อน่ะ” เธอเอื้อมมือไปวางแซนด์วิชลงบนโต๊ะของฟ้าลดาแต่อีกฝ่ายกลับหยิบมันแล้วส่งคืนมาให้เธอ “ฉันไม่หิว” “ยัยฟ้าไม่หิว งั้นแกเอามาให้ฉันสองชิ้นเลยโมนา ฉันกินแทน” แก้วเจ้าจอมว่าพลางหยิบแซนด์วิชขึ้นมากัดกิน ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นว่าฟ้าลดาดูเปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูดจาตั้งแต่ตอนที่คิมหันต์มาส่งแล้วเปิดตัวเป็นแฟนกับเธอแล้ว มติมนต์ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ จะให้เอ่ยถามก็คงไม่กล้าเพราะฟ้าลดาจะมารู้สึกแบบนั้นกับเธอคงเป็นไปไม่ได้นอกจากว่าจะแอบชอบคิมหันต์เหมือนกัน “โมนา เลิกเรียนแล้ว เธอจะไปไหนต่อหรือเปล่า ฉันว่าจะชวนแกกับยัยฟ้าไปดูหนังกันน่ะ” แก้วเจ้าจอมเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากตอบ ฟ้าลดาก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “โมนาเขามีแฟนแล้ว เขาก็ไปกับแฟนสิ ไม่ต้องไปชวนหรอก เราไปกันสองคนก็ได้” “เอ่อ...” คนถูกพูดถึงชะงัก พยายามอธิบายเหตุผลที่เธอไปไม่ได้ทันที “ฉันไปไม่ได้หรอก พอดีว่าฉันจะไปสมัครงานน่ะ” “สมัครงานที่ไหนเหรอ” แก้วเจ้าจอมถามต่อ “ก็เลิฟเวอร์คาเฟ่ไง เมื่อวานตอนฉันไปกับแก ฉันเห็นป้ายรับสมัครงานน่ะ คิดว่าจะลองไปสมัครดู” “ดีเลย แกทำงานที่นั่น ฉันจะได้หาเรื่องไปหาพี่ภูบ่อย ๆ ” อีกฝ่ายคลี่ยิ้มอย่างดีใจต่างจากฟ้าลดาอย่างลิบลับ จากคนที่ชอบชวนคุยกลับดูเงียบผิดหูผิดตาไปอย่างเห็นได้ชัด “อ้าวน้อง น้องคนที่มากับแก้วเมื่อวานใช่ไหม พี่จำได้” ภูเขาเอ่ยทักทายเมื่อเห็นเธอกลับมาอีกครั้ง “มีอะไรหรือเปล่า ลืมอะไรไว้เหรอ” “เมื่อวานตอนมาหนูเห็นป้ายรับสมัครพนักงานน่ะค่ะ วันนี้หนูเลยมาสมัคร” นิ้วเรียวชี้ไปที่ป้ายด้วยความกระตือรือร้นอยากทำงาน “อ้อ! พอดีพี่ชายของพี่เขาเพิ่งรับคนมาเมื่อเช้านี่เอง เสียใจด้วยนะน้องมาช้าไปนิดเดียว” “ว่าไงนะคะ แล้วทำไมป้ายยังอยู่ล่ะ” มติมนต์ถามต่อทำให้ภูเขาต้องเดินไปแกะป้ายออกมาต่อหน้าเธอ “พี่ลืมแกะน่ะ ขอโทษด้วยนะ” “ค่ะ ไม่เป็นไร” หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ แล้วจึงเดินคอตกออกจากร้านไป เข้าใจว่าเธอคงจะมาช้าไปจริง ๆ “พลาดจนได้สินะ” มติมนต์พึมพำออกมาอย่างเซ็ง ๆ จ้องมองเอกสารที่อุตส่าห์เตรียมมาซะดิบดีก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ เราฝากเอกสารไว้ก่อนได้นี่ ถ้าเขาขาดคนค่อยติดต่อไปทีหลัง” รอยยิ้มปรากฏขึ้นใบหน้าอีกครั้งทำให้เธอรีบวิ่งกลับไปที่คาเฟ่แต่เมื่อมาถึงเธอกลับเห็นภูเขานำป้ายอันใหม่ขึ้นมาติดพร้อมกับร่างที่แสนคุ้นตากำลังยืนอยู่เคียงข้าง “มึงทำให้กูต้องติดป้ายสองรอบเลยดูดิ” “เออน่า พรินต์ติดใหม่ มันจะไปยากอะไรวะ” คิมหันต์ตบไหล่ภูเขาไว้พลางหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “ขอบใจมากนะเว้ย ที่ช่วยหลอกยัยนั่นให้” “ได้ข่าวว่ามึงตามจีบอยู่ ที่ไม่ให้มาทำร้านกูเพราะว่ามึงหึงเหรอวะ” ภูเขาเอ่ยถามโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่ามติมนต์กำลังแอบฟังอยู่ใกล้ ๆ และคำตอบที่ได้ยินจากปากคิมหันต์ก็ทำให้เธอถึงกับช็อกจนพูดอะไรไม่ออก “หึงบ้าหึงบออะไร กูแค่แกล้งจีบ จะหลอกฟันยัยนั่นแล้วค่อยทิ้งต่างหาก” “เพื่ออะไรวะ” “ยัยนั่นมันทำน้องกูเจ็บปางตาย กูก็จะทำให้ยัยนั่นเจ็บเหมือนที่น้องกูเจ็บนั่นแหละ” “นายหมายความว่ายังไงคิมหันต์” มติมนต์ก้าวเข้าไปในร้าน ปาเอกสารที่เตรียมมาใส่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มแรง ทำให้ภูเขาถึงกับลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “งานเข้าแล้วไอ้คิม มึงจัดการเองนะ กูขอตัวก่อน” ว่าแล้วเจ้าของร้านก็รีบโบกมือไล่พนักงานที่กำลังกวาดเตรียมปิดร้านเข้าไปข้างใน เมื่ออยู่กันตามลำพังมติมนต์จึงเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง “ตอบฉันมาสิ ว่าฉันไปทำอะไรให้นายไม่พอใจนักหนา นายถึงได้ตามจองล้างจองผลาญฉันแบบนี้ แล้วน้องชายนายเป็นใคร ฉันไปทำอะไรให้ ตอบฉันมาสิ” “เธอจำไม่ได้จริง ๆ เหรอโมนา” คิมหันต์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่เขากลับยิงคำถามใส่เธอด้วยสีหน้าโกระเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด “นี่นายยังโกรธที่พี่หมอกรักษาน้องชายนายไม่ได้งั้นเหรอ” “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหมอหมอกเลยโมนา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเธอคนเดียว!” ชายหนุ่มตวาดกร้าวก่อนจะออกแรงลากเธอตามไปที่รถที่จอดอยู่หน้าร้าน “ถ้าอยากรู้ก็ขึ้นมาสิ ไปดูให้เห็นกับตาว่าเธอทำอะไรไว้” “ฉันไม่ไป” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง ตอนนี้คิมหันต์กำลังเดือดจัด เธอแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าไปกับเขาแล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้นกับเธอ “ถ้าไม่ไปแล้วเธอจะรู้ความจริงได้ไง ช่วยให้ความร่วมมือแบบที่ฉันไม่ต้องบังคับสักครั้งจะได้ไหม” “แล้วถ้าฉันไป นายจะไม่ทำอะไรฉันใช่ไหม” “เออ!” เขากระแทกเสียงใส่แบบไม่เต็มใจนัก เห็นดังนั้นมติมนต์จึงต้องขึ้นไปนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไปทำกรรมอะไรไว้ เขาถึงได้ตามราวีเธอไม่เลิกแบบนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม