"เอ้า งั้นพวกเราอยู่ด้วยกันจนกลับนี่ล่ะ" นนตัดสินใจพร้อมกับยิ้มอย่างเบิกบาน
"แต่นนกับเพื่อนขอนั่งพักก่อนเดี๋ยวมีกิจกรรมอะไรสนุกสนาน ก็ช่วยกันคิดและทำร่วมกัน"
แล้วก็มีข้อความต่างๆจากแฟนคลับส่งผ่านมายังอินสตาแกรม และผ่านไลน์
"น้องนนอบอุ่นจัง"
"ผู้ชายไมโครเวฟ อยากกอดๆๆๆๆ"
"หล่อ เท่ พระเอกของฉัน สู้ๆนะ จะสนับสนุนเชียร์ตลอดไป"
"ว้าว พระเอกกับแฟนคลับ ป้าๆน้าอา พี่ๆน้องๆ แจ๋ว เจ๋งสุดๆเลย ครอบครัวนี้น่ารัก ดูแลกันฝุดๆๆๆๆ"
"อยากไปร่วมด้วยอ่ะ ติดภารกิจ ถ้างั้นไม่ยอมพลาดหรอก เจอกันโอกาสหน้านะคะพระเอกรูปหล่อ จุ๊บๆ"
"ว้าว มากันสองเลยเหรอพระเอกของฉัน ถือว่าคุ้มนะ ตั้งใจมาหนึ่งแต่ได้สอง พี่นุ๊กของพวกเราด้วย"
"หนูเพิ่งทราบข่าว แต่มาทำธุระอยู่ที่ตจว นี่ถ้ามีปีกบินได้เหมือนนกจะเหาะบินไปร่วมสนุกกับทู้กคน"
อีกหลายเมนต์ที่ส่งทั้งข้อความและอิโมจิจนนนและเพื่อนเปิดอ่านจนตาลายไปหมด
นี่คือความรักที่มอบให้ ขอเก็บเอาไว้ในใจเสมอ ไม่ลืมเลือนความหวังและความน่ารักของทุกคน
ก่อนจะลากลับ หัวหน้าแฟนคลับของนนถามว่า
"ถ้าน้องนนว่างอีกเมื่อไหร่ อย่าลืมนัดพวกเราอีกนะคะ จะมากันให้เยอะกว่านี้เลย"
"ครับ ได้ แต่อาจจะไม่ใช่สถานที่นี้ ที่นี่ดูแคบ เดี๋ยวนนค่อยคิดดูอีกที กับพี่ปิ๊ก ผู้จัดการครับ ว่าจะเป็นที่ไหนดี อาจจะเป็นโรงแรมหรือ สวนสาธารณะ ที่นนจะไปออกงานอีเว้นต์แล้วเจอกันครับ บ๊าย เดินทางกลับด้วยความปลอดภัยทุกคนนะคร้าบ"
นนกับสนุ๊กเดินมาส่งแฟนคลับกลับบ้าน และเขาจะได้กลับเสียที
คุณพ่อคุณแม่ แม้จะปิดร้านแล้ว แต่ยังดูความเรียบร้อยก่อน ทั้งคาร์แคร์ด้วยดูน้ำและไฟ ปิดให้สนิทพร้อมเตาแก๊ส
ส่วนพนักงานกลับกันไปหมดแล้ว
จากนั้นนนถึงได้บอกกับพ่อแม่ว่า ขอไปส่งสนุ๊กที่บ้านก่อนแล้วจะวกกลับมาบ้านต่อ
"ขับรถดีๆล่ะลูก แล้วค่อยเจอกันที่บ้าน" คุณอิสรีพูด
เหตุเพราะ ภาพจากอินสตาแกรม และในไลน์ไอจีที่ปองขวัญ เป็นเพื่อนกับเพื่อนนักแสดงในกลุ่มทุกคน
เธอจึงเห็นคอมเมนต์เหล่านั้นจากแฟนคลับของพี่นน เธอจึงแซวกลับด้วยอิโมจิ ตามด้วยรูปดอกกุหลาบ และข้อความ
"ไม่ชวนไปเลยนะคะ คราวหน้าอย่าลืม หนู นะะ ว่างอยู่"
"อ้าว พี่ชายเราสองคน น่ารักที่ซู้ด"
เห็นข้อความจากน้องปองเช่นกันก็เลยตอบน้องกลับไป
"มาสิ คราวหน้าอย่าพลาดนะ"
"คิดถึงแถวเลียบด่วนอยากไปพร้อมหน้าพร้อมตากันอีก คราวนี้ใครจะเป็นเสี่ยใหญ่"
นนตอบกลับมา
"ยัง ตอนนี้เสี่ยกระเป๋าแฟ่บอยู่"
ปองขวัญตอบผ่านไอจีและไลน์กลับมา
"ไม่เชื่อ ยังไงเค้าก็ไม่เจื้อ"
จนในที่สุดก็ออกมาจากอินสตาแกรมและไอจี เพื่อคุยกัน เพราะบางอย่างติดค้างและสงสัย
"เอ้า ว่ามา มีอะไรจะถามพี่"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ปองเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็แซวพี่นน แหม เพิ่งรู้ว่าพี่นุ๊กไปแจมด้วย"
"ใช่ นุ๊กมาตามหลังพี่ พี่ชวนมันเอง ก่อนหน้านั้นนักข่าวดักรอพี่ ที่ร้านของพ่อ ไม่ไหว เลยชิ่งออกมาก่อน"
"แหม พี่นน เป็นโรคกลัวนักข่าวเมื่อไหร่ล่ะคะ"
"เป็นซี ทำไมจะไม่เป็น แต่เฉพาะบางคนหรอกนะ หรือเธอไม่เป็น"
ปองเลยยิ้มแหย พี่นนกล่าวถูก เพราะก็เคยเจอฤทธิ์นักข่าวมาแล้วเหมือนกัน จนบางคนทำให้เสียเซลฟ์
"นี่พี่เพิ่งไปส่งนุ๊กกลับบ้านได้สักพักหนึ่ง แล้วตีรถกลับมาที่บ้าน"
"ปองอยู่กับบ้านค่ะ ตอนนี้พ่ออาการเริ่มดีขึ้นแล้ว แม่ด้วย เอ้อ พุธหน้า ปองได้ไปถ่ายโฆษณาอีกแล้วค่ะ"
"รับทรัพย์จริงเธอ พี่อยากถ่ายโฆษณามั่งอ่ะ"
"แล้วพี่ปิิ๊กล่ะคะ พี่ปิ๊กไม่หาให้"
ปองหมายถึงผู้จัดการส่วนตัวของพี่เขา
"นั่นสินะ พี่ก็ลืมถาม"
"แหม ต้องถามว่า พี่นนอยากถ่ายโฆษณาไหมคะ"
"อยากสิ ถ้ามีคนจ้าง"
"เดี๋ยวก็มีคนจ้างหรอกค่ะ ตอนนี้พี่นนกำลังมือขึ้นอยู่ ปองเชื่อแน่ว่า พวกเราขายออกกันทั้งนั้น"
กำลังผ่านงานละครเรื่องที่สามแล้ว สำหรับนนกับปองขวัญ ที่ผ่านมาพวกเราทำดีที่สุดและผู้ใหญ่นั้นชื่นชม
ทำให้ฝีมือทางด้านการแสดงพัฒนาไปตามการฝึกฝนและรู้สึกชินกับทุกคน เช่นสปอร์ตไลท์ รีเฟล๊กซ์ เด็กฝึกงาน ช่างกล้อง ตากล้อง หรือแม้แต่พี่ๆคอสตูม
ตอนนี้นนกับปอง นั้นเริ่มแยกจากกันด้วยตัวบทละคร และทางผู้จัดต้องการให้พัฒนาการแสดงและบทบาทรวมทั้งคาแรคเตอร์อื่นบ้าง
จึงจับแยกพวกเรา ให้รับงานเป็นพระเอกนางเอกเดี๋ยว โดยมีนางเอก และพระเอกรุ่นพี่คอยประกบ
ที่พวกเราเก่งได้ เพราะความน่ารัก ของรุ่นพี่ที่สอน เพราะรุ่นพี่ผ่านมาก่อน ย่อมมีประสบการณ์มาก แล้วพวกเราแค่ทำตาม และมันก็ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
งานจึงออกมา แบบราบรื่น ถูกอกถูกใจหลายฝ่าย ที่ทำให้พวกเรามีกำลังใจ มากขึ้น และกล้าที่ จะแสดงออก ในความเป็นตัวเองมากขึ้น
"พีท" เสียงเรียกนั้นพิธานหันตามมา
เขาไม่อยากให้แฟนต้า เรียกเสียงดังเกินไป
ในขณะนี้เขาแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวแบบเสื้อคลุมปิดศีรษะ รวมทั้งใส่แว่นตาสีดำสนิทอำพรางตัวเองต่อสายตาคนทั่วไป
ที่ไม่อยากให้รู้ว่าเป็นนักแสดง นัดเจอกับแฟนสาวที่นี่
อาจารีเหมือนจะรู้ตัวเลยนิ่ง และส่งยิ้มให้แทน
เธอก้าวเข้าไปตามหลังเขา เพราะเขาสั่งอาหารไว้รอแล้ว
เธอรู้ว่าเขาเป็นนักแสดง ถึงได้ทำตัวหลบซ่อนแบบนี้ เข้ามานั่งทานอาหารกัน ก็เลือกในห้องส่วนตัวที่มีกระจกปิดกั้น คนภายนอกมองไม่เห็น
"ศุกร์นี้ พีทมีแข่งรถกับก๊วน จะตามไปเชียร์มั๊ยแถวรังสิต"
อาจารีทำท่าครุ่นคิด และคำตอบคือเธอคงไม่ได้ไปหรอก
"พ่อคงไม่ให้ไปหรอก ไกลขนาดนั้น"
"รังสิตหรือไกล แค่นี้เอง"
ทำให้พีทนึกเถียงใส่แฟนสาวค่อนข้างเสียงดังหน่อย
"ก็บอกว่าไกล ก็ไกลสิ พ่อไม่ให้ไป"
เขาเลยเป็นฝ่ายนิ่ง เมื่อแฟนสาวตอบอย่างนั้น
"แล้วคืนนี้ไปผับกันมั๊ย พีทนัดกับเพื่อนๆไว้ด้วย ร้านเดิมแถว อาซีเอ"
"ก็น่าจะไปได้ แต่ต้าขอชวนเพื่อนๆด้วยนะ ไม่งั้นพ่อไม่ให้ไปแน่"
อาจารีมักจะอ้างคำว่าพ่อ
เขารู้ดีว่า พ่อของเธอดุ ชอบไว้หนวด และหวงลูกสาวเป็นที่หนึ่ง ซึ่งเขาเคยเห็น
ตอนที่ขับรถไปส่งอาจารีถึงหน้าบ้าน
แต่ไม่ได้เข้าไปในบ้าน ก็เห็นพ่อของเธอเดินออกมาเสียก่อน เป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเครายาวเฟิ้ม ส่งสายตาไม่พอใจมายังเขาด้วย
แต่พิธานก็รีบขับรถออกมาอย่างเร็ว นี่เขาเข้าไปจีบลูกสาวของคนที่หวงลูกเหมือนไข่จงอางเสียแล้ว
แต่ก็น่าลอง ล่ะ เขารักของเขาด้วย ว่าที่พ่อตาดุยังกะเสือ แม้แต่ทักหรือเอ่ยสักคำ เขายังไม่กล้าเลย
มิน่าล่ะ อาจารีถึงไม่อยาก ให้เขาไปส่งเธอถึงในบ้าน
แต่เขาห่วงนี่ ไม่อยากให้เธอนั่งรถแท็กซี่มันอันตรายมากกว่า
ทำให้อาจารีชั่งใจ ว่าแบบไหนปลอดภัยกว่า จึงยอมให้เขามาส่ง แต่ก็ต้องเสี่ยงกับคนที่บ้านหน่อยล่ะ
คราวหลัง ถ้าเขามาส่งอีก ก็จะแอบจอดอยู่ข้างรั้วห่างๆ ไม่ให้ คนในบ้านเธอเห็น เพราะเขายัง ไม่อยากปะทะกับหน้าพ่อของเธอที่แสนดุ
"ตกลงมาให้ได้นะ แล้วพีทจะนัดเจอเพื่อนให้มารอที่นั่น"
อาจารีตกลงในที่สุด เธอจะชวนเพื่อนสนิทสาวทั้งสามคนมาด้วย คือ เยลลี่ หมี่หวาน แล้วก็ เครป
เมื่อคุยกันสักพัก จากนั้น หันมาจัดการอาหารตรงหน้าที่พนักงานเสิร์ฟทยอย ใส่ถาดมาวางให้
"ทานเยอะๆนะ วันนี้ต้าเลี้ยงเอง"
อ้าว พีทตกใจที่ แฟนต้าพูดแบบนั้น
"อ้าว ทำไม ต้าพูดแบบนั้น"
"ก็พีทเลี้ยงต้ามาหลายครั้งแล้ว ทีนี้ต้าขอเลี้ยงพีทมั่ง"
"ตังค์เยอะสิ"
"ไม่เยอะหรอก แต่พอมีจ่าย"
เมื่อแฟนสาวพูดแบบนั้น เลยไม่อยากขัดใจ
"เอ้า ก็ได้ แต่แค่ครั้งเดียวนะ ครั้งต่อไป พีทจ่ายเองเหมือนเดิม เพราะต้าเป็นแฟนพีท พีทต้องเทคแคร์ดูแลไงจ้ะ"
ฟังแล้วหวานสุดซึ้งโรแมนติกนัก จนอาจารีเคลิ้มตัวแทบจะลอย
เมื่อถ่ายละครเรื่องที่สองจบแล้ว เหมือนแพร หรือแพรนั้นได้มีโอกาสบินไปเยี่ยมพี่สาว
ที่เรียนอยู่ในมหาลัยของฮ่องกง
พร้อมด้วยคุณพ่อคุณแม่ ไปกันทั้งเซ็ทครอบครัวและมีน้องชายด้วย
เหมือนแพรมีพื้นเพอยู่ทางภาคเหนือ ป็าและม๊าของเธอนั้น มีญาติอยู่ที่ฮ่องกง ชวนทำธุรกิจส่งออกลำไยอบแห้งมานานกว่ายี่สิบปี
กิจการก้าวหน้าอย่างมาก แม้ว่าเหมือนแพรไม่ทำงาน เธอก็มีเงินใช้จากครอบครัว แต่ว่าเธอก็ชอบที่จะหาเงินด้วยตัวเองมากกว่า