ถึงจะยังรู้สึกโกรธที่เธอเกือบจะบอกเบอร์โทรฯ ของตัวเองให้ใครอื่นได้รับรู้ทั้งๆ ที่มีผมเป็นแฟนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากที่จะควบคุมพฤติกรรมของเด็กดื้อคนนี้ให้อยู่ในโอวาทของตัวเองอยู่ดี
"เฮ้อ..." เสียงของคีตะที่ยังคงถูกผมว่าจ้างให้มาเป็นคนขับรถให้ ดังขึ้นให้ยินอยู่เป็นระยะ ก็รู้อยู่หรอกว่ามันเองก็หนักใจแต่ผมก็ไม่อยากที่จะเรียกใช้คนที่บ้านของป๊านี่นา...
ขืนเรียกใช้คนของป๊ามีหวังผมได้โดนป๊ากดดันให้รีบไปเจอป๊ากันพอดี... ผมยังไม่พร้อมสำหรับการที่จะให้เธอรับรู้ถึงอายุจริงๆ ของผมหรอกนะ
ไม่อยากจะพูดเลยว่ากว่าที่จะได้รูปหน้าวัยเยาว์ขนาดนี้ล่อเอาซะเงินในบัญชีกูร่อยหรอกันไปเลยทีเดียวเชียว...
"ฉันถือกระเป๋าให้" ผมแกล้งว่าทำเสียงเข้มๆ ใส่ใครบางคนที่ยืนหน้าเจื่อนๆ ที่ยืนอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน แล้วดูแขนเล็กๆ น่าทะนุถนอมที่กำลังหยิบยื่นกระเป๋านักเรียนมาให้ผมสิ
แฟนผมน่ารักที่สุดในโลกเลย~
"นายทานอะไรมาหรือยัง" ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรเธอก็ใช้มือเล็กๆ นั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าของผมและยื่นกล่องใสๆ ที่มีแท่งแป้งอะไรยาวๆ ก็ไม่รู้อยู่ข้างในมาให้ผม
"เขาเรียกว่าเคบับ" เธอไขข้อข้องใจให้คนที่กำลังทำหน้าเหมือนหมาสงสัยใด้กระจ่าง
"เคบับไก่ ฝีมือฉันเอง"
"ขอบคุณครับ"
"ฉันขอโทษนะ" ผมที่กำลังจะงับเจ้าเคบับไก่เข้าปากชะงักไปนิดนึง ก่อนเลือกวางมันลงไปในกล่องตามเดิมและหันมาฟังในสิ่งที่เธอกำลังพูดอย่างตั้งใจ
"ฉันผิดไปแล้ว... เรื่องนั้นที่ฉันเกือบจะให้เบอร์โทรผู้ชายคนนั้นไป ฉันมาคิดดูแล้ว...ถ้าหากเธอทำแบบที่ฉันทำกับเธอบ้าง ฉันก็คง...ฉันก็คงจะเสียใจ ฉันขอโทษนะ"
ได้ยินแบบนั้นไอ้แก่แบบไอ้อั๋นก็ถึงกับน้ำหูน้ำตาไหล ไหนใครบอกว่าแฟนของผมเธอนิสัยไม่ดี ผมไม่เห็นจะเชื่อเลยสักนิด...
"ฉันก็ต้องขอโทษ...ขอโทษที่ใช้ความรุนแรงต่อหน้าเธอ เธอคงจะตกใจมากเลยใช่ไหม" ใครที่มีแฟนอายุมากกว่าอยากจะให้ดูไอ้อั๋นไว้นะครับ คนแก่ๆ มันง้อง่ายตาย... แค่คำขอโทษที่เรียบง่ายไอ้แก่อย่างเราๆ ก็หายโกรธแล้วครับ
"เธอ...เธอจะไม่บอกเลิกฉัน...ใช่ไหม" ผมเลื่อนผ้าเช็ดหน้าที่กำลังจะเช็ดน้ำตาตัวเองไปซับน้ำตาให้กับยัยเด็กดื้อของตัวเองแทน เธอคงจะรู้สึกผิดจริงๆ นั่นแหละครับ ส่วนผมก็...หายโกรธเธอแล้วจริงๆ ครับแต่ก็ยังยืนยันว่าจะตามควบคุมเธอแบบไม่ให้คลาดสายตาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เหมือนเดิม
อกหักตอนอายุสามสิบสองไม่ใช่เรื่องตลกเด้อพี่น้อง ระวังได้ก็ระวังไว้ก่อน...
"รักมากขนาดนี้แล้วจะบอกเลิกได้ยังไง ฉันรักเธอนะ" ผมสวมกอดร่างเล็กนั้นเข้ามาหาตัว ก่อนจะได้ทีกดหอมลงบนหน้าผากนุ่มใสนั้นไปหนึ่งครั้ง
"แค่กๆ"
"แค่กพ่อ แค่กแม่มึงสิไอ้บิลลี่ แล้วก็ช่วยเร่งความเร็วขึ้นด้วยครับกูจะไปโรงเรียนนะ นี่มันเจ็ดโมงยี่สิบแล้วไอ้ห่า!" ผมด่ากราดไอ้คีตะที่มีนามแฝงว่าบิลลี่อย่างรู้สึกหมั่นไส้ที่มันจงใจไอออกมาเพื่อขัดขวางไม่ให้ผมได้หอมแฟนเป็นครั้งที่สอง
รอให้เธอได้เข้ามหาลัยก่อนเถอะ แม้แต่ลุงอย่างไอ้แดนก็ห้ามไอ้อั๋นไม่ได้หรอกนะคอยดู!
"หยาบ" เธอพูดเพียงสั้นๆ ก่อนผมจะเห็นว่าเธอกำลังยื่นมือไปแตะไหล่ไอ้คีตะ ซึ่งแน่นอนว่ามันที่รู้จักมักคุ้นกับแฟนผมเป็นอย่างดีก็ถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะกลัวว่าเธอนั้นจะจับได้
"หนูขอโทษแทนเขาด้วยนะคะพี่บิลลี่ และขอบคุณที่อุตส่าห์ขับรถรับมาส่งหนูที่โรงเรียน"
"ทำไมต้องยิ้มให้มันด้วย" ทันที่ที่จบประโยคนี้ของผม รถก็ถูกจอดอยู่หน้าประตูรั้วโรงเรียนพอดิบพอดี ผมจึงทำได้แค่หันไปชี้หน้าไอ้คีตะอย่างไว้โทษมันแทน
"วันนี้ฉันมีเรียนตอนเย็นนะ เธอไม่ต้องรอกลับพร้อมฉันหรอก...กลับไปก่อนได้เลย" ผมมองไปยังลูกตาคู่สีดำที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะโกรธเธอขึ้นมาอีกครั้งเพราะเธอกำลังคิดที่จะโกหกผมอีกแล้ว!
ฟึ่บ!
"ทำไมต้องโกหก" ผมดึงกระดาษเอสี่ที่มีตารางเรียนของเธออยู่ในนั้นด้วยหัวใจที่เริ่มสั่นไหว ตารางเรียนนี้ผมเป็นคนไปเค้นมาจากอาจารย์ประจำชั้นของเธอที่เป็นเพื่อนกับผมมาเองกับมือ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าไม่มีทางที่มันจะผิดพลาดได้เลย...
"ฉัน..."
"อย่าโกหกฉันเสน่ห์ เพราะฉันรู้จักเธอดีมากพอๆ กันกับที่แม่ของเธอรู้จักลูกสาวของตัวเอง"
ทำไมวะ...เรื่องทุกอย่างมันกำลังจะจบลงที่เราต่างก็ขอโทษกันออกมาและเดินไปด้วยกันต่อไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเธอถึงจะต้องมาคิดมาทำอะไรให้เรื่องทุกอย่างมันเลวร้ายมากไปกว่าเดิมด้วยวะ
ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด...
"อย่าพูดขอโทษ เธอพึ่งจะพูดมันกับฉันไปนะ... การขอโทษมันคือเรื่องที่ดีแต่การที่เธอจะมาใช้คำนี้กับฉันหรือใครๆ บ่อยๆ คำขอโทษของเธอมันก็กลายเป็นเพียงแค่ลมพัดผ่านที่หาความเชื่อถือจากมันไม่ได้" ผมยกมือขึ้นอุดปากเล็กๆ ของเธอที่กำลังจะพูดขอโทษและเลือกที่จะพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายมากไปกว่านี้...
คนน้องก็แสบใช่ย่อย คนพี่ก็ขี้หึงเกิน แล้วจะไปต่อกันได้อีกไหมละแบบนี้...