หื่นใหญ่ Vs หื่นน้อย (100%)

2861 คำ
“ถ้าอยากงัดหนอนน้อยออกมาโชว์ ก็ไปร่วมเล่นในรายการสารคดีสัตว์โลกโน่น” ในเมื่อเธอเบี่ยงประเด็นหนีจากการสนทนาอันน่ากระดากอายแล้ว แต่เขาดันไม่เล่นด้วย แถมยังพยายามดึงเข้าสู่ความห่ามหื่นไม่เลิกแบบนี้ แล้วเรื่องอะไรเธอจะต้องไปสงบปากสงบคำไม่ทราบ   “หนอนน้อยที่ไหน…นี่มันโคตรพญามังกรชัดๆ” บัลลังก์เมฆว่าพลางจงใจแอ่นสัดส่วนอลังการที่อยู่ในเป้ากางเกงเข้าสีต้นขาเรียวเสลาเบาๆ ทว่ายั่วเย้าในที   กลิ่นสาปสาวที่ลอยมาปะทะจมูกเมื่อกี้กำลังทำให้เขาตื่นตัวจนน่าประหลาด แล้วพ่อเจ้าประคุณก็ตามติดอย่างดึงดันทั้งที่เธอนั้นพยายามเคลื่อนตัวออกห่าง   นรก! เขาเสือกมีอารมณ์กับยัยเด็กกะโปโลตัวกระเปี๊ยกเท่าลูกหมาที่เหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิงนี่เหรอวะ ฉิบหาย! วิปริตสิ้นคิดโคตรๆ   ไม่! ไม่มีทาง!  ที่สุดบัลลังก์เมฆก็เหมือนจะหยุดความคิดหื่นๆ ในหัวลงได้ ทว่าอวัยวะที่สมองมิอาจควบคุมได้ยังทำท่าเกเร และพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่สาวน้อยทุกขณะจิต จนเธอสัมผัสได้ “อี๋…” “ทำหน้าแบบนี้อยากลอง ‘ขี่’ พญามังกรเหรอจ๊ะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้ามันได้ ‘ขึ้น’ แล้วหาทางลงยากมาก” วาจาสองแง่สามง่ามทำให้คนฟังหน้าร้อนวาบ ผู้ชายคนนี้เหลือรับจริงๆ   “ในหัวคิดแต่เรื่องอุบาทว์หรือไง ตาแก่จอมลามกเอ๊ย!”   “คำก็แก่สองคำก็แก่ เดี๋ยวคนแก่ก็จับปล้ำทำเมียซะเลยนี่” คนที่ถูกตะโกนใส่ปาวๆ ว่าแก่ชักจะเลือดขึ้นหน้า แบบว่ารับไม่ได้อย่างแรง ใครว่าเขาแก่กันล่ะ เขาก็แค่อายุมากกว่าเธอเท่านั้นเอง   “ถ้าได้กับคุณฉันขอกลั้นใจตายเสียยังดีกว่า” เธอเชิดหน้าเบ้ปากใส่อย่างนึกรังเกียจคนกักขฬะ  “ผู้หญิงทุกคนที่มีเซ็กส์กับฉันเวลาเอากันไม่เห็นมีใครอยากจะกลั้นใจตายซักคน มีแต่ดิ้นพล่านและร้องครวญครางว่าเมฆขาเอาอีก…เอาอีก ซึ่งเธอเองก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นนักหรอก เผลอๆ เธออาจจะร้องให้ฉันเอาทั้งคืนก็ได้ เพราะเธอน่ะมันหื่นหลบใน รู้เอาไว้ซะด้วยแม่เด็กไวไฟ”   คนโอหังเอ่ยอย่างมาดมั่นจนน่าหมั่นไส้ แถมยังใจกล้าหน้าด้านทำเสียงซี้ดซ้าดประกอบสีหน้าหื่นกามเข้าขั้น และวาจาโจ๋งครึ่มนั้นก็ทำให้เธอตวาดแว้ด  “ตาเฒ่าจอมวิตถาร! หลงตัวเองเอ๊ย!”   “อวดดีแบบนี้อยากโดนตบด้วยปากกระชากด้วยลิ้นเหรอจ๊ะ” พ่อหนุ่มมาดดิบจงใจยื่นใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังมากระซิบขู่ชิดพวงแก้มสุกปลั่ง  “ก็ลองดูสิ แม่จะกัดให้ลิ้นขาด” สาวน้อยผงะถอยห่าง พร้อมส่งเสียงแข็งๆ ขู่ฟ่อ “ถ้าลิ้นฉันได้เข้าไปในปากเธอ อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้กัดมัน ถ้าดูดล่ะก็ไม่แน่” พ่อเจ้าประคุณเอ่ยอย่างยโสจนน่าหมั่นไส้ ทำเอาสาวน้อยฮึดฮัดหน้าแดงก่ำ   “ตาเฒ่าบ้า! ตอนเด็กๆ แม่เอาซีดีหนังโป๊ยัดปากแทนข้าวหรือไงยะถึงได้ลามกนัก” เสียงใสๆ ที่แว้ดใส่เรียกรอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเครารุงรัง อีกทั้งนึกมันเขี้ยว เด็กอะไรแก่แดดแก่ลมยืนเถียงผู้ใหญ่ฉอดๆ แต่ก็ยังดีอยู่ที่ยัยลิงน้อยรู้จักใช้คำว่า ‘ยะ’ เพราะมันน่าฟังกว่าคำว่า ‘วะ’ เป็นไหนๆ อย่างน้อยก็มีวิญญาณผู้หญิงมาสิงร่างของเธอชั่วขณะ…เป็นระยะก็ยังดี “รู้ดีขนาดนี้เคยดูหนังโป๊ล่ะสิท่า มิน่าถึงได้แอบมาดูฉันเอากับคู่ขาอยู่บ่อยๆ” เขาเอ่ยหน้าตาย วาจาหน้าไม่อายทำให้สาวน้อยนึกอยากจะพ่นไฟใส่ไอ้คนหื่นเข้าไส้ยิ่งนัก   “คนบ้า! อย่ามาใส่ความกันนะ” เธอตะโกนลั่นพลางทำตัวพองอย่างโกรธจัด แม้มันจะเป็นความจริงก็เถอะ  ฮึ่ม! นี่คนขวานผ่าซากจะยั่วโมโหเธอไปถึงไหน จะเอาให้สติแตกเป็นบ้าตายไปเลยหรือไง   “ดูก็ยอมรับมาเถอะน่า ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอก แต่ ‘ช่วยตัวเอง’ มันไม่ดีนะ หาผัวสิอีหนู ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าทำสองคนฟินกว่ากันเยอะ” ครั้นเห็นเธอกำหมัดตัวสั่นเทิ้มเขาก็ได้ใจ ลอยหน้ากวนประสาทยกใหญ่   “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่มีปัญญาหาผัวล่ะสิ” คำสบประมาทรุนแรงทำให้คนฟังเลือดขึ้นหน้า “หยาบคาย! ผู้หญิงยุคใหม่น่ะสตรอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชายหรอกย่ะ” บุปผาสวรรค์เชิดหน้าสวนกลับเสียงขุ่น ส่วนในใจก็ได้แต่พยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ   “อ๋อ…ชอบ ‘ช่วยตัวเอง’ ว่างั้น” วาจาที่อีกฝ่ายพ่นออกมาทำให้สาวแสบสติแตกอย่างฉับพลัน  “ตายซะเถอะ! ไอ้คนลามก!” ขาดคำเธอก็ตั้งท่าจะประทุษร้ายจอมหื่นให้สูญพันธุ์ ทว่ากลับต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงดุกระด้างคำรามข่มขู่ “อ๊ะๆ อย่าแม้แต่จะคิดนะนังหนู ไม่งั้นฉันยัดเยียดความเป็นผัวให้เธอแน่” “คุณมันคนเถื่อน! ลามก! โรคจิต! วิปริต! วิตถาร!”  “แล้วก็หื่นมาก แบบ ก.ไก่ ล้านตัวด้วย” พ่อหนุ่มพันธ์ดิบยังมีหน้ามาต่อให้อย่างหน้าไม่อาย “ฮึ่ย…ฝากไว้ก่อนเถอะ!”   ยัยตัวร้ายทิ้งท้ายด้วยการตะโกนลั่น ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด แล้ววิ่งจากไป ทิ้งให้บัลลังก์เมฆแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะอยู่คนเดียว ถึงแม้ไร่ของทั้งคู่จะเป็นศัตรูกัน และถึงแม้เขาจะนึกชังน้ำหน้าพ่อของเธอจนอยากจะฆ่าให้ตายกันไปข้าง แต่เขาก็อดที่จะเอ็นดูยัยลิงทโมนตัวแสบอย่างเธอไม่ได้เลยจริงๆ ให้ตายสิ! ไร่หวานใจอยู่ติดกับไร่แดนสรวง ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของพ่อเลี้ยงบัญชา นฤบดินทร์ พ่อหม้ายเมียตายวัยห้าสิบเก้าปี ไร่หวานใจทำกิจการเดียวกันกับไร่แดนสรวง ซึ่งหลักๆ คือการทำฟาร์มม้า โดยมีการเพาะพันธุ์ม้าขาย และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในรูปแบบของรีสอร์ต มีความงดงามของธรรมชาติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพียงแต่ไร่แดนสรวงนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่า   พื้นที่ของไร่หวานใจจะถูกจัดสรรไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มม้าขนาดกลาง ถัดมาเป็นแปลงข้าวโพดสำหรับขายเข้าโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์ จุดขายจะอยู่ที่ความงดงามของทุ่งดอกทานตะวันขนาดใหญ่ตรงบริเวณกลางไร่อยู่ในส่วนของรีสอร์ต ซึ่งมีลักษณะคล้ายเนินเขาหน่อยๆ เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบนักแล ห่างออกมาประมาณสามกิโลเมตรก็จะเป็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ของเจ้าของไร่ ส่วนบ้านพักคนงานจะอยู่ท้ายไร่ห่างจากโซนอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาดังข้างต้น เพื่อไม่ให้คนงานพลุกพล่านเป็นการรบกวนแขก   ไร่แดนสรวงกับไร่หวานใจเป็นทั้งศัตรูและคู่แข่งตัวฉกาจที่ไม่มีวันญาติดีต่อกัน เพราะมีความบาดหมางฝังลึกมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ  “ย่าจ๋า”   เสียงใสๆ ส่งมาก่อนตัว วินาทีถัดมาแม่สาวน้อยก็คลานเข่าเข้ามานั่งพับเพียบเรียบร้อยต่อหน้าผู้เป็นย่า นางสอางค์ นฤบดินทร์ หญิงชราผมสีดอกเลา แต่ยังคงเค้าความสง่า วัยแปดสิบสองปี พร้อมส่งยิ้มหวานหยดประจบ ทำเอาอีกฝ่ายค้อนปะหลับปะเหลือกเพราะรู้ว่าแม่หลานสาวตัวแสบกำลังทำเป็นลิงหลอกเจ้า ส่วนผู้เป็นพ่ออย่างนายบัญชาที่นั่งเยื้องออกไปก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ   เขารึอุตส่าห์เลี้ยงดูฟูมฟักไม่ต่างจากไข่ในหินตั้งแต่ยังแบเบาะ เพื่อชดเชยที่เธอไม่มีแม่ พอๆ กับคนเป็นย่าที่เฝ้าถนอมกล่อมเกลี้ยงและอบรมบ่มนิสัยให้หลานสาวเรียบร้อยเป็นกุลสตรีไทย แต่พอโตขึ้นไม่รู้ว่าบุปผาสวรรค์ไปได้นิสัยแก่นแก้วและซุกซนมาจากไหน ทำเอาปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน “ไปแอบทำซนอะไรมาอีกล่ะเรา ถึงได้หน้าแดงเหงื่อโชกมาเชียว” นายบัญชาเอ่ยถามบุตรสาวอย่างยิ้มๆ “หนูดีเปล่าซนซะหน่อย” ดาวร้ายประจำบ้านปฏิเสธหน้าซื่อตาใส “ไม่ซนแต่แสบและซ่าเหลือใจใช่ไหมล่ะ” วาจาที่หลุดออกมาจากปากผู้เป็นบิดา ทำให้แม่สาวน้อยจอมแก่มย่นจมูกด้วยความไม่ชอบใจ   “คุณป๋าก็พูดเกินไป หนูดีออกจะน่ารักและเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม ไม่งั้นย่าจะส่งไปประกวดกุลสตรีมารยาทงามเหรอจ๊ะ” แม่กุลสตรีผู้เพียบพร้อมเอ่ยค้านทันควัน   “ขนาดนั้นเชียว” ผู้เป็นพ่อเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้ากลั้นยิ้ม   “หูยยยย…สุดยอดกว่านั้นอีก ยิ่งตอนเพลงขึ้นมาว่า…โฉมเอยโฉมงามอร่ามแท้แลตะลึง คนทั้งงานมองหนูดีจนตาค้างแน่ะ” แม่ตัวยุ่งกอดอกเชิดหน้าโอ่ยกใหญ่   “โฉมเอยโฉมงามอร่ามแท้แล ‘สะพรึง’ หรือเปล่าลูก” พ่อเลี้ยงบัญชาเอ่ยสัพยอกยัยตัวแสบอย่างยิ้มๆ ก่อนที่แม่สาวน้อยจะทำปากยื่นใส่อย่างแง่งอน   “หนูดีโป้งคุณป๋าแล้ว ชิ…แลสะพรึงที่ไหนกันล่ะ หนูดีออกจะสวยและเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม แถมยังมารยาทงามอีกด้วย…เนอะย่าเนอะ” ในตอนท้ายตัวร้ายหันไปหาพรรคพวก “ย่ะแม่คุณ กุลสตรีมารยาทงามที่เกือบตกเวทีเพราะเดินเป็นม้าดีดกะโหลก จนฉันแทบจะเอาปี๊บคลุมหัวกลับบ้าน” วาจาที่หลุดออกมาจากปากนางสอางค์ทำให้พ่อของเธอถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่   “ย่าน่ะ…” สาวน้อยค้อนจนตาคว่ำ  “ฉันพูดความจริงย่ะ ไม่ต้องมาทำหน้างอเลยแม่ม้าดีดกะโหลก นี่หัดทำตัวเรียบร้อยน่ารักแบบพี่เขาบ้าง” คนแก่เอ่ยเป็นเชิงสั่งสอนในตอนท้าย พลางบุ้ยปากไปยังคนที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่ข้างๆ  อ้อนรัก นฤบดินทร์ สาวน้อยวัยยี่สิบปี ลูกสาวของแม่บ้านคนเก่าคนแก่ ที่เสียชีวิตไปเพราะปกป้องไร่เมื่อสิบปีก่อน ด้วยความเวทนาเด็กตัวน้อยๆ ที่ไร้ที่พึ่งพิงเพราะมีญาตคนเดียวบนโลกใบนี้นั่นก็คือแม่ แต่อีกฝ่ายก็มาด่วนจากไป นางจึงรับมาเลี้ยงดูเป็นหลานสาวอีกคน โดยให้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของนาง ให้ทุกอย่างเท่าที่ย่าคนหนึ่งจะให้หลานได้ แถมนางยังรักและเอ็นดูไม่ต่างจากหลานสาวแท้ๆ อย่างบุปผาสวรรค์เลยสักนิด   “เรียบร้อยแบบพี่อ้อนน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก มันไม่หนุก มันไม่เฟี้ยว และไม่เซี้ยวถึงใจ ผู้หญิงสมัยนี้มันต้องสตรอง” วาจาที่หลุดออกมาจากปากยัยตัวแสบทำให้ผู้เป็นพี่สาวถึงกับอมยิ้ม “สตรองตรงไหนยะ ย่าเห็นเราเล่นซนเป็นลิงทโมนเสียมากกว่า”   “ถ้าอยากให้หนูดีหายซนเป็นลิง ย่าก็บอกให้คุณป๋าเปิดอู่ซ่อมให้หนูดีสิจ๊ะ นะ…นะ…ย่าจ๋า” ได้ทีคนที่จบปวช. มาทางช่างยนต์ก็ออดอ้อนยกใหญ่ พร้อมทำตาปริบๆ “ไม่ล่ะย่ะ ฉันกลัวจะปวดกะบาลหนักกว่าเดิม ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยน่ะดีแล้ว”  “ย่าน่ะ ทำไมต้องเข้าข้างคุณป๋าด้วย” สาวน้อยพ้อหน้างอ   “ย่าไม่ได้เข้าข้างป๋าหรอกลูก แต่ย่าอยากให้หนูมีอนาคตที่ดี คนที่มีความรู้ติดตัวมากๆ ไม่มีทางอดตายรู้ไหมหือหนูดี” คราวนี้ผู้เป็นพ่อก็เริ่มสั่งสอนลูกสาวอย่างใจเย็น “หนูดีไปเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ แต่คุณป๋าต้องสัญญานะว่า ถ้าหนูดีเรียนจบแล้วคุณป๋าจะเปิดอู่ซ่อมให้หนูดี เพราะหนูดีจะเรียนคณะวิศวกรรมยานยนต์”   “พี่ว่าหนูดีไปเรียนคหกรรมกับพี่ดีกว่าไหม มีของกินอร่อยๆ เพียบเลยนะ” เจ้าของใบหน้าสวยหวาน กิริยามารยาทงดงามเรียบร้อยประหนึ่งนางในวรรณคดีไทย เอ่ยตะล่อมน้องสาวตัวแสบด้วยน้ำเสียงหวานละมุนจับใจตามสไตล์สาวหวานผู้เรียบร้อยน่ารัก “ตัวไม่ต้องเอาของกินมาล่อเค้าเลย ถึงเค้าจะเห็นแก่กิน เค้าก็ไม่ไปเรียนอะไรที่โคตรหญิงเหมือนตัวเด็ดขาด เชิญพี่อ้อนเรียนไปคนเดียวเถอะ เค้าไม่ชอบทำอาหาร เค้าชอบกินอย่างเดียว” สาวน้อยทำท่าฮึดฮัดเมื่อเจอสามรุมหนึ่ง   “โอเคลูก ขอให้หนูเรียนมหาวิทยาลัยให้จบ หลังจากนั้นป๋าจะตามใจทุกอย่าง”  “พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ไม่งั้นหนูดีจะหนีไปอยู่กับอาเซตที่ฝรั่งเศสและไม่กลับมาที่นี่อีกเลย” ถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากจิ้มลิ้ม ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดีว่า บุปผาสวรรค์ไม่ได้ขู่แต่อย่างใด เพราะเธอเคยทำมันมาแล้ว อาเซต…ที่ถูกแม่ตัวดียกขึ้นมาขู่ คือเซซาเร รุกฆาต โอลิวิเยร์ บุตรชายของลูกสาวคนกลางของนางสอางค์ อย่างบุญรักษากับลูกเขยอภิมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส  จริงๆ แล้วเซซาเรมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบุปผาสวรรค์ ซึ่งเธอสมควรจะเรียกเขาว่าพี่ แต่ด้วยความที่อายุห่างกันหลายปีมากผู้เป็นย่าก็เลยให้เรียกเซซาเรว่าอา ตามศักดิ์ของแม่เซซาเร “จ้ะ…จ้ะ…ยัยหนูอย่าขู่ป๋านักเลย ป๋ากลัวจนขนลุกขนชันไปหมดแล้วเนี่ย”   “คุณป๋าน่ะ” ท่าทางล้อเลียนที่ผู้เป็นบิดาแสดงออกทำให้ตัวร้ายประจำบ้านค้อนน้อยๆ  “เออ…ย่าได้ยินมาว่าเราแอบไปเล่นที่ไร่ข้างๆ บ่อยๆ ใช่ไหม”  “ใครมันมาฟ้องย่า หนูดีจะไปซัดให้มันปากแตกเดี๋ยวนี้แหละ” ตัวร้ายเอ่ยถามพลางทำท่าขึงขังเอาเรื่อง  “ใครฟ้องไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่าย่าขอสั่งห้ามไม่ให้หนูดีไปเหยียบที่ไร่นั้นอีก คนที่ไร่นั้นไม่ใช่คนดีอย่างที่เราคิดหรอกนะ มันอันตรายห้ามไปอีกเด็ดขาด”  “แต่หนูดีอยากไปเล่นน้ำตกที่ไร่นั้นนี่นา” คนถูกขัดใจทำหน้าง้ำ “เล่นที่ไร่เราสิลูก น้ำตกที่ไร่ของเราก็มี”  “ก็น้ำตกที่ไร่ของเราหนูดีเล่นจนเบื่อแล้ว แถมที่ไร่นั้นยังมีอะไรให้ดู…อุ๊บ!” ยัยตัวยุ่งหลุดคำไป ครั้นนึกได้ก็ทำตาโตพร้อมยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง   “พูดแบบนี้แสดงว่าไปแอบทำซุกซนที่ไร่นั้นมาใช่ไหม สารภาพมาซะดีๆ ว่าไปทำอะไรไว้ ก่อนที่จะถูกป๋ากักบริเวณ” คนที่รู้เท่าทันนิสัยบุตรสาวเอ่ยคาดคั้นเสียงแข็ง ทำเอายัยจอมแก่นตัวเกร็ง แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมรับออกมาตรงๆ ล่ะ บุปผาสวรรค์ซะอย่างหาทางแถเอาตัวรอดได้สบายบรื๋ออยู่แล้ว  “หนูดีไม่ได้แอบไปทำอะไรมาซักหน่อย คุณป๋ามองลูกสาวคนสวยในแง่ดีบ้างได้ไหมคะเนี่ย” คนที่มีชนักติดหลังรีบออกตัวกลบเกลื่อนความผิด   “ก็เรามันน่ามองในแง่ดีตายล่ะ” นางสอางค์โพล่งขึ้น ซึ่งพ่อของเธอก็แสนจะเห็นด้วย  “ใช่ หากไม่ได้แอบไปทำอะไรมา ทำไมถึงอยากไปเล่นที่ไร่นั้น ทำไมไม่เชื่อฟังคำสั่งของย่ากับป๋า ทั้งที่น้ำตกที่ไร่ของเราก็มีให้เล่นอยู่แล้ว”   “ตอนเด็กๆ คุณป๋าไม่เคยเป็นหรือไง ที่มีอะไรที่บ้านตัวเองก็จะไม่อยากเล่น อยากจะไปเล่นอะไรใหม่ๆ ที่บ้านคนอื่นมากกว่า ขนาดเพื่อนหนูดียังเป็นเลย ที่บ้านมันนะขายของชำ แต่มันดันไปซื้อขนมที่ร้านฝั่งตรงข้ามทั้งที่ที่ร้านของมันก็มีเหมือนกัน มันบอกว่าถ้าได้กินของที่ไม่ใช่ในร้านของตัวเองมันจะรู้สึกมีความสุขมาก” “เรานี่นะ มันแสบเหลือใจ จะบอกจะสอนอะไรก็ไม่เคยฟัง แต่อย่าให้ป๋าจับได้ก็แล้วกัน ไม่งั้นโดนกักบริเวณแน่” นายบัญชาเอ่ยเป็นเชิงขู่แต่คนฟังกลับลอยหน้าทำตาวาววับ  “ว้าว! แสดงว่าคุณป๋าอนุญาตให้แอบไปเล่นที่ไร่ข้างๆ ได้ตราบใดที่คุณป๋ายังจับไม่ได้ช่ายมะ งั้นหนูดีจะพยายามทำให้คุณป๋าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็แล้วกัน โอเคนะคะ…ไปล่ะ”   ตัวร้ายเอ่ยอย่างทะเล้น ตบท้ายด้วยการสรุปเองเสร็จสรรพ ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้ววิ่งหน้าตั้งลงเรือนไป ทิ้งให้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่เบื้องหลังต่างส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจไปตามๆ กัน พร้อมกันนั้นก็ได้แต่ภาวนาว่าอีกไม่นานบุปผาสวรรค์จะโตสมวัยเสียที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม