มณีริน ศิริสุวรรณ นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง หญิงสาวเป็นเด็กจากต่างจังหวัด ที่พยายามถีบตัวเข้ามาเรียนในเมืองหลวง เพื่อที่อนาคตข้างหน้าจะได้ทำงานที่ดี และสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่าลงทุกวันได้
หญิงสาวเดินหอบหนังสือตรงไปยังคณะของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อมีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น พร้อมกับรถยนต์สีแดงสดราคาแพงระยับพุ่งเข้ามาหา หล่อนกรีดร้อง แต่ก่อนที่จะถูกรถชน ก็มีใครบางคนเอื้อมมือมากระชากแขนเอาไว้ ทำให้หล่อนรอดตายมาอย่างหวุดหวิด
ร่างของหล่อนล้มทับลงไปบนอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งราวกับแผ่นกระดาน หล่อนหลับตาปี๋ ความหวาดกลัวทำให้หล่อนร้องไห้ออกมา นานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ จนกระทั่งเสียงแหลมสูงปี๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นนั่นแหละ หล่อนถึงได้สติ
อ้อมแขนของผู้ชายคนที่หล่อนล้มลงไปทับเขาทั้งตัวค่อยๆ คลายออก ใบหน้าของหล่อนอยู่ห่างจากใบหน้าผู้มีพระคุณแค่คืบเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าหล่อนตกอยู่ในมนต์สะกด เมื่อสบประสานสายตากับดวงตาคมกริบคู่นั้น
ทำไม... หล่อนรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบนี้นะ...
เขาเป็นใคร ทำไม... ถึงได้หล่อราวกับเทพบุตรชั้นฟ้าแบบนี้
หล่อนมัวแต่อ้าปากค้างตกตะลึง จนเขาต้องกระแอมเตือนออกมา
“จะลงไปจากตัวพี่ได้หรือยังครับ”
“เอ่อ...”
หล่อนได้สติรีบพลิกตัวลงทันที และก็รีบลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากตัว
“ริน... ขอบคุณมากค่ะ”
เขาระบายยิ้มเล็กน้อย ลักยิ้มที่สองมุมปากยิ่งทำให้เขาหล่อเหลาจนน่าประหลาดใจ หัวใจของหล่อนเต้นแรงมาก จนแทบจะทะลุออกมาจากอก
“พี่... ชื่ออะไรเหรอคะ”
“มังกร”
รุ่นพี่ที่หล่อนรู้เพียงแค่ว่าชื่อมังกร เดินจากไปในที่สุด หล่อนยืนมองเขาไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับไปหาผู้หญิงที่ยืนท้าวสะเอวรออยู่
“เดินข้ามถนนไม่มองรถเลยหรือไงยะ”
“รินขอโทษค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้ หล่อนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เป็นรุ่นพี่ปีสามที่เป็นคนอัญเชิญพระเกี้ยวเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
“ขอโทษแล้วมันหายไหม นี่ถ้าฉันเบรกไม่ทัน ฉันก็คงกลายเป็นฆาตกรไปแล้ว”
“ริน... ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
หล่อนยกมือขึ้นไหว้อย่างสำนึกผิด
“โง่ๆ เซ่อๆ แบบนี้ คงมาจากต่างจังหวัดสินะ ใช่หรือเปล่า”
“รินมาจาก... น่านน่ะค่ะ”
“หึ นึกแล้วเชียว พวกบ้านนอก”
ผู้หญิงที่มีหน้าตาราวกับนางฟ้า แต่ปากคอกลับร้ายกาจราวกับแม่มด
“ริน... ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้รุ่นพี่เสียเวลา”
“อย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นพี่ ฉันไม่มีรุ่นน้องโง่ๆ กระจอกๆ อย่างเธอหรอก”
แล้วผู้หญิงที่หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็สะบัดหน้าใส่ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ พร้อมกับขับจากไปอย่างรวดเร็ว หล่อนทำได้แค่ยืนมอง และสมเพชตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ริน”
มณีรินรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่คราบน้ำตา ก่อนจะหันไปหาอันดา เพื่อนเพียงคนเดียวที่ยอมคบหากับเด็กต่างจังหวัดอย่างหล่อน
“มีเรื่องนิดหน่อยนะอันดา”
“กับพี่รุ้งเหรอ”
“รุ้ง?”
“ก็พี่คนสวยๆ เมื่อกี้นี่ไงล่ะ พี่รุ้งลาวัล ดาวเด่นของมอเราเลยนะ”
คำพูดของอันดาทำให้หล่อนยิ้มเจือนๆ ออกมา
“ฉันเผลอไปข้ามถนนตัดหน้ารถพี่เขานะ แต่ฉันก็ขอโทษไปแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
“คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน พี่เขาค่อนข้างแรงน่ะ”
มณีรินยิ้มเศร้าๆ ให้กับเพื่อนสนิท ก่อนจะพากันเดินตรงไปยังคณะของตนเอง ระหว่างก็อดที่จะถามถึงใครอีกคนไม่ได้
“อันดา ฉันมีเรื่องจะถามน่ะ”
“ว่ามาสิ”
“คือ... ตอนที่ฉันจะถูกรถชนน่ะ มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยเอาไว้ แล้วฉันก็รู้แค่ว่าเขาชื่อมังกร...”
แค่หล่อนพูดชื่อมังกรออกไป อันดาเพื่อนซี้ก็ทำตาโตเท่าไข่ห่านเลยทีเดียว
“ใช่ ผู้ชายตัวโตๆ สูงๆ แล้วมีลักยิ้มเก๋ๆ ใช่หรือเปล่า”
“ใช่... อันดารู้ได้ยังไงล่ะ”
“แหม พี่มังกรฮอตจะตายไป สาวๆ กรีดทั้งมหา’ลัยเลยล่ะ ว่าแต่เธอคงไม่ได้ชอบพี่เขาหรอกนะ” อันดาหรี่ตามอง และถาม
มณีรินอึกอักพูดไม่ออก เพราะหล่อนตกหลุมรักเขาจริงๆ
อันดาเห็นท่าทางของเพื่อนก็เดาได้ทันทีเลยว่าตกหลุมรักมังกรเข้าให้แล้ว
“คู่แข่งเธอมีเป็นพันเลยนะ ริน”
“เอ่อ... ขนาดนั้นเลยเหรออันดา”
“อืม ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะนี่แค่สาวๆ ในมอเรานะ ยังไม่รวมมออื่น”
คู่แข่งของหล่อนเท่าแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนมีเสน่ห์แค่แผ่นใบไม้เท่านั้น รักนี้คงไม่มีทางสมหวังแล้วแน่นอน
“เยอะจัง ฉันคง... ทำได้แค่แอบรักเท่านั้นแหละ”
“ก็ลองเขียนจดหมายไปสารภาพรักดูสิ บางทีพี่มังกรอาจจะชอบผู้หญิงแบบเธอก็ได้นะ”
“หน้าตาอย่างฉันเนี่ยนะ”
อันดามองเพื่อนทั้งตัว ก่อนจะพูดออกมา
“เธอก็สวยดีนะ แต่จืดชืดไปหน่อย ถ้าได้แต่งหน้าแต่งตัวน่าจะดีขึ้นกว่านี้ ลองเปลี่ยนตัวเองดูไหมล่ะ”
มณีรินรีบส่ายหน้าไปมา
“ไม่ดีกว่าจ้ะ ฉันว่าฉันเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว ถ้าใครสักคนจะรักฉัน ฉันก็อยากให้รักฉันที่ตัวตนแท้จริง ไม่ใช่แค่เปลือก”
“เธอก็พูดถูกนะริน แต่ผู้หญิงเราจะสวยแค่ภายในอย่างเดียวไม่ได้ เปลือกก็ต้องสวยด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องขึ้นคานแน่ๆ”
แม้อันดาจะพูดได้ถูกต้อง แต่หล่อนก็ยังคิดตัวเองเหมาะกับสภาพในตอนนี้เป็นที่สุด
“ใช่ แต่ฉัน... เป็นแบบนี้น่ะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ”
“อืม ก็ตามใจ”
อันดาไม่คิดจะเซ้าซี้เพื่อนอีก จึงชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“พรุ่งนี้สอบอ่านหนังสือหรือยังล่ะริน”
“อ่านบ้างแล้วล่ะ แต่ยังไม่จบเลย”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ติวให้หน่อยสิ ฉันอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ แม่ให้สมองมาน้อยน่ะ”
มณีรินหัวเราะขบขัน
“ดูพูดเข้าสิ”
“ก็มันจริงนี่ ฉันโง่เรื่องเรียนเสมอเลย เป็นแบบนี้ตั้งแต่อนุบาลแล้ว”
อันดาพูดติดตลก แต่น้ำเสียงก็มีความเศร้าไม่น้อย
“ถ้าฉลาดได้สักเสี้ยวของเธอก็ดีสิริน”
“ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก เดี๋ยวเย็นนี้จะติวให้ รับรองเธอได้คะแนนเต็มแน่อันดา”
“ขอบใจจ้า แต่ฉันรู้เลเวลสมองฉันดี ขอแค่ผ่านก็พอใจแล้วล่ะ”
อันดาระบายยิ้ม ก่อนจะอุทานขึ้นเมื่อนึกอะไรออกมาได้
“ฉันลืมบอกไป พี่มังกรน่ะอยู่คณะทันตะนะ ถ้าอยากเห็นหน้าก็แกล้งเดินหลงๆ ไปคณะนั้นก็ได้ จะได้เจอยังไงล่ะ”
“โห... ฉันคงไม่กล้าหรอก”
“เอาน่า เพื่อพี่มังกรอาจจะชอบสาวภูธรแบบเธอก็ได้ ไปเถอะ เอาจดหมายรักไปให้ก็ยังดี”
อันดาคะยันคะยอเพื่อนซี้ แต่มณีรินก็ยังส่ายหน้าดิกเหมือนเดิม
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก อายแย่เลย”
“จะอายทำไมกันล่ะ วันๆ หนึ่งมีผู้หญิงไปส่งจดหมายรักให้พี่มังกรเป็นร้อยๆ ฉบับ เธอก็แค่ก้มหน้าก้มตายื่นให้เขา ก็เท่านั้นแหละ”
“ร้อยกว่าฉบับเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงบอกไงว่าไม่ต้องอาย เพราะมีผู้ร่วมขบวนการเยอะมาก บางทีเธออาจจะต้องต่อแถวยื่นจดหมายรักเลยล่ะ”
มณีรินนึกภาพตามที่เพื่อนบอกก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อแล้ว
“ฉันคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก...”
“งั้นก็แสดงว่าความรักของเธอจะไม่แสดงออกใช่ไหม ยายริน”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละอันดา”
“ป๊อดนะเพื่อนเราเนี่ย”
“ฉันเปล่าป๊อดนะ แค่... ไม่อยากเสียเวลาไปยื่นต่อแถวน่ะ”
“ก็เผื่อฟลุ๊คไง”
อันดายังคะยั้นคะยอไม่เลิก ในขณะที่หล่อนนั่งถอนใจยาวเหยียด
“เอาน่าไม่ต้องคิดมาก เราเข้าเรียนกันเถอะ”
อันดาตัดบทเมื่อเห็นเพื่อนหน้าเครียด
“อืม ไปกันเถอะ”
สองสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปในตึกเรียน