ตอนที่หนึ่ง ครอบครัวอลวน

2007 คำ
ไอยวรินท์แทบจะไม่อยากเชื่อ เมื่อหล่อนได้รับ ข้อความผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่าที่หล่อนส่งข้อความเข้าร่วมชิงโชคกับบริษัทดารายาอินทผลัมอบเเห้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั้นจะได้รับการสุ่มมาเป็นผู้โชคดี เเต่ไม่ว่าจะอ่านข้อความตอบรับที่ส่งกลับมากี่ครั้งมันก็ยังเป็นเนื้อหาเดิมจนหล่อนต้องเชื่อ "ขอเเสดงความยินดีกับเจ้าของหมายเลข... 086 6775411 ท่านได้รับรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศเเลตโกเวียพร้อมที่พักสุดหรูจากการส่งข้อความเข้าร่วมลุ้นรางวัล กรุณาติดต่อกลับบริษัทที่หมายเลข 1804 เพื่อยืนยันสิทธิ์ภายในเจ็ดวัน" เนื่องจากว่าทั้งชีวิตไอยวรินทร์ไม่เคยได้โชคลาภกับเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย.. ไม่ว่าจะเป็นรางวัลเล็กๆ อย่างเช่นไปเที่ยวงานกาชาด เล่นล่ารางวัลแบบใดก็ไม่ได้รางวัลใหญ่กับเขา แม้แต่ลอตเตอรี่ที่เคยซื้อกับคนขายบ้างเพราะความสงสาร แต่ก็ไม่เคยถูกสักครั้ง ไม่แม้แต่จะเฉียดรางวัลที่หนึ่ง สิ่งเหล่านั้นมันทำให้รู้ว่า หล่อนไม่มีดวงเรื่องการเสี่ยงทายอะไรเทือกนี้ เเต่ครั้งนี้ความคิดนั้นของหล่อนเปลี่ยนไป กลายเป็นความเชื่อที่ว่าคนเรามันไม่ได้อับโชคเสียทีเดียวหรอก โชคดีอีกมากมายอาจจะรอคอยอยู่เพียงเเต่ที่ผ่านมามันยังหาจังหวะมาไม่ได้เท่านั้น ไอยวรินทร์โทรเข้าเบอร์คอลเซ็นเตอร์ของบริษัทดารายาอินทผลัมเพื่อยืนยันสิทธิ์ และหลังจากนั้นหล่อนก็เข้าไปที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท เพื่อรับตั๋วเครื่องบินพร้อมเอกสารการจองโรงแรมระดับห้าดาวในรัฐราสอัลไมคาราฟ เพื่อไปยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศสหรัฐแลตโกเวีย ประเทศที่หล่อนได้ไปชื่อไม่คุ้นหู แต่พอรู้จักบ้างว่าเป็นเมืองทะเลทรายขนาดเล็กในคาบสมุทรโอมาน ที่เป็นเเหล่งท่องเที่ยวเเละเมืองเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคนั้นรองมาจากดูไบ หล่อนดำเนินการด้วยความตื่นเต้น เเละไม่ได้เเจ้งให้ครอบครัวทราบมาก่อน ได้แต่แอบมาทำทุกอย่างเพียงลำพัง เพราะรู้ว่าคงมีคนขัดคอหากบอกความจริงไป หล่อนตั้งใจจะจัดเเจงทุกอย่างจนเรียบร้อยก่อนบินนั่นเเหละถึงจะเเจ้งที่บ้าน หรือไม่ก็บอกตอนที่หล่อนหนีออกจากบ้านมาแล้วไปโผล่ที่แลตโกเวียเสียก่อน เพราะเชื่อว่าหากรีบร้อนบอกคงหมดสนุก เพราะโดนขัดคอหรือไม่ก็สั่งห้าม หล่อนจึงดิ้นรนทำอะไรเองด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้นกับทริปครั้งนี้... เเม้ว่าทางบริษัทจะเเจ้งให้ทราบว่ารางวัลจะเป็นเพียงเเค่ตั๋วเครื่องบินและที่พักซึ่งเป็นรางวัลเสริมจากสปอนเซอร์และมีหล่อนได้รางวัลนี้คนเดียว นั่นหมายถึงว่าหล่อนต้องไปในดินเเดนที่ไม่เคยคุ้นเพียงลำพัง เเต่ไอยวรินทร์ก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจ หล่อนกลับตื่นเต้นที่จะได้พบความเเปลกใหม่ หญิงสาวตั้งใจจะเเบ็คเเพ็คไปเที่ยวลุยเดี่ยวเหมือนที่เคยไปฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า เกาหลี และญี่ปุ่นมาก่อนหน้านี้... หล่อนกล้าที่จะออกเดินทางแม้เพียงลำพังเพราะพอจะรู้จักประเทศแลตโกเวียจากสื่อทั่วโลกที่หันมาสนใจประเทศนี้มากขึ้นในทศวรรษนี้ เนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่มีการขุดเจาะเเหล่งน้ำมันเเละผลิตสินค้าเกษตรกรรมออกจำหน่ายอย่างจริงจัง รายได้มวลรวมของประเทศนี้ก็เพิ่มพูนขึ้นสูงลิ่ว และรายได้ต่อหัวของประชากรมากขึ้นจากที่มากอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก เเลตโกเวียที่เคยเป็นประเทศมุสลิม หากเเต่การเปลี่ยนเเปลงเพื่อต้อนรับการขยายตัวด้านเศรษฐกิจเเละท่องเที่ยวทำให้ประเทศนี้เปิดกว้างสู่โลกเสรี มีคนหลากหลายชนชาติเข้ามาท่องเที่ยว ขายแรงงานหรือทำธุรกิจในประเทศได้อย่างง่ายดาย ประเทศเเลตโกเวียก็เป็นเหมือนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันที่เปิดกว้างขึ้นและลงทุนด้านอื่นมากขึ้น เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวก่อนที่ทรัพยากรน้ำมันที่ทำรายได้ให้ประเทศมามากมายนั้นจะหมดไป ไอยวรินทร์คิดว่าเเลตโกเวียนั้นฉลาดมาก ที่มุ่งเน้นลงทุนด้านการเกษตรและมองการณ์ไกลมุ่งเน้นเป็นครัวของโลก เพราะใครเลยจะคิดว่าการพลิกฟื้นทะเลทรายซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่ามาปลูกข้าวปลาอาหารนั้นจะสร้างรายได้มากขนาดนี้... ซ้ำประเทศที่เป็นเเหล่งอาหารของโลกอย่างเช่นประเทศไทยนั้นก็ประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทำให้ส่วนเเบ่งทางการตลาดด้านการเกษตรของเเลตโกเวียมากขึ้นได้อย่างไม่ต้องเเข่งขัน ไอยวรินทร์ตั้งใจจะไปดูพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมาใหม่เอี่ยมเกี่ยวกับการเกษตรในท้องทะเลทราย มันเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่จะปลูกต้นไม้ใบหญ้าและผักเลี้ยงประชากรโลกบนทะเลทรายร้อนๆ ได้อย่างไร หล่อนอยากไปเห็นกับตาจริงๆ และอีกไม่นานไอยวรินทร์ก็จะได้ไปเที่ยวในดินแดนที่ เเปลกตา น่าตื่นเต้นและเร้าใจ... โดยเหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่หล่อนต้องทำคือหาวิธีหนีบอดี้การ์ดและโกหกบิดามารดาและพี่ชายให้ได้โดยที่ไม่ซ้ำหัวข้อกับเหตุที่เคยใช้ในการหนีเที่ยวครั้งก่อนให้พวกท่านจับได้... เพื่อความสนุกของหล่อน แม้มันอาจจะทำให้บอดี้การ์ดที่บิดามารดาจ้างให้ตามคุมเข้มหล่อนโดนไล่ออกจากการเป็นบอดี้การ์ดของหล่อนยกชุดหล่อนก็ขอทำ เพราะถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ไม่มีวันตกงาน เพราะเป็นคนของพี่ชายตัวเอง อย่างดีก็ถูกลงโทษเบาๆ และก็ไปรับงานอื่นแทนการดูแลหล่อน ความผิดที่ไอยวรินทร์ทำเพื่ออิสระอันน้อยนิดที่หล่อนจะได้รับโอกาสออกจากกรงทองนั้น พวกเขาต้องให้อภัยหล่อนแน่ อาเมน... ไอยวรินทร์สัญญากับตัวเองว่าหล่อนขอดื้อครั้งนี้อีกครั้งเดียว เป็นของขวัญที่เรียนจบเกียรตินิยมปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจจากรั้วมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง แล้วจะตั้งใจทำงานให้เป็นชิ้นเป็นอัน เลิกทำให้พ่อแม่ปวดหัวอีกต่อไปแล้ว... ไอยวรินทร์ตั้งใจอย่างนี้จริงๆ หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยและกลับมาถึงบ้าน เพียงแค่ก้าวเเรกที่ก้าวเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ของตัวเองนั้น ไอยวรินทร์ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ผิดปรกติ ราวกับว่าร่างกายจะจับไข้เหตุเพราะว่าหล่อนเห็นครอบครัวมาอยู่กันพร้อมหน้าที่ห้องนั่งเล่นในตัวบ้าน ราวกับว่าทุกคนรวมตัวรอพิพากษาหล่อนอย่างไรอย่างนั้น คนในครอบครัวอันประกอบด้วย พันโทกอบกิจ และ ร้อยเอกหญิงคุณหญิงพธูนิจ บิดาและมารดาบังเกิดเกล้า ทั้งสองท่านมองหน้าหล่อนด้วยสายตาเคร่งขมึง จ้องจับผิดราวกับว่าหล่อนทำอะไรผิดมา ซึ่งไอยวรินทร์ก็ไม่แปลกใจเพราะว่าวันนี้หล่อนทำผิดจริงๆ ด้วยการแอบหนีออกไปทำธุระโดยไม่บอกใคร เท่านั้นยังไม่พอยังมีพี่ชายหล่อนขนาบข้างบิดามารดาอยู่ถึงสองคน ข้างขวา ร้อยเอกอนันต์ชัย พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารบริษัทบอดี้การ์ดที่มีความยิ่งใหญ่และน่าเชื่อถือเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ส่วนข้างซ้ายก็พี่ชายแฝดคนละฝาของหล่อน ร้อยตรีไอศวร ผู้ช่วยผู้บริหารบริษัทบอดี้การ์ดที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งมีบิดาหล่อนเป็นเจ้าของและมารดาเป็นผู้ประสานงานและหาลูกค้าให้ในบางครั้ง สรุปคือบ้านไอยวรินทร์นั้นเป็นครอบครัวทหาร ยกเว้นหล่อนที่ดันเกิดมาเป็นหญิง เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารไม่ได้ แต่กระนั้นทุกคนในบ้านก็อยู่ในระเบียบวินัยกันสุดโต่ง จนเหมือนบางครั้งลืมไปว่าหล่อนไม่ได้เป็นทหารเหมือนพวกเขา และเป็นอย่างนี้มาตลอด แม้ว่าบิดามารดาและพี่ชายทั้งสองจะยกขบวนพาเหรดลาออกจากกองทัพไทยพร้อมๆ กัน เนื่องจากบิดาขัดเเข้งขัดขานายชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นผู้บังคับบัญชา ด้วยการไม่ยอมร่วมกันโกงเงินซื้ออาวุธเข้ากรมสรรพาวุธ จนทำให้ท่านโดนกลั่นเเกล้งจนหมดความศรัทธาในชีวิตการเป็นทหาร จึงลาออกมาเปิดกิจการเป็นของตัวเอง โดยมีลูกชายทั้งสองที่ลาออกมาช่วยกิจการและรับอาสาเป็นบอดี้การ์ดรุ่นแรกๆ จนกว่าจะหาคนได้มากจึงถอยออกมาเป็นครูฝึกบอดี้การ์ดและเป็นฝ่ายบริหารแทน ความมีระเบียบวินัยนั้นใครๆ ก็ต่างเห็นเป็นเรื่องดี เเต่สำหรับลูกสาวคนเล็กที่ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของคุณพ่อจอมเผด็จการ คุณเเม่จอมดุ พี่ชายจอมโหด และเเม้เเต่เเฝดผู้พี่ที่เกิดห่างกันไม่กี่นาทีเเต่เขากลับใช้สิทธิ์ในความเป็นพี่ชายวางตนมีอำนาจกว่าหล่อน คิดดูเอาแล้วกันว่าไอยวรินทร์จะรู้สึกอึดอัดมากเเค่ไหน ที่อยู่ในบ้านดีๆ เเต่รู้สึกเหมือนมีผู้คุมดุๆ เคร่งระเบียบ และมีบทลงโทษให้หล่อนอยู่เสมอถึงสี่คนในบ้าน... แม้ว่าสิ่งที่ผู้คุมวิญญาณทั้งสี่ (หล่อนเเอบตั้งฉายาให้โดยที่ทุกคนทราบดี และเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะมันไม่ต่างจากความเป็นจริง) จะทำทุกอย่างเพราะความเป็นห่วงหล่อน เพราะเหตุผลเดียวคือว่าหล่อนเป็นน้องเล็กของบ้าน เป็นผู้หญิงบอบบางที่ต้องได้รับการดูเเล... ทุกวินาทีและทุกย่างก้าวที่หล่อนไหวตัวทุกคนต้องรับรู้ ทุกอย่างที่หล่อนจะทำต้องผ่านการเห็นชอบจากผู้คุมวิญญาณทั้งสี่... ตอนเด็กๆ หล่อนก็พอทนได้ เเต่พอเริ่มโตมาแล้วรู้สึกว่าอิสระในชีวิตเริ่มหดหาย เพื่อนชายก็ไม่มีใครกล้าคบ ขนาดว่าเป็นสาวประเภทสองที่บ้านยังไม่ให้หล่อนเฉียดกรายเข้าใกล้ ยกเว้นว่าจะไปแปลงเพศมาเสียก่อน... ด้วยความอึดอัดจนทนไม่ไหว ไอยวรินทร์เลยเริ่ม เเหกคอกที่บ้านตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกจากบ้านไปช็อปปิ้งโดยไร้บอดี้การ์ด แอบหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ทุกครั้งที่ทำได้มันทำให้หล่อนสนุกสนานเหลือจะกล่าว ยิ่งได้รู้ว่าสร้างความอลหม่านให้ผู้คุมวิญญาณทั้งสี่แล้วหล่อนก็ยิ่งนึกสนุก ครั้งต่อมาก็ทำยากขึ้น แต่มันก็เป็นความท้าทายอย่างยิ่ง... ยิ่งครั้งล่าสุดที่หล่อนกำลังทำอยู่นี่ ถือว่าเป็นสุดยอดเเห่งความท้าทายก็ว่าได้ เพราะมันเป็นการทิ้งทวนก่อนจะไว้ลายมาตั้งตัวเป็นคนดี... และตอนนี้สี่ผู้คุมวิญญาณตรงหน้ากำลังสงสัยในตัวหล่อนอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะหวาดหวั่นแต่มันก็น่าสนุก ที่จะเบี่ยงประเด็นไม่ให้ใครรู้เห็นและจับได้... "ยัยอัยย์ แม่สอนกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเดินห่อไหล่ มันเสียบุคลิก" เสียงผู้เป็นมารดาเอ่ยออกมาก่อน... ลูกสาวคนเล็กจึงเดินเชิดตรงเเหนวและทำท่าเหมือนทหารเดินสวนสนามประชด "มานี่เลยอัยย์... มาให้เราสบสวนซะดีๆ ต้มเราซะเปื่อยเลยนะ" ไอศวรเดินมาลากเเขนเเฝดผู้น้องไปนั่งแหมะอยู่กลางโซฟาที่ประจำ ที่ตรงนี้ยามครอบครัวอบอุ่นเป็นสุขมันก็เป็นเก้าอี้เเสนนุ่มที่น่านั่ง ยิ่งยามอยู่พร้อมครอบครัว ทำกิจกรรมอะไรสักอย่างมันก็โอเคดี แต่ยามที่ไอยวรินทร์ซ่าและโดนจับได้ขึ้นมาเมื่อไร เก้าอี้ตัวนี้ก็เหมือนเก้าอี้ที่ผู้ร้ายนั่งเวลาถูกสอบสวนดีๆ นี่เอง... เเต่... ไอยวรินทร์กลัวที่ไหนล่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม