Chapter 7 องค์รัชทายาทปีศาจ
ละอองน้ำสาดสะท้อนกับแสงอาทิตย์เจิดจ้าจนเกิดโค้งรุ้งใหญ่พาดผ่านเชื่อมภูเขาลอยฟ้ากับผืนแผ่นดินไว้ด้วยกัน และที่สำคัญภูเขาลักษณะนี้มีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน มากมายสุดจะประมาณ
งดงามและชวนตื่นตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง
“ดะ...ดูยังไงแม่มก็ไม่ใช่สถานที่ที่มีอยู่จริงบนโลกมนุษย์ ถ้าเราไม่ฝันแล้วสิ่งอัศจรรย์ตรงหน้ามันเรียกว่าอะไร ภาพลวงตางั้นเหรอ ใครก็ได้ช่วยปลุกฉันให้ตื่นจากฝันร้ายที”
ขณะที่หญิงสาวกำลังโอดครวญอยู่นั้น ใบไม้ที่พลิ้วไหวจากแรงลมก็โอนลู่เมื่อปลายเท้าสัมผัสลงแผ่วเบา เพียงชั่วพริบตาเดียวองค์ชายปีศาจก็เหาะลงมาโฉบเอวพระชายาเอาไว้ในอ้อมกอด
“ยะ...เหยด หะ...เหาะได้โดยไม่มีสลิง”
บัวบูชาเหลือกตาโตด้วยความตกใจ นอกจากอีตานี่จะทำให้แจกันลอยได้แล้ว ยังเหาะเหินเดินอากาศได้อีกด้วย
‘มะ...มึงยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าคะ’
“เจ้าไม่ควรทำให้ทุกคนเป็นห่วง”
เซี่ยฉิงหยางกระซิบเสียงต่ำพลางนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจที่เห็นพระชายาของตนแต่งกายไม่มิดชิดต่อหน้าธารกำนัล จึงเหาะลงมายืนบนพื้นแล้วถอดชุดคลุมสีดำของตนสวมทับให้นางอย่างเบามือ
“ฉันจะกลับบ้าน”
“หากจะกลับบ้านไปหาท่านพ่อท่านแม่ของเจ้า เจ้าต้องเหาะขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ ไม่ใช่วิ่งอยู่บนพื้นดินเช่นนี้”
“นะนี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าพ่อแม่ฉันอยู่บนสวรรค์หมดแล้ว”
อีตาบ้านี่ต้องเป็นสโต๊กเกอร์แน่ๆ แอบชอบเธอมานาน ติดตามเธออย่างเงียบๆ สืบจนรู้ว่าบิดามารดาของเธอเสียชีวิตหมดแล้ว จากนั้นจึงลักพาตัวเธอเข้ามาอยู่ในป่าลึก เพื่อกระทำชำเรา!
อร๊าย! รู้สึกดีที่มีคนสนใจ ปกติแม้แต่หมายังเมิน...
มะ...ไม่ใช่สิ ฉันควรจะกลัวต่างหาก แล้วอีตาบ้านี่สติไม่ดีหรือยังไง ถึงมาลักพาตัวผู้หญิงขี้ริ้วอย่างเธอ ผู้หญิงที่ไม่ว่าจะมองเวลากลางวันก็ไม่สวย มองตอนกลางคืนยิ่งดูน่ากลัวไม่ต่างจากผี
“เจ้าพูดจาแปลกไป อีกทั้งพูดมากกว่าปกติ ไปให้หมอหลวงดูอาการหน่อยเถอะ”
“ไม่! ฉันจะกลับบ้าน นะ...นาย เอ่อคุณช่วยโทรเรียกแท็กซี่ให้หน่อยสิ”
องค์ชายปีศาจถึงกับนิ่วหน้าอีกเป็นคำรบสอง โอบเอวบางกระชับแล้วรวบร่างบางขึ้นอุ้ม ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้เตรียมตัว เขาก็เหาะขึ้นไปบนอากาศ สะบัดปลายเท้าลงบนยอดไม้ เยื้องย่างแผ่วเบาดุจขนนก
“ตาเถร! คุณพาฉันเหาะ คะ...คุณไม่ใช่คนใช่มั้ย ใช่แน่ๆ คุณมีเขาสีดำที่หน้าผาก คุณต้องเป็นผีแน่ๆ กรี๊ด!”
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทั้งกลัวความสูง กลัวผี กลัวทุกสิ่งอย่างที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคย
“กรี๊ด! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
ดูเหมือนว่าเสียงกรีดร้องของนางจะทะลุทะลวงเข้าทำลายโสตประสาทของเซี่ยฉิงหยางจนเขาทนไม่ไหว จึงทำให้นางหุบปากลงด้วยการปิดริมฝีปากของนางด้วยริมฝีปากของเขาเสียเลย
“อื้อ...”
หัวใจร่วงหล่นลงไปกองอยู่บนพื้นดินเบื้องล่าง กระตุกแรงจนแข้งขาอ่อนแรง จูบหวามทำให้บัวบูชาค่อยๆ คลายความหวาดกลัว แทนที่ด้วยความหวิวไหวที่กำลังแล่นปราดไปทั่วร่าง ส่งผลให้เลือดในกายสูบฉีดแรงจนใบหน้าแดงก่ำ
‘มันใช่เวลาที่แกต้องใจเต้นแรงมั้ย อีบัวนะอีบัว แกนี่มันบ้าผู้ชายหล่อจนขึ้นสมอง เวลานี้แกต้องคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อีตาบ้านี่เป็นคนหรือเป็นผีก็ยังไม่รู้ แกไม่ควรเคลิ้มไปกับจูบและอ้อมกอดของเขา
ไม่ควรโว้ย!’
เวลานี้บัวบูชากลับเข้ามาอยู่ในห้องเดิมอีกครั้ง ทว่าสภาพเตียงที่ยับยู่ยี่กลับเรียบตึงด้วยฝีมือการทำความสะอาดของเหล่าผู้หญิงที่ยืนเรียงรายกันอยู่ด้านหนึ่งของมุมห้อง หากจ้องหน้าพวกเธอดีๆ จะเห็นว่าพวกเธอล้วนมีเขาสีดำเล็กๆ ที่หน้าผาก แต่เขาของพวกเธอนั้นไม่ได้ดูวิจิตรงดงามราวกับนิลกาฬเท่าของอีตาบ้ากาม
อีกทั้งเสื้อผ้าการแต่งกายของผู้หญิงเหล่านี้มีสีโทนเข้ม คือดำ ม่วง เขียวแก่ น้ำเงิน น้ำตาล หรือไม่ก็สีเลือดนก ไม่ค่อยมีสีอ่อนหวานอย่างชมพู ขาว ฟ้า เหลืองเลยแม้แต่น้อย
“นอนลงเถอะเพคะพระชายา”
เธอถูกหญิงสาวคนหนึ่งจับให้นอนราบลงบนเตียง จากนั้นชายสูงวัยท่าทางทรงภูมิแต่งกายด้วยชุดจีนสีเขียวแก่เดินเข้ามาพร้อมหีบไม้ใบเล็กคล้ายกระเป๋า
‘นี่หรือหมอ’
โคตรเหมือนในหนังจีนเลย นี่มันที่ไหนเนี่ย หญิงสาวพยายามเค้นมันสมองอันน้อยนิดคิดหาวิธีหนีเอาตัวรอดจากที่นี่ แต่อนิจจา...เธอมีขี้เลื่อยในสมองมากเกินไป
‘คิดไม่ออก’
ยามนี้เธอทำได้เพียงนอนนิ่งๆ และต้องอดทนให้ถึงที่สุด จากนั้นค่อยหาทางหนีทีไล่ต่อไป
“พระวรกายแข็งแรง ชีพจรเต้นปกติ ตามร่างกายไม่มีบาดแผลฟกช้ำ โดยรวมแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท”
หมอหลวงคำนับพร้อมกับวินิจฉัยอาการด้วยความเคารพนอบน้อมต่อชายหนุ่มตรงหน้า บัวบูชาได้ยินและได้เห็นท่าทางเช่นนั้นก็ถึงกับหูผึ่ง
“อะไรนะ! คุณหมอคะอีตานี่เป็นองค์รัชทายาทเหรอ รัชทายาทอะไร แล้วตกลงที่นี่เป็นกองถ่ายละครใช่มั้ย มีกล้องแอบไว้ตรงไหนหรือเปล่า เลิกแกล้งฉันได้แล้ว ฉันไม่สนุกนะ!”
หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งโวยวายจนใบหน้าแดงก่ำด้วยความกรุ่นโกรธ ทุกอย่างต้องเป็นการจัดฉากเพื่อกลั่นแกล้งเธอแน่ๆ แล้วที่อีตานี่บินได้ก็คงมีเอฟเฟ็คอะไรสักอย่างที่เธอไม่รู้
“นี่นะหรือที่เจ้าบอกว่านางไม่เป็นอะไร หมอหลวง! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางอาการหนักจนพูดไม่รู้เรื่อง”
หมอหลวงหน้าซีดเผือดทรุดตัวลงคุกเข่าทันที
“กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท แต่กระหม่อมตรวจอย่างละเอียดแล้ว พระชายามีพระวรกายปกติดีทุกอย่าง เป็นไปได้ว่าสมองของพระนางอาจได้รับการกระทบกระเทือนจนลืมเลือนไปชั่วขณะ หม่อมฉันจะปรุงโสมพันปีและว่านพญาไฟให้พระชายาดื่มเช้าเย็น คาดว่าความทรงจำคงจะฟื้นคืนมาในเร็ววัน เพราะปกติแล้วเหล่าเทพเซียนจะฟื้นร่างกายได้เร็วกว่าปีศาจหรือมนุษย์ธรรมดา ขอองค์รัชทายาทอย่าได้ทรงกังวลพระทัย”