แต่เมื่อไม่นานมานี้เจ้าของร้านอาหารที่วรินทร์รัมภาทำงานด้วยบอกว่าทางร้านมีปัญหาอาจจะจ่ายค่าแรงให้ช้า กระนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เธอคิดว่าอย่างไรก็คงทันจ่ายค่าเทอม แต่ในวันนี้กลับเหมือนถูกฟ้าผ่าเมื่อเจ้าของร้านบอกว่าเงินทั้งหมดของเธอถูกนำไปใช้เป็นต้นทุนในการซื้อของมาเข้าร้านเพื่อไม่ให้ร้านต้องปิดตัว และขอติดค่าแรงไว้ก่อน หญิงสาวแทบช็อก เพราะนั่นคือเงินค่าแรงที่ทำมาทั้งหมด เธอไม่เคยเบิกเงินเพราะตั้งใจจะเบิกทีเดียวเพื่อเป็นค่าเทอม พอมาเกิดเรื่องแบบนี้จึงไม่ยอมและโวยวายถึงที่สุด แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ เจ้าของร้านขู่ให้เธอไปฟ้องตำรวจเอาเอง ซึ่งเธอก็ไม่มีเวลา เพราะนี่คือวันจ่ายเงินวันสุดท้ายแล้ว ตอนนี้จึงทำได้แค่เพียงมานั่งอ้อนวอนทางฝ่ายบัญชีว่าขอเลื่อนจ่ายเงินไปเสียก่อน
“หนูมาทำอะไรคะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินออกจากห้องมาพบกับนักศึกษาสาวที่นั่งรออยู่ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“คือหนู หนูจะขอเลื่อนจ่ายค่าเทอมออกไปก่อนได้ไหมคะ พอดีหนูมีปัญหานิดหน่อยค่ะ” วรินทร์รัมภาพูดอย่างอึกอักรู้สึกเกรงใจ
“คงไม่ได้หรอกหนู ถ้ายังไม่มีเงินจ่ายเทอมนี้ เทอมหน้าค่อยมาจ่ายก็ได้จ้ะ” เจ้าหน้าที่พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่นั่นหมายความว่าวรินทร์รัมภาจะเรียนจบช้าไปหนึ่งปีเลย
“ตะ แต่หนูอยากเรียนจบพร้อมเพื่อนนะคะ หนูขอร้องเถอะค่ะ ช่วยหนูหน่อยนะคะ” วรินทร์รัมภาพูดพร้อมน้ำตาไหลออกมา แม้จะพยายามกลั้นเอาไว้ ทางเจ้าหน้าที่การเงินสาวใหญ่มองด้วยความลำบากใจ แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ
“ฉันก็ไม่รู้จะช่วยหนูยังไง ฉันขอตัวเข้าไปทำงานก่อนนะ” เจ้าหน้าที่เดินเลี่ยงกลับเข้าไปในห้อง ไม่อยากรับรู้ปัญหา เพราะไม่ใช่เพียงวรินทร์รัมภา ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่ค้างค่าเทอมด้วยปัญหาต่างๆ เธอเป็นเพียงเจ้าหน้าที่จะทำอะไรได้ เลยตัดสินใจทิ้งให้วรินทร์รัมภานั่งร้องไห้อยู่ที่เดิม แล้วแบบนี้เธอจะทำอย่างไร เธออุตส่าห์ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานเพื่อที่จะเรียนจบและกลับไปช่วยงานพ่อไวๆ ถ้ากลับต้องจบช้าอีกหนึ่งปี เท่ากับว่าพ่อก็คงต้องเหนื่อยมากขึ้น เมื่อไร้หนทาง ความกดดันก็ทำให้วรินทร์รัมภาได้แต่นั่งร้องไห้อย่างลืมอาย
“เป็นอะไร ร้องไห้อย่างกับมีใครตาย บอกมาซิ” เสียงดุดันของชายที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้วรินทร์รัมภาหยุดร้องไห้พร้อมกับเงยหน้ามองชายเจ้าของเสียง
“พี่ธัน” เมื่อเห็นว่าเป็นธีทัศ พี่รหัสของเธอ หญิงสาวจึงร้องไห้ออกมาอย่างหนักอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ตกใจรีบเข้าไปจับแขนเธอทันที
“เกิดอะไรขึ้นวุ้นแก้ว ใครทำอะไรเธอบอกพี่มา” ธีทัศถามด้วยท่าทีร้อนรน ตั้งแต่เขารู้จักน้องรหัสคนนี้มา เธอเป็นเด็กเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้เลยสักนิด ส่วนมากจะเห็นแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะมากกว่า
“วุ้นแก้วไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม จะไม่ได้สอบ ตอนนี้วุ้นแก้วไม่รู้จะทำไง วุ้นแก้วต้องจบช้าอีกปีอะพี่ธัน” วรินทร์รัมภาพรั่งพรูคำพูดออกมาแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชายหนุ่มฟังอย่างตั้งใจจึงพอจับใจความได้ว่าหญิงสาวมีปัญหาเรื่องเงินค่าเทอม เมื่อคิดได้อย่างนั้นเขากลับมองว่าเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ
ธีทัศไหวไหล่กับปัญหาที่อีกคนมองว่าใหญ่เหลือกำลัง “โธ่ คิดว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องร้องไห้เหมือนญาติเสีย” คำพูดของธีทัศทำเอาคนร้องไห้หยุดทันที ใช่สิ เขาไม่ได้จนแบบเธอนี่ เขามันเป็นลูกเศรษฐี ตระกูลปัทมรุ่งโรจน์รวยมั่งคั่งขนาดไหน ติดท็อปหนึ่งในสิบของตระกูลร่ำรวยที่สุดในประเทศ คงไม่เคยเครียดเรื่องเงินแบบเธอหรอก
“ใช่สิคะ พี่ธันจะไปรู้อะไร ก็พี่รวยสุดในมอนี้แล้วนี่” วรินทร์รัมภาพูดออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น เอางี้ เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องค่าเทอมให้เอง” ไม่พูดเปล่า ธีทัศจูงมือน้องรหัสให้ลุกขึ้น “ตามมานี่” คนตัวสูงก้าวยาวๆ กึ่งลากกึ่งจูงรุ่นน้องเข้าไปในห้องการเงินทันที
“ทำอะไรคะพี่ธัน ปล่อยมือวุ้นแก้วก่อนค่ะ”
เมื่อมาถึงหน้าโต๊ะเจ้าหน้าที่การเงิน ธีทัศถึงปล่อยมือบางแล้วหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่
“ผมมาจ่ายเงินค่าเทอมของวรินทร์รัมภาครับ” ธีทัศพูดพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตออกมายื่นให้กับเจ้าหน้าที่คนเมื่อครู่ เจ้าหน้าที่มองมาอย่างอึ้งๆ เพราะทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักธีทัศ เขาเป็นทายาทของเศรษฐีรายใหญ่ที่เป็นผู้อุปถัมภ์มหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ตะ แต่พี่ธัน” วรินทร์รัมภาพยายามจะเอ่ยห้ามปรามเขาเพราะความรู้สึกเกรงใจ แต่ธีทัศหันมาทำหน้าดุใส่เธอ “อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดมากได้ไหม” เธอจึงต้องยอมเงียบ ปล่อยให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างจนเสร็จสิ้น พอเดินออกมาหน้าห้องแผนกการเงินร่างบางสวยก็หยุดเดินทำให้ธีทัศต้องหยุดตาม
“วุ้นแก้วขอบคุณพี่ธันมากนะคะ เดี๋ยวมีเงินแล้ววุ้นแก้วจะรีบใช้คืนพี่ทันทีค่ะ” วรินทร์รัมภารีบขอบคุณชายหนุ่มทันที
ธีทัศก้มมองคนตัวเล็กกว่าแล้วจุดยิ้มมุมปาก มองคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มของรุ่นน้องสาว นึกอยากคว้าผ้าเช็ดหน้าไปเช็ดให้ แต่สิ่งที่พูดออกไปกลับดูเหมือนรำคาญ “เธอนี่มันเป็นผู้หญิงยังไง ร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเด็กไปได้ ไม่เคยพกผ้าเช็ดหน้าเลยใช่ไหม อะ ให้ยืม” เขายัดผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดใส่มือรุ่นน้อง แล้วทำเสียงเข้มใส่ “เช็ดสิ มองจ้องอะไร”
วรินทร์รัมภาสะดุ้งเพราะธีทัศพูดเสียงดุ เธอรีบเช็ดหน้าเช็ดตา ครั้นจะส่งคืนแบบนั้นก็ไม่กล้า “เดี๋ยววุ้นแก้วซักมาคืนพี่ธันนะคะ”
ธีทัศยิ้มมุมปาก “เธอคิดว่าพี่ยังกล้าใช้อยู่อีกเหรอ ทั้งขี้มูก ทั้งน้ำตา เอาไปเถอะ แต่ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้แพง อย่าเอาไปทิ้งซะล่ะ”
วรินทร์รัมภามองผ้าเช็ดหน้าผลิตจากผ้าอย่างดีที่มีโลโก้แบรนด์ชื่อดัง เขาไม่กล้ารับคืนเพราะแขยงน้ำมูกกับน้ำตาของเธอ เธอเข้าใจ ก่อนจะพูดอย่างเจียมตัว
“ยังไงต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ เรื่องค่าเทอมที่พี่ธันช่วยจ่ายให้ก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก เงินแค่นี้เล็กน้อยสำหรับพี่” ธีทัศคิดอย่างนั้น เพราะเงินแค่ไม่กี่หมื่นเทียบกับเงินที่เขามีติดกระเป๋า แทบไม่สะทกสะท้านใดๆ กับค่าใช้จ่ายรายเดือนด้วยซ้ำ