“ถึงแล้วครับคุณริกะ” คนรถบอกเมื่อรถจอดที่บ้านไร่อุ่นรัก ที่นี่ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิมเลยนะบ้านเกิดของรัก บ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ บ้านที่เรียกได้เต็มปากว่าบ้าน
“ไทน์จัดงานน่ารักดีนะคะ” มองดูรอบ ๆ ด้านนอกทำให้เห็นสถานที่ถูกจัดแต่งอย่างน่ารัก
“คุณยิ้มเป็นคนออกแบบงานเองครับ” คนรถพูดถึงเจ้าสาวของไทน์
“ยิ้มชอบของน่ารักตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว” ยิ้มหวานเป็นคนน่ารัก
แต่พี่ชายของยิ้มไม่หลงเหลืออะไรให้อยากรัก
หากจะถามหาจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่พังไม่เป็นท่ามันคงเริ่มที่วันนั้น… จุดเริ่มต้นของเรามันเกิดขึ้นวันนั้น วันที่ไทม์เดินเข้ามาบอกพ่อแม่ว่าทำผู้หญิงท้องต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน มันเป็นวันที่ฉันรู้สึกเสียใจที่สุดตั้งแต่เกิดมาเพราะไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนั้นจากปากไทม์ ร่างกายของฉันชาวาบ คล้ายทุกอย่างหยุดนิ่ง หูดับชั่วขณะ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าควรทำใจรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงดี ไม่รู้ว่าต้องวางตัวแบบไหน
คิดอะไรไม่ออก ตัดสินใจอะไรไม่ได้จึงออกมาดื่มที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งเพียงลำพังเพราะทนอยู่บ้านไม่ได้จริง ๆ
“ริกะ” เสียงของใครสักคนเอ่ยเรียกชื่ออยู่ใกล้ ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นเจ้าของเสียงทุ้ม
“มีไร” ฉันตอบกลับด้วยเสียงห้วน ไม่อยากจะพูดดีด้วยเลย เขามันคนบ้า เขามันชอบทำตัวนักเลง เป็นคนใจร้าย ไม่มีความอ่อนโยน ชอบทะเลาะต่อยตีกับไทม์ไทน์ ที่สำคัญชอบแกล้งฉัน ชอบล้อว่าฉันไม่มีพ่อมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อแม่ฉันแต่งงานใหม่เขาก็ยังหาเรื่องล้อไม่จบไม่สิ้น พฤติกรรมของเขาทำให้ฉันไม่ชอบหน้า และชอบเรียกเขาว่าไอ้บ้ายักษ์เพราะเขามันบ้าจริง ๆ นี่ก็เป็นบ้าอะไรไม่รู้ถึงได้มาทักฉันในเวลาแบบนี้ จะหาเรื่องล้อฉันอีกหรือไง “วันนี้ไม่มีอารมณ์จะกัดด้วย”
“ไม่ได้มาชวนกัด ดึกแล้ว เดี๋ยวไปส่งบ้าน”
“ฟ้าผ่าเถอะ ต้องการอะไรไม่ทราบ” เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาคนนี้จะหวังดีกับฉัน เราทั้งสองคนไม่เคยพูดดีด้วยกันสักครั้ง โตมาก็ไม่เคยจะคุยภาษาคนกันด้วย แล้ววันนี้จะมาพูดเหมือนห่วงใยมันไม่ใช่นิสัยของผู้ชายคนนี้
“เธอ”
“หมายถึงอะไร”
“ต้องการคนอยู่ข้าง ๆ ไหมล่ะ ปกติเธอไม่ได้จะดื่มคนเดียวนี่ ทุกทีเห็นมีไอ้แฝดตามประกบตลอด หวงอย่างกับลูก” เห็นไหมมันกำลังล้อฉัน มันตอกย้ำความเจ็บปวดฉัน หาว่าฉันเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครรัก ฉันบอกแล้วไอ้คนนี้มันคบไม่ได้
“ทำไม ดื่มคนเดียวมันผิดอะไร กินข้าวคนเดียวบ้างมันแปลกตรงไหน คนโตแล้วต้องรู้จักอยู่คนเดียวบ้างสิ มาทักฉันทำไมหรือว่านายอยากจะอยู่ด้วย อยากแกล้งฉันงั้นเหรอ” คงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกความเสียใจ อารมณ์หงุดหงิด โมโห ท้าทายทำให้ฉันพูดอะไรแบบนี้ออกไป ซ้ำยังพูดกับคนที่ไม่ควรจะพูด ผู้ชายคนนี้น่าพูดด้วยที่ไหน ฉันเมาจนเพี้ยนแล้วแน่ ๆ
“ถ้าให้อยู่ก็ยินดีที่จะอยู่ เธออยากให้ฉันอยู่แกล้งเธอไหมริกะ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าฉันในระดับที่เรียกได้ว่าใกล้ชิด ตั้งแต่โตมานี่เป็นครั้งแรกที่เราใกล้กันขนาดนี้ ไม่ต้องไปนับวัยเด็กที่ตีกันเป็นว่าเล่น ตีกันแต่ละทีได้เลือดทุกครั้ง
“งั้นก็อยู่สิ อยู่ด้วยหน่อย คืนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่ชอบอยู่คนเดียวเลย” ฉันเอ่ยเสียงเศร้า จู่ ๆ อารมณ์ก็เปลี่ยน เมื่อคิดว่าอยู่คนเดียวจู่ ๆ ก็รู้สึกเศร้า ฉันอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้มันยากจริง ๆ ฉันไม่ชอบเลย ไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ฉันอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม อยากอยู่ที่เดิมที่มันเป็นพื้นที่ของฉัน
“ได้ดิ แต่ในฐานะอะไรดี” เขานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ฉัน สีหน้าเขาดูพอใจ ดูสนุกเหมือนวัยเด็กที่เราเล่นด้วยกันแล้วฝ่ายเขาได้เปรียบ
“อืม ไม่รู้สิ อยากเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ขอไม่เป็นศัตรูสักพักนะ ตอนนี้ทะเลาะด้วยไม่ไหว”
“ด้วยความยินดี”
“โอเค ดีล” ฉันยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าของยักษ์ ถือว่าตกลงกันแล้ววันนี้เราจะไม่กัดกัน
“ครับ” ยักษ์ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญา
“พูดเพราะก็น่ารักนะเนี่ย”
“แล้วลองรักดูไหม”