ตอนที่ 5

1501 คำ
5 ชายหนุ่มนำรูปกลับไปวางที่เดิม หันเหความสนใจไปที่งาน เพื่อให้ลืมเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจอยู่ แต่เผอิญไปสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่ไหวๆ อยู่ ชายหนุ่มไล่มองขึ้นไปอย่างช้าๆ พร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นเข้าหากัน สิ่งที่เขาเห็นคือขาของใครคนหนึ่ง เท้ากระดิกเป็นจังหวะ แต่...ใครกันละที่ไม่รู้กาลเทศะ เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ อย่าว่าแต่ขออนุญาตเลย แม้แต่เสียงเคาะประตูบอกกล่าวก็ยังไม่มีเลย ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นคนที่มาเยือนชัดเจน...ยังไม่ทันจะทำอะไร ความยุ่งยากอย่างแรกก็แวะเวียนมาหาเขาเสียแล้ว “หวัดดีไอ้คุณพี่คมน์” พรรณธรทักทายแบบแยกเขี้ยวใส่ แถมเธอยังไม่คิดยกมือไหว้เขาด้วย หญิงสาวเดินไปนั่งบนโซฟาตรงมุมห้อง พลางเท้าเล็กเรียวก็รีบตวัดขึ้นไปไขว้กันทันที อวดลำขาเรียวยาวขาวนวลผ่องเป็นยองใย ในดวงตากลมโตฉายแววเกรี้ยวกราดมองคนที่นั่งเหมือนกับพระราชาอยู่บนบัลลังก์อย่างไม่พอใจ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีใช่ไหมคะไอ้คุณพี่” หญิงสาวถามเสียงหวานเจือโทสะถามอย่างไม่คิดจะเอาคำตอบ ตอนที่เดินทางออกจากบ้าน เธอโมโหจนเห็นช้างตัวเท่ามด แต่ด้วยระยะทางจากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่ง ต้องนั่นรถเป็นชั่วโมง ความโกรธเกรี้ยวที่มีเริ่มสลายตัวไปกับสายลมเสียก็เยอะ แต่พอมาเห็นหน้าหล่อๆ ยิ้มๆ ของคมน์ อารมณ์ที่เริ่มจะดับลงก็ประทุขึ้นมาใหม่ คมน์อึ้งเมื่อเจอกับพรรณธรโดยไม่ทันได้ตั้งตัว หัวใจหนุ่มเต้นแรงเร็วอย่างน่ากลัว ภาพถ่ายที่สวยและน่ารักยังไม่เท่าตัวจริงที่ทำให้เขาถึงกับทำตัวไม่ถูก แต่เพียงแค่แวบเดียวชายหนุ่มก็เรียกสติคืนกลับมาได้ “สวัสดีต้นหลิว พี่สบายดี แต่ดูท่าเราจะไม่ค่อยสบายนะ หน้าตาค่อนไปทางซีดเซียวไม่ร่าเริงสดใสเลยนี่” ชายหนุ่มตอบกลับ ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่คิดว่าแม่ตัวดีจะใจกล้าบุกมาพบเขาถึงที่นี่ สงสัยถูกยุยงมา อืม...คุณย่ากลมพรรณรู้หรือเปล่านะ สงสัยจะไม่...ว่าแต่พรรณธรมาแบบนี้แล้วพักที่ไหนละ ในเมื่อบ้านหญิงสาวอยู่อีกในตัวเมืองของอีกจังหวัดหนึ่ง ถ้าจะให้กลับหลังจากที่คุยกับเขาเสร็จ ก็คงจะไม่ทัน ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน คิดแล้วก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจเหมือนกัน ถ้าจะต้องทะเลาะกับพรรณธรตั้งแต่ยังไม่เริ่มอยู่ด้วยกัน จมูกโด่งเป็นสันยู่ย่น ริมฝีปากที่แบะออก “ก็ใช่นะสิคะ ลองมาถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักดูสิ จะมีความสุขได้ไหม” พรรณธรกัดฟันพูด พลางตวัดค้อนใส่ชายหนุ่มวงโต เธอโกรธแทบบ้า ยิ่งได้มาเห็นอาณาจักรของคมน์ที่ ดูดี เลิศหรู และอลังการ ซึ่งคนรักของเธอเทียบไม่ได้เลยสักนิด ไหนจะหน้าตาที่ตฤณเป็นหนุ่มตี๋ขาวซีด ในขณะที่คมน์กลับดูดี ใบหน้าคมเข้ม คิ้วดก ดวงตาคมล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนผู้หญิงอย่างเธอยังอาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหนาสีแดงสดของคนที่ไม่สูบบุหรี่ ได้เห็นคมน์อย่างใกล้ชิด เพลิงโทสะก็คุขึ้นจนเธออยากจะเอานิตยสารที่วางอยู่ใต้กระจกแก้วขว้างใส่หน้ายิ้มๆ นั่นให้เลือดอาบ  “ผิดกับพี่นะ ตอนแรกที่คุณย่ามาขอร้องก็ยังคิดอยู่ว่าจะปฏิเสธท่านยังไงไม่ให้ท่านเสียใจที่คาดหวังไว้สูง แต่พอได้เห็นหน้าต้นหลิวแล้วชักอยากเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันแต่งงานเร็วๆ เสียแล้ว” คมน์พูดยิ้มๆ ดวงตาพราวระยับอย่างมีความนัย ดูเหมือนกับว่าหญิงสาวจะรับรู้ได้ ใบหน้าคมสวยถึงได้แดงระเรื่องขึ้น พร้อมกับตวัดค้อนใส่เขาวงโต    ตอนแรกที่ได้รับฟังเรื่องราวจากคุณย่ากลมพรรณ เขาหนักใจจนนอนไม่หลับเสียหลายคืน คิดๆ จะยกโทรศัพท์บอกเลิกสิ่งที่รับปากไป แต่พอใบหน้าดีใจและมีความสุขของคนรอบข้าง...พ่อ แม่ คุณย่ากลมพรรณ เป็นเสมือนเกลียวเชือกที่ผูกรัดเขาไว้จนทำอย่างใจต้องการไม่ได้ ชายหนุ่มเอนตัวอิงเก้าอี้ทำงาน แม้จะอึดอัดใจ แต่เขาก็ยังยิ้มได้ ดวงตาคมมองใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อ พวงแก้มนวลเป็นสีชมพู ราวกับต้องการประทับภาพหญิงสาวไว้ในหัวใจและในส่วนลึกของจิตใจ จากเด็กน้อยตัวเล็กกระจ๋อยร่อยที่คอยเดินตามเขาไปทุกหนแห่ง เติบใหญ่กลายมาเป็นสาวสวยน่ารักและน่าทะนุถนอม แต่อย่าให้หญิงสาวเอ่ยพูด เพราะระหว่างหน้าและคำพูดนั้นช่างผิดกันไกล “อีพี่คมน์!” พรรณธรแผดเสียงดังลั่น มือเล็กกำหมัดไว้แน่น ใบหน้านวลแต้มสีแดงระเรื่อ ดวงตาวาวจ้ามองคมน์อย่างต้องการบอกให้รู้ว่าเธอกำลังระงับโทสะ เพราะกลัวจะอาละวาดก่อนที่จะได้พูดคุยเรื่องสำคัญ ถ้าไม่ใช่เพราะตฤณแนะนำให้มาคุยเพื่อตกลงกันก่อน ขอให้ชายหนุ่มยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ละก็ เธอไม่มาหาอีตาคมน์มีดคมหอกคมดาบนี่ให้มันเสียศักดิ์ศรีหรอก ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ซื่อบื้อจนอยากจะยันด้วยบาทาให้สักทีสองที เอาให้ปากแตก กินน้ำพริกไม่ได้ไปสักสามวัน ก็รู้อยู่ เธอไม่รัก ไม่อยากแต่งงานด้วย แต่ยังเสือกรับปากคุณย่าไป แม้ตอนแรกจะแอบคิดว่าชายหนุ่มอาจเป็นเก้งกวาง แต่พอได้มาเห็นแบบนี้แล้วก็เลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปได้เลย เพราะอีกตาคมน์มีดนี่เป็นชายทั้งแท่งแน่ๆ ดูจากสายตาที่มองมาอย่างกับจะกลืนกินเธอไว้ในอกนั่นแหละ “ไอ้คุณพี่คมน์...พูดให้มันดีๆ นะ ถ้ายังไม่อยากถูกต้นหลิวโกรธและเกลียดมากไปกว่านี้” พรรณธรแหวเสียงดัง เมื่อถูกคมน์ก่อกวนจนโทสะที่พยายามระงับไว้พุ่งขึ้นเหมือนปรอทที่ได้รับความร้อน “หือ...เรียกทำไมเสียงดังนักละต้นหลิวจ๋า พี่ไม่ได้อยู่ไกลนะ แล้วหูก็ไม่ได้หนวกสักหน่อย” คมน์ตอบกลับอย่างเล่นลิ้น คิ้วหนาเป็นปื้นเลิกขึ้นสูง ในดวงตามีคำถาม ใบหน้าคมแย้มยิ้มพรายแต้มไปทั่วใบหน้า ถึงแม้จะนั่งอยู่ไกลๆ แต่ไอโกรธจากร่างน้อยกลับแผ่มาถึง ตอนแรกพรรณธรอาจไม่ชอบที่จะต้องแต่งงานกับเขา แต่อยู่กันไปความรู้สึกที่มีอาจจะเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่เขาคงจะต้องพยายามหนักมา เพราะดูท่าหญิงสาวจะดื้อรั้นไม่ใช่น้อย “หยุดพูดแบบนั้นนะไอ้พี่คมน์บ้า!” หญิงสาวยกมือขึ้นชี้หน้าชายหนุ่ม ดวงตาวาวจ้า “ห้ามทำหน้ายิ้มๆ แบบนั้นด้วย” หญิงสาวยังคงหาเรื่อง เพราะเริ่มจะระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “อ้าว...” คมน์ยังคงทำหน้ายิ้มระรื่น ดวงตาพราวระยับยามกับท่าทางเหมือนเด็กๆ ของพรรณธร อืม...ชายหนุ่มลูบไล้ปลายคาง ตอนนี้เขาอายุสามสิบปี ห่างจากพรรณธรหกปี ขณะที่หญิงสาวอายุยี่สิบสี่ ถึงจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ยังมีนิสัยแบบเด็กๆ อยู่ “ถ้าไม่ให้พี่ยิ้ม แล้วจะให้ทำหน้าบึ้งใส่เหรอ เดี๋ยวต้นหลิวก็ว่าพี่หน้าตาไม่รับแขกอีกนะสิ” “ต้นหลิวก็ไม่ได้อยากมาเป็นแขกบ้านพี่คมน์หรอกนะ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากมาคุยเรื่องแต่งงานบ้าบอคอแตกนั่น คิดหรือว่าต้นหลิวจะเดินทางข้ามจังหวัดมานะ” หญิงสาวพยายามระงับโทสะด้วยการสูดลมหายใจเข้าและออกแรงๆ ถ้าของขึ้นตลอดเวลาที่ถูกยั่วให้โกรธ วันนี้ทั้งวันคงจะไม่ได้คุยให้รู้เรื่องหรอก เพราะมัวแต่ทะเลาะกันจนจะฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง “อ้าว...งั้นพี่ก็คิดผิดนะสิ คิดว่าต้นหลิวคิดถึง เลยแวะมาเยี่ยมเยียนตามประสาคนสนิทและคุ้นเคยกัน และกำลังจะกลายเป็น...”  “กรี๊ด! หยุดเลยนะไอ้พี่คมน์บ้า หยุดพูดเรื่องบ้านั่นเสียที ต้นหลิวไม่อยากฟัง” พรรณธรยกมือปิดหู โทสะพุ่งขึ้นราวกับปรอทแตกจนลืมคิดหน้าคิดหลัง เธอคว้านิตยสารเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างใส่คมน์ทันควัน   
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม