ห้องทำงานของอาทิตยานั้น เป็นด่านแรก จากนั้นก็ผ่านห้องรับแขก ก่อนที่จะเข้ามาถึงห้องทำงานของเบนจามิน เรียกได้ว่ามีซ้อนกันทั้งหมดสามห้อง และคิดว่าอาทิตยาต้องย้ายมานั่งหน้าห้องของเบนจามินเร็ว ๆ นี้แน่นอน แต่ระหว่างที่กำลังดูห้องทำงานอยู่นั้น โดมินิคก็ไม่ได้สนใจจะดูหรอก เพราะเจ้าของห้องน่าสนใจกว่าเยอะ และด้วยความเจ้าชู้ของเขาก็ทำให้อาทิตยากลัวเสียมากกว่าจะหลงเสน่ห์ในความหล่อ
พอดูห้องทำงานเสร็จก็วางแผนว่าจะเอาโต๊ะทำงานแบบไหนมาวาง เรียบร้อยแล้วก็พาไปดูห้องทำงานของผู้บริหารแต่ละคน จะว่าไปโดมินิคเป็นคนแรกที่เบนจามินพาไปด้วยตัวเอง ปกติแล้วจะให้ลูกน้องจัดการเองทั้งหมด แต่นั่นก็เพราะว่าเป็นเพื่อนจึงอยากจะดูแลด้วย มีอย่างเดียวที่ไม่อยากทำคือเปิดทางให้เข้ามาจีบเลขา ฯ นี่สิ
พอถึงเวลาเที่ยงโดมินิคก็ยังไม่ยอมกลับเสียที ร้องขอให้พาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงอีก เป็นว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ที่เบนจามินต้องดูแลเป็นอย่างดี และกึ่งบังคับให้เลขาคนสวยไปด้วย เพราะเขาต้องทำหน้าที่เป็นกามเทพด้วยความไม่เต็มใจนัก
“ซันขอไม่ไปได้ไหมคะ” อาทิตยาตอบปฏิเสธเมื่อเบนจามินเรียกเข้ามา เพื่อชวนไปทานมื้อเที่ยง
“เอ่อ พี่ก็ลำบากใจ ก็แค่ไปทานมื้อเที่ยงเราก็ไปกันสามคน ซันอย่าคิดมาก มีพี่อยู่ โดมไม่กล้าทำอะไรหรอก”
“แล้วทำไมคุณบี๋ต้องตามใจเพื่อขนาดนั้นด้วยล่ะคะ ซันเป็นแค่เลขาไม่จำเป็นต้องไปก็ได้”
“เขาขอร้องน่ะซัน ถือเสียว่าช่วย ๆ กันดูแล เดี๋ยวเขาก็มาเป็นเจ้านายเราอีกคน” พูดอย่างกับว่าโดมินิคจะใช้ความเป็นเจ้านายมาบังคับเธออย่างนั้นแหละ
“ซันไม่ชอบเพื่อนคุณบี๋ ขี้หลีเจ้าชู้ ซันรู้นะว่าเขาคิดอะไรอยู่” อาทิตยาพูดออกมาตรง ๆ ซึ่งทำให้เขาอึ้งไปเลย
“จ้ะ แม่คนฉลาด บอกแล้วว่าอย่าคิดมาก ต่อให้เขาจีบแล้วซันจะแคร์อะไรถ้าไม่ได้ชอบ หือ”
“นี่แปลว่าจะเปิดโอกาสให้เขาจีบซันเหรอคะท่าน”
“เปล่า ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคตและพรหมลิขิตดีไหม ไปด้วยกันก็ไม่เสียหายอะไร นะจ๊ะ เดี๋ยวเขาก็เข้ามาเอาคำตอบแล้ว” เจ้านายหนุ่มมีความออดอ้อน อย่างนี้แล้วจะไม่ให้ใจอ่อนได้อย่างไร
“เฮ้อ!!! เพราะคุณบี๋ขอนะคะ ซันถึงยอม” จบคำของเธอ เท่านั้นแหละเขาก็ครี่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจกระทั่งเห็นฟันซี่ขาว ๆ เลยทีเดียว
“ไม่ต้องยิ้มกว้างขนาดนั้นค่ะ” เธอว่าพลางทำสีหน้างอนเง้าเล็กน้อย แต่ที่เขายิ้มไม่ใช่เพราะว่าเธอยอมไปตามที่โดมินิคต้องการ แต่ยอมเขาต่างหาก
“โอเคไม่ยิ้ม” พูดจบปุ๊บเขาก็หุบยิ้มทันที
“งั้นขอซันไปหยิบกระเป๋าและเตรียมตัวรอด้านนอกนะคะ”
“จ้ะ” เบนจามินรับคำอย่างเป็นกันเอง และสุดท้ายก็อดยิ้มให้เธอไม่ได้ ทว่าเธอนี่สิที่ตวัดหางตาใส่เขาราวกับงอนเสียหนักหนา ก็แค่ให้ไปทานข้าวกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่ก็นะ เขารู้ว่าเธอไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้อย่างโดมินิค เพราะว่าเข็ดหลาบ เนื่องจากเคยอกหักจากผู้ชายประเภทนี้มาแล้ว ทำให้อาทิตยาค่อนข้างขยาดที่จะเข้าใกล้ ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ต้องการเป็นพ่อสื่อหรือกามเทพอะไร เพราะไม่อยากเห็นเธออกหักอีก ทว่าไม่อยากขัดใจเพื่อนเท่านั้นเอง
ต่อมาเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าเกือบเที่ยง เบนจามินก็โทรศัพท์ไปสั่งอาหารที่ภัตรคารประจำ เรียบร้อยแล้วจึงได้พากันเดินทางโดยรถยนต์โรลส์ – รอยซ์ สีดำ ซึ่งเขานั่งเคียงข้างไปกับเลขาคนงาม ส่วนโดมินิคนั่งตรงข้าม เพราะที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าอาทิตยาอยากจะคุยกับโดมินิคเลย เธอแคร์เจ้านายเพียงคนเดียว กระทั่งถึงภัตรคารสุดไฮโซซึ่งเป็นอาหารฝรั่ง
ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามจึงได้ถูกเชิญไปนั่งที่โต๊ะอย่างเป็นส่วนตัว มาถึงตอนนี้เองที่เบนจามินจะเป็นฝ่ายชวนอาทิตยาคุยเพื่อจะได้ไม่เสียมารยาทกับโดมินิคเกินไปนัก
“ดื่มน้ำอะไรดีจ๊ะ” เบนจามินถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่พนักงานเสิร์ฟรออยู่ก่อนแล้ว
“เอ่อ ซันขอน้ำส้มคั้นก็ได้ค่ะ” เธอบอกเสียงหวานเช่นกัน
“ขอน้ำส้มให้คุณซันแล้วก็น้ำเปล่าสองแก้ว” เบนจามินหันไปสั่งกับพนักงาน ซึ่งทำให้โดมินิคไม่พอใจเล็กน้อย เพราะแทนที่จะหันมาถามเพื่อนบ้าง แต่กลับตอบแทนเสียอย่างนั้น แบบนี้มันลำเอียงนี่นะ
“ได้ครับท่าน” ว่าแล้วพนักงานเสิร์ฟจึงหันไปรินน้ำตามที่สั่ง
“มีความลำเอียง ทำไมไม่ถามฉันสักคำว่าดื่มอะไรครับคุณโดม”
“มีแต่น้ำเปล่าเท่านั้นสำหรับแก”
“อุตสาห์พามาเลี้ยงอาหารฝรั่ง ไวน์สักแก้วก็ยังดี” โดมินิคบ่นอุบ
“นี่เที่ยงใช่เวลาดื่มไหมล่ะ ฉันไม่เคยโอ้เอ้กับการทานอาหาร เพราะมันเสียเวลาทำงาน ถ้าแกอยากเจริญขึ้นหัดทำอะไรให้มันเร็ว ไม่ใช่หาเรื่องดื่มเพื่อถ่วงเวลา” เบนจามินไม่ได้ตั้งใจต่อว่าแค่สอนเท่านั้น
“คุณซัน ฟังเจ้านายคุณต่อว่าผมสิ” โดมินิคหันไปฟ้องอาทิตยาเสียอย่างนั้น
“ก่อนจะต่อว่าแก ฉันเคยต่อว่าซันเหมือนกัน ฉะนั้นไม่ต้องฟ้องกันเลย”
“ฉันว่าแกซีเรียสเกินไปหรือเปล่า เวลาพักก็น่าจะรีแล็กจะโว้ย แบบนี้ลูกน้องก็เครียดไปด้วยสิ หือ”
“เวลารีแล็กซ์ของคุณบี๋คือหลังเลิกงานค่ะ ถ้าเป็นเวลานี้จะรีบทานแล้วรีบกลับ หรือไม่ก็สั่งอาหารขึ้นไปทานในห้องทำงาน” ดูเหมือนอาทิตยาจะรู้ใจเจ้านายเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่แปลกหรอกอยู่ด้วยกันตั้งสองปี
“แบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปมีครอบครัว แล้วผู้หญิงที่ไหนเขาจะรับคนบ้างานอย่างแกไหว”
“รับไม่ไหวก็ไม่ต้องรับ ไม่ได้ขอร้อง” เบนจามินเถียงเสียอย่างนั้น
“แกเอาแต่ทำงานเพื่อลืม ใช่ไหม” ประโยคคำถามนี้ทำเอาเบนจามินถึงกับมองหน้า แล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะปรายตามองอาทิตยาเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่ตอบอะไร
“ทานเถอะ” เบนจามินเปลี่ยนเรื่องคุยทันที จากนั้นทุกคนจึงได้พากันลงมือทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าไปอย่างเงียบ ๆ ต่างรู้ดีว่าคำพูดของโดมินิคนั้นกระทบกระเทือนจิตใจของเบนจามินมากแค่ไหน ยกเว้นก็แต่อาทิตยาที่ไม่รู้เรื่องอดีตของเบนจามิน เธอรู้แต่เพียงว่าเจ้านายรูปหล่อมาดนิ่ง เคร่งขรึม เจ้าระเบียบ ทำงานเก่ง แต่อ่อนโยนในยามที่คุยกับเลขาเช่นเธอ ไม่มีนิสัยขี้หลีอยากจะจีบแต่อย่างใด ต่างกับโดมินิคที่เปิดเผยอย่างสิ้นเชิง
“เอ่อ คุณบี๋ทานนี่นะคะซันตักให้” อาทิตยาบอกอย่างเอาใจเมื่อเห็นว่าเจ้านายมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ขอบใจจ้ะ” เบนจามินรับและยิ้มบาง ๆ เท่านั้น
“คำพูดฉันทำให้แกรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าวะเพื่อน ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษนะ” โดมินิคเหมือนจะรู้ตัวว่าพูดแทงใจดำเพื่อน
“ไม่เป็นไร ฉันโอเค” คำว่าโอเคของเบนจามินไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
“ถ้าโอเคก็ทานนะคะ เสร็จแล้วเราจะได้กลับไปทำงานต่อ” อาทิตยาบอกด้วยความเป็นห่วงจากนั้นจึงไม่มีเสียงพูดหลุดออกจากปากเบนจามินเลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็ทานมื้อเที่ยงเสร็จ และพากันเดินทางกลับบริษัทในทันที มาถึงตอนนี้อาทิตยารู้สึกเป็นห่วงเจ้านายอย่างบอกไม่ถูก เพราะเขาเอาแต่นั่งเงียบเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ และโดมินิคเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน