“นั่งสิตะวัน” ฟิลิปเอ่ยและเดินมาขยับเก้าอี้ให้กับตะวัน
“ขอบคุณค่ะ”
“มื้อนี้คงมีเราเพียงสองคน ซึ่งฉันดีใจนะที่วันนี้ฉันมีเพื่อนดินเนอร์”
“ทำไมเหรอคะ ปกตินายท่านต้องทานอาหารตามลำพังเหรอคะ”
“ก็เป็นส่วนใหญ่...คีนออกไปทำงาน และคงไปต่อตามประสาเขา กว่าจะกลับก็ดึกๆ ไม่ก็เกือบเช้า แต่ฉันชินเสียแล้ว...” ตะวันทำเพียงยิ้ม เป็นธรรมดาของคนที่อายุมาก ฟิลิปเองก็เช่นกันเขาเข้ามาช่วงวัยที่ต้องการ มีลูกหลานใกล้ๆตัว ดินเนอร์เป็นไปอย่างสบายๆ เพราะตะวันไม่ได้ห่างการติดต่อกับฟิลิปนานนักแบบที่คนอื่นเข้าใจ การติดต่อระหว่างฟิลิปและเธอไม่มีใครรู้แม้แต่แคทรีนที่ตะวันไม่สามารถบอกให้รู้ได้
“มิซาโต้จะเดินทางมาร่วมงานของนายท่านด้วยนะคะ” ฟิลิปยิ้มออกมา เมื่องานที่เขามอบหมายให้ตะวันดำเนินการผลออกมาอย่างเกินคาด
“แล้วเขาติดปัญหาในเรื่องของสัญญาบ้างมั้ย”
“บอกตามตรงเลยนะคะ เรื่องนี้ตะวันไม่ทราบเลยจริงๆ มิซาโต้ไม่เคยพูดเรื่องงานให้ตะวันฟังเลย”
“อย่างงั้นเหรอ แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะตกลงนะ บางทีการเดินทางมาร่วมงานของฉันในครั้งนี้อาจมาพร้อมข่าวดีก็เป็นได้”
“ตะวันก็คาดหวังให้นายท่านสมปราถนาค่ะ” ฟิลิปเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากสิ้นสุดการดินเนอร์ ตะวันเดินออกจากอาคารบ้าน บ้านหลังนี้ยังสวยงามยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ในตอนกลางคืนที่ดวงไฟพร้อมใจกันทำงานส่องสว่างให้อาณาบริเวณบ้านสวยงามไปอีกแบบในยามค่ำคืน
ตะวันหวลคิดถึงคีน ถ้าตอนนี้เขาออกไปทำงานอย่างที่ฟิลิปว่าจริงๆ ก็คงไม่พ้นงานที่ผิดกฎหมาย และคีนต้องเป็นผู้นำในการควบคุมดำเนินงานด้วยตนเอง ตะวันเงยหน้ามองท้องฟ้าภาพสะท้อนใบหน้าของคีนปรากฎให้เธอได้เห็นภายใต้สำนึกของเธอเอง สองแขนเล็กยกขึ้นมาโอบกอดตัวเองเมื่อความอบอุ่นบริเวณนั้นน้อยลงทุกที ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณแต่ก็มีแสงไฟจากดวงไฟที่ติดตั้งประดับประดาสวยงามตามลักษณะของบ้านที่ต้องมีเวรยามเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ตะวันเดินไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าเวรยามร่างใหญ่ของบ้านที่ก้มศีรษะให้เธอเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ ที่นี่แตกต่างกับบ้านที่ญี่ปุ่นที่บ้านไม่ใหญ่โต ตะวันอยู่กับแคทรีนที่มีครอบครัวและกำลังจะคลอดลูกคนแรกในอีกไม่กี่วัน แน่นอนว่าพวกเธอรู้แล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง ที่นั้นอบอุ่นแต่ตะวันอยากกลับมาที่นี่ตลอดเวลา
“มันมืดแล้วนะ” ตะวันหันหลังกลับเมื่อเสียงของคนเมื่อตอนบ่ายดังมาจากที่ไม่ไกลนัก
“ฉันเห็นอยู่” ตะวันตอบกลับ สายตาจับจ้องมองคีน ในชุดดำทั้งชุด เขากลับมาแล้วแสดงว่างานที่ทำเสร็จลุล่วงแล้วสินะ แต่เขาคงยังไม่ได้กลับขึ้นห้องส่วนตัวของตัวเอง เพราะอาวุธประจำกายยังเหน็บอยู่ที่ขอบเอวกางเกง
“ให้ไปส่งที่ห้องมั้ย?” คีน เอ่ยออกมาอย่างใจดี พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ โดยที่ตะวันไปหลบหลีกหรือถอยออกห่างสักนิด
“ห้อง? ของฉันหรือของคุณ”
“ก็ขึ้นอยู่กับเธอว่าอยากจะไปห้องไหน”
“ถ้าฉันเบื่อห้องสี่เหลี่ยม ฉันอยากอยู่กับธรรมชาติบ้างละคะ”
“ฉันไม่เกี่ยงงอนอยู่แล้ว ที่ไหนก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าเธอยินยอมให้ฉันขัดคำสั่งของพ่อ”
“คำสั่งนายท่าน?...อะไรเหรอคะ”
“อยากรู้เหรอ?” คีนขยับเข้าโอบกอดร่างบางกลิ่นหอมไปทั้งตัว ลมหายใจเขาเป่ารดใบหน้าของตะวัน ที่ยังยืนนิ่งปล่อยให้คีนทำตามที่อยากทำ หัวใจของเธอมันบอกแบบนั้น
“เธอต่างหากต้องบอกฉันว่าทำไมพ่อถึงไม่ให้ฉันแตะต้องเธอ” ตะวันยิ้มออกมาในทันที
“ถ้าฉันบอกคุณ แล้วฉันจะได้อะไร”
“ก็ขึ้นอยู่กับเธอ เพราะฉันคงไม่อาจหาญพอที่จะขัดคำสั่งพ่อ แต่เธอไม่ได้ถูกสั่งห้ามในการแตะต้องฉันนะ...” ตะวันยิ้มออกมา
“เท่าที่ฉันจำได้ ฉันพึ่งบอกคุณไปว่าคุณไม่เป็นที่ประทับใจของฉันนะคะ แล้วทำไมฉันต้องอยากแตะต้องคุณด้วย คุณคีน”
“แล้วถ้าฉันบังคับเธอละ...” คีนพูดพร้อมกับชักปืนออกมาและขึ้นเซฟตี้ป้องกันการลั่นของปืนเรียบร้อยแล้ว ให้ปลายกระบอกปืนจ่อที่ต้นแขนเล็กของตะวัน
ตะวันเปลี่ยนทิศทางสายตาไปมองปืนเล็กน้อยอย่างไม่เดือดร้อนอะไร
“คุณควรจะปลดเซฟตี้นะคะ ถ้าจะใช้มันมาข่มขู่ฉัน” คีนยิ้มออกมา ถึงแม้เขาจะเข้าใจว่าตะวันรู้ดีว่าครอบครัวเขาเป็นอย่างไร แต่เธอไปอยู่กับพี่สาวเขานานหลายปี แคทรีนไม่มีทางให้ตะวันจับต้องของเหล่านี้เด็ดขาด แต่ตะวันกลับรู้เรื่องของปืนเป็นอย่างดี
“ถ้างั้นฉันต้องขออภัยในความงี่เง่าของตัวเอง” คีนเก็บปืนและเลื่อนใบหน้าให้ริมฝีปากสัมผัสอย่างอ่อนโยนที่ต้นแขนที่ปลายกระบอกปืนจ่ออยู่เมื่อ สักครู่ และคีนไม่หยุดและจบเพียงแค่นั้น ริมฝีปากเขาไล่ลงไปเรื่อยๆ ตามท่อนแขน มือแข็งแรงกอบกุมมือเล็กที่เนียนนุ่มมาจุมพิตตามข้อนิ้ว โดยที่สายตาส่งสัญญาณให้กับตะวันที่คีนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการอะไร
ตะวันใบหน้าแดงก่ำ ร้อนวูบวาบๆไปทั่วร่างกายอีกครั้งกับสัมผัสเพียงแค่นั้นของคีน ขนอ่อนตามร่างกายเธอลุกชันหัวใจเต้นแรงขึ้น เธอกลับมาที่นี่ไม่กี่ชั่วโมงเจอกับคีนครั้งที่สอง และทุกครั้งที่เจอทำให้ระบบการสูบฉีดโลหิตในร่างกายเธอทำงานหนัก
“ฉันง่วงนอนแล้ว” ตะวันกระซิบปลดปล่อยเสียงที่สั่นพร่าออกมา
“เธอตื่นสายได้นะ ถ้าคืนนี้ต้องนอนดึกหรือได้นอนอีกทีในเช้าของอีกวัน” คีนกระซิบให้เหตุผล เพราะคนอย่างเขาไม่เคยต้องใช้กำลังกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์
“ตอนนี้พึ่งจะสี่ทุ่มเองนะคะ ถ้าฉันอยากจะตื่นสายมันก็ต้องมีอะไรที่คุ้มค่าให้ฉันต้องทำแบบนั้น”
“ตัวฉัน มันคู่ควรพอมั้ย”
“คุณจะทำยังไงบ้างค่ะ”
“บรรยายอย่างเดียวมันไม่สนุกหรอก...มันต้องสาธิตไปพร้อมๆกัน”
“สาธิต ลองทำให้ฉันดูหน่อยได้มั้ยคะ” คีน ยิ้ม และส่ายหน้า
“การสาธิตของฉัน มันพ่วงมาด้วยการขัดคำสั่งของพ่อ”
“น่าเสียดายจังนะคะ เพราะฉันอยากรู้จริงๆเสียด้วย” คีนจุมพิตที่ข้อนิ้วเล็กๆนั้นอีกครั้ง
“เธอก็เป็นฝ่ายปฎิบัติการสาธิตแทนสิ ฉันจะได้ไม่ต้องขัดคำสั่งของพ่อ” ตะวันยิ้มออกมาอีกครั้ง
“คุณลองบอกรายละเอียดมาสักสองสามบรรทัดให้ฉันได้ฟัง และฉันจะตัดสินใจอีกทีว่าจะสาธิตมั้ย?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ฉันไม่เคยต้องตกเป็นฝ่ายรอคำตอบเลย ฉันไม่ชินนะ เธอมีทางเดียวคือต้องทำตามรายละเอียดที่ฉันบอกเท่านั้น”
“ฮิ ฮิ ฮิ คุณคีน...คุณลืมไปแล้วเหรอค่ะว่าฉันไม่ชอบผู้ชายแบบคุณ ถ้าคุณไม่ชินและไม่เคยก็ไม่เป็นไร ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ” คีนยิ้มกับเสียงหัวเราะหวานๆของตะวัน แต่เขาไม่ยังไม่ยอมปล่อยให้ตะวันไปง่ายๆ
“ถ้างั้นก็ฝันดี...” คีนพูดจบพร้อมกับดึงร่างเล็กแนบลำตัว ริมฝีปากหยักประทับลงบนริมฝีปากอิ่ม ที่เผยอเปิดทางรับอย่างเต็มใจ จุมพิตส่งเข้านอนของคีน ไร้ซึ่งความอ่อนโยน เมื่อเรียวลิ้นที่ซอกซอนอยู่ในโพรงปากหวานขับเคลื่อนลื่นไหลอย่างชำนาญ ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้านหลงลืมเวลาปล่อยให้ร่างกายรับการรุกรานที่ปากและคำพูดปฎิเสธเขาตลอดเวลา โดยที่ร่างกายของเธอกลับตอบรับเชื้อเชิญเขาให้เข้าหาได้ทุกขณะจิตที่อยู่ใกล้กัน ไม่ต่างกับแม่เหล็กต่างขั้วที่ใกล้ในระยะดึงดูดมันก็จะเกาะติดยากต่อการแยกจากกัน
จุมพิตส่งเข้านอนเหมือนจะเลยเถิด เมื่อทั้งคีนและตะวันยังไม่หยุดและจบสัมผัสเร้าร้อนที่คีนเหมือนจะเป็นครูดี หลอกล่อให้ตะวันเป็นฝ่ายดูดดื่มเขาบ้าง ลิ้นเล็กที่อยู่ในโพรงปากของคีนถูกกักไว้เมื่อตะวันรวบรวมกำลังใจอันแรงกล้า ถอยห่างจากคีนที่ทำไม่ง่ายเลย แค่บังคับตัวเองก็ยากมากพอแล้ว แล้วนี้เธอยังถูกต่อต้านการแยกกันจากเขา ด้วยฝีมือเขาที่กระชับฝ่ามือที่วางอยู่บนสะโพกกลมได้รูปของตะวันแน่นมากขึ้น เมื่อเขายังไม่อยากให้เธอแยกจากไป ฝ่ามือแข็งแรงนั้นกลับบีบสะโพกเล็กนั้นอย่างต้องการกระตุ้นอารมณ์ความต้องการให้กับเธอมีมากขึ้นเรื่อยๆ แบบที่มากพอที่ตะวันยอมอยู่ใต้ร่างเขาร้องครวญครางในคืนนี้
“อ๊ะ!…” กริ๊ก
คีนหยุดการกระทำของตัวเองทันที เมื่อสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ตะวันชักปืนที่เขาเหน็บไว้ที่ขอบเอวกางเกงด้านหลังออกมาพร้อมปลดเซฟอย่างชำนาญและรวดเร็ว ปลายกระบอกจ่อที่ซี่โครงข้างลำตัวเขา
“ถอย ออกไป ถ้าคุณไม่อยากให้ร่างกายต้องมีรู” ตะวันพ่นเสียงกลับ พร้อมหอบหายใจ คีนยกมือทั้งสองข้างขึ้นและถอยห่างออกมาสองก้าว เขาไม่ได้กลัวว่าเธอจะยิงเขา แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ปืนผ่าหน้าไม้ มันลั่นเปรี้ยงปร้างได้เหมือนกัน
“ทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลยสาวน้อย ส่งปืนคืนมาให้ฉันซะดีๆ”
“ฉันคืนแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันจะวางไว้ที่หน้าประตูห้องนอน คุณก็ไปเอาคืนจากตรงนั้นแล้วกัน” ตะวันพูดจบถอยหลังอย่างรวดเร็ว และวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อกลับห้องนอนตัวเองอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยู่ต่อเสวนาต่อรองกับคีน เพราะตะวันรู้ตัวเองดีว่าเธอต้องพ่ายแพ้ เธอไม่มีทางชนะหัวใจตัวเองได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ตะวันรู้ดี เธอคิดว่าจะเล่นบทผู้หญิงร่านกับคีนได้ แต่สุดท้ายเธอก็แพ้ในที่สุด
ตะวันเซฟปืนถอดปลอกกระสุนออกมา และวางไว้กับพื้นหน้าประตูห้องนอนก่อนที่เธอจะปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามาทางนี้
คีนก้มหยิบอาวุธที่วางไว้หน้าประตูห้อง ใส่ปลอกกระสุนเข้ากลับ สายตามองที่ประตูห้องนอนที่ปิดสนิท แต่สัญชาติญาณบางอย่างของคีนบอกให้เขารู้สึกว่า ตะวันยังยืนอยู่ที่หน้าประตูอีกฝั่ง คีนหันหลังพิงประตูกระแทกไม่แรงนักเป็นการจงใจ และการทำแบบนั้นทำให้ตะวันสะดุ้งเล็กน้อย แต่เสียงที่ดังออกมาจากคีน ทำให้ตะวันตื่นเต้นยิ่งกว่า
“ปกติฉันจะล็อคประตูห้องนอน แต่คืนนี้คิดว่าคงไม่...หวังว่าเธอคงเข้าใจนะตะวัน” คีนพูดจบ ขยับตัวและเดินกลับไปยังห้องของตัวเองที่อยู่อีกฟาก เพราะคีนคิดว่าต่อไปถ้าจะเข้าใกล้ตะวันอีก ร่างกายเขาไม่ควรมีอาวุธอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้กับหญิงสาวคนนี้
ตะวันคิ้วขมวดอย่างครุ่นคิด คีนร้ายกาจมาก เขาหย่อนเบ็ดติดเหยื่อชิ้นโตล่อเธออย่างจัง คนอย่างเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอเองก็ต้องการเขา มั่นใจตัวเองซะ เหลือเกินผู้ชายคนนี้ ซึ่งแน่ละเขาทำได้ เพราะเขาหล่อกระชากใจผู้หญิงได้อย่างไม่ต้องสงสัย ตะวันอยากลบคำสบประมาทของเขาซะในคืนนี้ คำที่เขาเคยพูดกับเธอไว้เมื่อห้าปีก่อน ว่าเขาไม่มีทางนอนกับคนใช้ในบ้าน แน่นอนเธอไม่ใช่คนใช้ในบ้านเขาแล้ว เธอถูกเลื่อนขั้นเป็นของบรรณาการไปแล้ว เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าเธอกำลังต้องเจอกับอะไร แต่เขาจะสนใจเหรอ ในเมื่อเขาไม่ได้รักเธอแบบที่เธอเฝ้ารักเขามาตลอดสิบปีนี้
“อะไร?” คีนตอนอายุยี่สิบห้า ถามตะวันที่เดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับถาดเล็กๆในมือที่มีช็อคโกแลตมูส ที่เธอหัดทำและทำเป็นในที่สุด
“ช็อคโกแลตมูส ตะวันตั้งใจทำมาเพื่อคุณค่ะ คุณคีน” ตะวันตอนอายุสิบหก
“เอามาให้ฉันทำไม”
“เอ่อ! วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ตะวันอยากให้ช็อคโกแลตมูสเป็นสิ่งแทนใจ ว่าตะวันหลงรักคุณคีน” ตะวันที่ก้มหน้ารวบรวมความกล้าที่จะพูดออกมาในที่สุด โดยที่เธอไม่ได้มองหน้าของคีนสักนิดที่แสดงถึงความไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยิน
คีนหันมามอง มือเอื้อมไปหยิบช็อคโกแลตมูสที่อยู่ในถ้วยรูปหัวใจอย่างน่ากิน แต่...สิ่งที่ไม่คาดคิด คีนใช้อีกมือควักช็อคโกแลตมูสนั้นและเอาไปป้ายหน้าตะวัน
เพล้ง! เสียงถาดที่ล่วงลงสู่พื้นกับจดหมายฉบับเล็กๆในซองสีชมพูล่วงหล่นตามไปด้วย ตะวันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าคีนจะตอบแทนความรักของเธอได้ถึงเพียงนี้
แคทรีนวิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงดังในบ้าน เห็นการกระทำของคีนที่ปฎิบัติต่อตะวัน ที่คีนผลักไหล่ตะวันจนเธอเสียหลักล้มลงกับพื้น ตะวันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเธอทำได้เพียงอย่างเดียวคือร้องไห้ อับอายที่สุดในชีวิต
“เอายายเด็กนี้ไปให้ไกลๆ ยิ่งไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี” คีนตะโกนเสียงดัง ต่อหน้าแคทรีนและตะวันที่เสียใจมากจนพูดไม่ออก
“คีน มันไม่มากเกินไปเหรอ แกไม่รัก ไม่ชอบ ตะวัน ก็ไม่มีใครด่าว่าแก สักนิด ทำไมต้องทำร้ายและด่าว่าตะวันมากมายขนาดนี้”
“ยายเด็กนี้ เป็นแค่คนใช้ในบ้าน ไม่เจียมตัว ผมแค่ย้ำให้เธอรู้และอย่าลืมสถานะของตัวเอง มีหน้ามา บอกรัก มาเสนอตัว คนอย่างผมไม่สิ้นท่าถึงต้องนอนกับคนใช้ในบ้าน” คีนหน้าแดงด้วยความโกรธ สายตาที่มองตะวัน ไม่มีปิดบังความรู้สึกของตัวเองสักนิดว่าเขารังเกียจตะวันแค่ไหน
ตะวันไม่ลืมสีหน้าและแววตานั้นของคีนเช่นกัน และมันเป็นแรงใจให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนตอนนี้ตะวันรู้ว่าเธอประสบความสำเร็จในเรื่องนี้แล้ว เพราะคีนสนใจเธอ เขาอ่อยเธออย่างเปิดเผย ทั้งๆที่ตะวันไม่ต้องการอะไรจากคีนเลย เธอก็แค่อยากร่วมเตียงมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาลบคำสบประมาทนั้นของเขาเท่านั้น