เสียงสัญญาณหน้าบ้านทำให้ชมธีราต้องละจากงานทุกอย่างตรงเพื่อให้ความสนใจ
และเพียงแค่เห็นรถผ่านหน้าต่าง ก็รู้ได้ทันทีว่าใคร แถมผู้ชายที่ยืนอยู่ที่ประตูรั้วก็ทำให้คนในบ้านใจสั่น
เขาคือปกรณ์ สามี
จากที่จะลุกไปเปิดประตูกลับต้องหยุดยืนนิ่ง เพราะยังทำใจไม่ได้ แต่สักพักก็ต้องหันไปสนใจหน้าบ้านอีก เพราะเสียงที่แว่วดังเข้ามา
ฟังไม่ได้ศัพท์ ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะคิกคักของคนทั้งสอง นั่นคือปกรณ์และกีรดา
เขาดูดีมาก ผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ ที่ดูแลตัวเองดี ยังคงหล่อเหลาและหล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ มีหน้าที่การงานมั่นคง เป็นที่นับถือเพราะตำแหน่งงานที่สูงขึ้น คงไม่แปลกที่ผู้หญิงหน้าด้าน หรือพวกสาวๆ ที่อยากจะรวยทางลัดมาเกาะแกะ
แอบดูอยู่จนกีรดาเดินกลับเข้ารั้วบ้านตัวเอง แต่สิ่งที่ทำให้ชมธีรารู้สึกผิดหวังและเจ็บใจคือสายตาของสามีที่เอาแต่จ้องมองสาวสวยอย่างกีรดาแบบไม่วางตา ราวกับจ้องจะงาบ
"ผู้ชายก็แบบนี้สินะ เห็นผู้หญิงสวยๆ ไม่ได้" พูดออกมาพร้อมกำมือแน่น ระยะเวลาเก้าเดือนที่ห่างกัน คงเป็นประโยชน์ต่อเขาที่ได้เป็นอิสระ ต่างจากเธอที่ยังจมอยู่กับความเสียใจ
เจ้าของรูดม่านปิดก่อนจะหนีภาพบาดตาขึ้นห้องตัวเอง ไม่สนใจแม้เขาจะกดกริ่งเรียกหรือโทรเข้ามา ชมธีราร้องไห้ออกมาให้กับผู้ชายคนนี้ คนที่เธอรักจนหมดหัวใจ เก้าเดือนที่เขาหายไปไม่เคยแม้แต่จะติดต่อหรือตามง้อ ปรากฎตัวอีกครั้งก็วันนี้ แต่เขาก็ทำให้เธอผิดหวังแทนที่จะดีใจ
ชมธีราสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ รอบนี้คนที่โทรเข้าคือวิกานดา เพื่อนสนิท เธอจึงกดรับทันที
"รื้อเสื้อผ้าในตู้ และรองเท้าส้นสูงที่ฉันเพิ่งส่งให้เธอเมื่อวานมาใส่ซะ เราจะไปนัดบอดกัน"
"ด เดี๋ยวนะ เธอว่ายังไงนะ" เด้งตัวลุกจากที่นอนทันทีที่ได้ยิน
"ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว เธอควรหาอะไรทำที่น่าตื่นเต้นกว่าการทำแผนการสอนและอบคุ้กกี้นะ"
"แต่ฉันชอบทำแผนการสอน ชอบอบคุ้กกี้ ไม่ได้อยากทำเรื่องน่าตื่นเต้นแบบที่เธอบอก"
"วันนี้กรณ์ไปหาเธอที่บ้านไม่ใช่เหรอ"
"รู้ได้ไง"
"เค้าโทรมาหาฉัน เพราะคิดว่าเธอไม่อยู่บ้าน คงคิดว่าฉันจะพาเธอไปเที่ยวเตร่ นี่รู้มั้ย กรณ์เป็นผู้ชายที่โคตรงี่เง่า น่ารำคาญคาดคั้นอยู่ได้ จำตอนที่เธอไปสอบครูได้มั้ย เค้าน่ะโทรมากดดันฉันให้.."
"เข้าเรื่องสักทีเถอะกาน ตกลงแล้วเค้าโทรหาเธอเพราะอะไร"
"กรณ์ขอให้ฉันช่วยโน้มน้าวให้เธอคืนดีด้วย ฉันก็เลยรู้ว่าเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เค้าเข้าบ้าน"
"เหรอ" เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"มันยอดเยี่ยมมากเลยนะ ที่เธอใจแข็งแบบนั้น ฉันภูมิใจในตัวเธอมาก" ปลายสายดูจะดี๊ด๊าเกินไป
"รู้มั้ยที่เธอทำแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง มันหมายความว่าเธอพร้อมจะมีคนใหม่แล่วไงล่ะ"
"ไม่หรอก เพราะว่าฉันสับสนต่างหาก"
"งั้นคืนนี้ทุ่มนึงเจอกัน แล้วอย่าลืมโยนแหวนแต่งงานทิ้งไปด้วย จะได้ดูให้ชัดกันไปเลยว่าเธอสับสนจริงรึเปล่า" พูดแค่นั้นก็วางสายไป
"นี่ เดี๋ยวสิ เดี๋ยว! ทุ่มนึงงั้นเหรอ" ก็เล่นตัดสินใจเองแบบนั้น โดยที่เธอยังไม่ตอบตกลงเลย แถมเธอเองไม่ใช่คนที่ชอบออกจากบ้านเวลาค่ำเหมือนใครๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดเธอมีนัดกับสาวน้อยข้างบ้านทุกเย็น
ชมธีราลุกขึ้นจากที่นอน ก็หากวันนี้ต้องไปตามนัดของเพื่อนจริงๆ เธอก็คงพลาดมื้อเย็นกับสาวข้างบ้าน และหากเป็นแบบนั้น เธอก็มีน้ำใจ เพื่อเข้าครัวเตรียมอาหารไว้ให้
แต่เพราะเป็นความโชคดีหรือไม่ที่รั้วบ้านพวกเธอติดกัน ชมธีราจึงเห็นทุกความเคลื่อนไหวของสาวสวยข้างบ้านผ่านหน้าต่าง แถมกีรดาก็ไม่เคยปิดม่านเลยจนกว่าจะเข้านอนหรือไม่อยู่บ้าน
ภาพกีรดาที่ค่อยๆ เปลื้องผ้าหน้ากระจกทีละชิ้น เหลือไว้เพียงแค่ชุดชั้น แถมท่าทางที่กำลังเหมือนลูบไล้เนื้อตัวนั่นทำให้ชมธีราต้องขยับไปใกล้หน้าต่างมากกว่าเก่า การมีเพื่อนบ้านที่ทั้งสาวและสวยแบบนี้ มันทำให้เธออยากรู้อยากเห็น แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็ต้องหยุดลง เมื่อกีรดาหันมาทางเธอ ชมธีรารีบหลบทันที ก็หากคนข้างบ้านรู้ว่าเธอแอบมองคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
เสียงรถยนต์เคลื่อนผ่านหน้าบ้านชมธีรา ในเวลาห้าโมงเย็น เธอรู้ดีว่าใครที่โดยสารอยู่ในรถคันนั้น เธอเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีมารับกีรดาถึงหน้าบ้าน แถมทั้งคู่ยังกอกรัดกันอีก มื้อเย็นสำหรับพวกเธอวันนี้คงไม่จำเป็นแล้ว
ชมธีราเดินเข้ามาในร้านอาหาร สถานที่นัดหมาย วันนี้เธอมาในชุดสวย เดรสสั้นเหนือเข่า อวดรูปร่าง ทั้งยังปล่อยผมและจัดทรงอย่างดี ก็หากว่าวันนี้คือการออกเดท เธอก็ต้องไม่ให้ตัวเองขายหน้า และอีกอย่างแหวนแต่งงานที่นิ้วนางก็ถูกถอดออกและทิ้งไว้ในกระเป๋า
"ชม! ทางนี้ๆ" เสียงวิกานดาร้องเรียกพร้อมโบกไม้โบกมือให้โดยไม่อายสายตาคนรอบข้าง ชมธีรารีบตรงไปหาทันที
"ไม่เห็นต้องตะโกนเลย" ทันทีที่มาใกล้เพื่อนก็แอบดุออกมาเสียงไม่ดังนัก เพราะก็ไม่อยากจะทำใฟ้เพื่อนเสียหน้า
"เอาน่า ปล่อยแก่สักวัน" แถมเพื่อนยังดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ชมธีรานั่งข้างเพื่อนสาว ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็มีผู้ชายสองคนรุ่นราวคราวเดียวกัน และยังดูภูมิฐาน
"นี่เพื่อยกานค่ะ ที่เล่าให้ฟัง" วิกานกาเริ่มแนะนำ
"ส่วนผู้ชายสุดหล่อสองคนนี้ คือ ด็อกเตอร์ทวี ผอ. เขตการศึกษา ส่วนท่านนี้ก็คุณนพ รองผอ. น่ะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณชม" ด็อกเตอร์ทวีเป็นคนเอ่ยปากทักทายขึ้นมา
"ยินดีเช่นกันค่ะ" ชมธีราจำต้องเอ่ยตามมารยาท ปกติเธอไม่ค่อยคบหาคนมีตำแหน่งเท่าไหร่ เพราะรู้สึกไม่เป็นตัวเองและต้องคอยปั้นหน้าตลอด
"คุณสอนวิชาอะไรเหรอครับ" เขาถามออกมาอย่างหยั่งเชิง
"ประวัติศาตร์ค่ะ" ตอบออกไปแค่นั้นด้วยความสุภาพ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะน้อยๆ จากเขา
"มีอะไรรึเปล่าคะ" ก็มันน่าหงุดหงิดที่เขาดันหัวเราะเรื่องอาชีพของเธอ
"ป เปล่าครับ" เชาบอกออกมาพร้อมกับส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้
"เอาน่าไม่มีอะไรหรอกชม สั่งอาหารกันเถอะ" ก็เพื่อนดันมีน้ำโห เธอจึงช่วยพาเปลี่ยนเรื่อง
"แล้ว นอกจากวิชาประวัติศาตร์ที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อสำหรับเด็กๆ คุณมีอะไรน่าสนใจบ้างครับ" คำถามที่ค่อยข้างจะดูถูกกันออกมาจากปากเขาอีกครั้ง
"เพื่อนฉันเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองค่ะท่าน เห็นแบบนี้ดุมากเลยนะคะ เด็กๆ กลัวกันหัวหดเลยล่ะค่ะ"
"แสดงว่างานที่โรงเรียนคงจะเก่งมากเลยใช่มั้ยครับเนี่ย ดีจริงๆ ที่ได่เจอคนที่ทุ่มเทแบบคุณ"
"ไม่ใช่แค่งานโรงเรียนนะคะ งานบ้านก็เป็นเลิศค่ะ เพื่อนฉันน่ะเป็นผู้หญิงเก่งค่ะ" วิกานดาช่วยสุดตัว ด้วยการโฆษณาเพื่อนโดยไม่คำนึงถึงอารมณ์ของชมธีรา ที่ตอนนี้กำหมัดแน่นเพราะกำลังข่มอารมณ์ตัวเอง
"จริงเหรอครับ งั้นก็เหมาะกับคนอย่างผมเลย คุณกับผมเก่งงานนอกบ้านเหมือนกัน ส่วนงานในบ้านเราก็แบ่งกันทำ คุณทำอาหาร ส่วนผมก็จัดการเรื่องงานช่าง เอาเป็นว่าถึงคุณจะเป็นผู้หญิงเก่งแค่ไหน ยังไงก็พึ่งพาผู้ชายอย่างผมอยู่ดี" เขาดูพูดจาเป็นตุเป็นตะจนน่าหมั่นไส้
"ไม่เหมาะหรอกค่ะ เพราะฉันมีสามีแล้ว"
"ว่าไงนะครับ ไหนคุณบอกว่าเพื่อนคุณโสดไง" เขาหันมาแว้ดใส่วิกานดาทันที
"เอ่อ คือ คือ"
"ฉันกับสามียังไม่ได้หย่ากันค่ะ" พูดแค่นั้นก่อนจะยอมเป็นคนเสียมารยาทลุกขึ้นจากโต๊ะ
"ฉันกลับก่อนนะกาน" หันไปบอกเพื่อน และเดินห่างออกไป แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินกลับมาที่โต๊ะ
"ฉันจะบอกให้นะคะ ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะต้องการผู้ชาย และงานช่างก็ไม่ได้มีแค่ผู้ชายที่ทำเป็น อย่ามั่นใจนักเลยเพราะแค่ผ้าเช็ดปากคุณยังวางผิดตำแหน่งเลย" ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจ้ำอ้าวห่างออกมา ซึ่งมันก็ทำให้คนฟังหน้าเสีย เรียกได้ว่าตัวเขาค่อนข้างจะหัวโบราณ แม้จะรู้เรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารแต่ก็ละทิ้งไป รวมถึงวิธีการวางใช้ผ้าเช็ดปาก
ชมธีรากลับมาถึงบ้านในเวลาสามทุ่มครึ่งด้วยความหัวเสีย เพราะยังไม่หายโกรธเพื่อนสนิท เหนือสิ่งอื่นใดคือผู้ชายคนนั้น ที่จงใจพูดจาดูถูกกันทั้งเรื่องหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัว
เธอทิ้งร่างลงบนโซฟาเพื่อต้องการจะพักกาย พร้อมกับหยิบแหวนแต่งงานในกระเป๋าออกมาสวมกลับเข้ามาที่นิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองดังเดิม พร้อมกับยื่นมือไปด้านหน้าตัวและจ้องมองมันอยู่แบบนั้น
แต่สักพักก็ต้องละความสนใจ เพราะเสียงโทรศัพท์
"ฮัลโหล"
"กี้เพิ่งซื้อเตาอบมาใหม่ค่ะ พยายามจะเอาไก่เข้าหลายรอบแล้ว แต่มันมีบางส่วนที่สุก ส่วนที่เหลือยังดิบ ควรทำยังไงดีคะ"
"โอ้.. น่าจะเป็นที่อุณหภูมินะ ลองปรับไปจนสุดสิ"
"ลองแล้วค่ะ ตัวก่อนหน้าด้านนอกไหม้เกรียม ส่วนด้านในแดงแจ๋ ตัดกินแต่ส่วนที่สุกได้มั้ยคะ"
น้ำเสียงของปลายสายเรียกรอยยิ้มให้ชมธีราในยามนี้
"อย่าทำแบบนั้นเชียวนะ"
"งั้น.. คุณผู้หญิงช่วยกรุณามาดูให้หน่อยได้มั้ยคะ ตั้งแต่เที่ยงยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยค่ะ"
"อืม ได้สิ" เอ่ยออกมาก่อนจะกดวางสาย และขยับลุกออกจากโซฟา พร้อมกับไม่ลืมสวมเสื้อคลุม และหยิบร่มติดมือไปด้วย ก็เวลานี้ฝนเริ่มลงเม็ด
ไม่ใช่แค่กีรดาที่หิวแต่ชมธีราก็ไม่ต่าง อาหารง่ายๆ เพียงเอาเข้าไมโครเวฟจึงสามารถเอามารองท้องแทนไก่อบได้ในเวลานี้
ซึ่งหลังจากมื้อค่ำจบลงพวกเธอก็ไม่ได้ลุกออกห่างโต๊ะอาหาร เอาแต่นั่งคุยกันต่อ พร้อมกับแอลกอฮอลในแก้วที่เจ้าของบ้านบรรจงรินให้คุณผู้หญิงข้างบ้านไม่หยุด
"แล้วทำไม ตอนเที่ยงไม่กินข้าวล่ะ"
"คือกี้ต้องไปถ่ายงาน กลัวพุงออกน่ะค่ะ"
"อ๋อ" คนฟังเพียงพยักหน้าน้อยๆ ให้ แสดงออกว่าเข้าใจ แต่เธอไม่รู้อะไรเลยสักนิด
"แล้วคุณผู้หญิงไปไหนมาเหรอคะ กลับดึกจัง"
"เดทน่ะ แต่.. ไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
และเพราะเห็นว่าคนฟังนิ่งเงียบไป ชมธีราจึงช่วยขยายความ
"วิกานดา เพื่อนคนนั้นที่กี้เคยเจอ อยากให้ฉันลืมสามี เลยจัดนัดกระชับมิตรให้น่ะ แต่ดูเหมือนจะแตกหักมากกว่า"
"ทำไมล่ะคะ ผู้ชายคนนั้น พุงโย้ หนวดเฟิ้ม เคี้ยวข้าวเสียงดังหรือเปล่า" แสร้งถามออกมาอย่างหยั่งเชิง เพราะอยากจะรู้เรื่องของคนตรงหน้า
ซึ่งมันก็เรียกเสียงหัวเราะน้อยๆ ออกมาจากลำคอของคนฟัง
"ไม่หรอก รูปร่างหน้าตาเขาดีมาก และปากก็ดีมากเหมือนกัน" บอกออกมาทีเล่นทีจริง พร้อมกับท่านั่งที่สบายขึ้น คงจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลที่ทำให้เผลอแสดงมุมนั่นออกมา
"โชคดีจัง ที่มีคุณเป็นเพื่อนบ้าน" กีรดาเอ่ยออกมา พร้อมกับส่งสายตาหวานเชื่อมให้แบบที่ไม่ละสายตา คนฟังได้แต่ส่งยิ้มให้ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ
เงียบจนชมธีรารู้สึกได้ จึงเอ่ยออกมาบ้างอย่างไม่ถือสา
"อะไร" นั่นเพราะคนตรงข้ามเอาแต่จ้องมองใบหน้าเธอแบบไม่วางตา
"คุณผู้หญิงสวยมากเลยนะคะ รู้ตัวมั้ย"
"พูดเป็นเล่น ฉันแก่แล้วนะไม่สวยหรอก" บอกก่อนจะเสมองไปทางอื่น
"ไม่ค่ะ ทั้งสวย หุ่นดี แบบที่ละสายตาไม่ได้" กีรดาพูดออกมาโดยที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าชมธีราแบบที่บอกจริงๆ
คนฟังรู้ดีว่าคำพูดแบบนี้กีรดาจะสื่อถึงอะไร เธอจึงรีบลุกขึ้นทันทีโดยไม่คิดสบตา และเดินห่างออกไปหยิบเสื้อคลุมของตนเอง แต่เมื่อหันมาก็ชนเข้ากับร่างของกีรดาที่ยืนชิดเธอไม่ห่าง พร้อมกับยื่นมือมาจับเสื้อคลุมเธอไว้ด้วย
"วันนี้คุณผู้หญิงสวยมากเลยนะคะ"
"กี้" เรียกชื่อคนตรงหน้าโดยไม่คิดสบตา เธอแค่ต้องการจะปราม แต่ก็เหมือนจะไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้เธอถูกดันร่างให้ชิดติดผนัง
แถมใบหน้าก็ติดชิดแบบที่ได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ชมธีราทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหนี
"จูบกี้สิคะ"
"ไม่ได้ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้"
ก็หากคุณผู้หญิงทำไม่ได้กีรดาก็ขอเป็นฝ่ายเล้าโลมเองด้วยการลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วทั้งตัวชมธีรา พร้อมกับพรมจูบที่พวงแก้มของคนตรงหน้าอีก ก่อนจะหยุดและกระซิบบอกข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"เมื่อเช้าคุณแอบดูกี้ที่หน้าต่าง ตอนนี้ขอกี้ดูคุณผู้หญิงบ้างนะคะ"