“ตามสบายเลยนะโม พี่ต้องไปรับแขกก่อน”
“ค่ะพี่พัน” โมรินรับคำเสียงเบา รู้สึกเหมือนโดนทิ้ง เพราะแทนที่เขาจะแนะนำให้เธอได้รู้จักกับมารดาของเขา และพาเธอไปด้วย แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
“หนูรีตามพี่เขาไปรับแขกสิลูก เรารู้จักลุง ๆ ป้า ๆ และเพื่อน ๆ ของพี่เขานี่นา” ประโยคของพิมพ์ประภาทำให้วารีรีบเอ่ยขึ้น
“ให้โมไปก็ได้ค่ะ เพราะว่าโมก็สนิทกับพี่พันเหมือนกัน” โมรินใจชื่นขึ้นมาหน่อย เพราะว่าอย่างน้อยการได้อยู่กับพันไมล์ก็หายอึดอัดกว่าอยู่กับบรรดาเพื่อนๆ ของมารดาวารีเป็นไหน ๆ แม้ไม่ได้พูดตรงๆ แต่สายตาจิกกัดนั้นก็ทำให้เธออึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
“คืนนี้น้องโมสวยมากเลยนะครับ” พันไมล์เดินมาพร้อมกับโมรินตามคำขอของวารี เขาจึงหันมาเอ่ยชมเธอแล้วอมยิ้ม
“นึกว่าจะไม่เห็นเสียแล้ว” เธอพูดอย่างน้อยใจนิด ๆ
“ทำไมจะไม่เห็นล่ะครับ สวยออกขนาดนี้” พันไมล์พาโมรินเดินไปทักทายแขกเหรื่อในงาน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ญาติๆ คู่ค้าทางธุรกิจของเขา และเศรษฐีมีเงินที่ชอบภาพวาดของพันไมล์
ในงานวันนี้พันไมล์ได้นำภาพวาดชุดใหญ่ออกมาจัดแสดงด้วย ทำให้หลายคนตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
“คืนนี้พี่พันดูดีมากๆ เลยนะคะ” เธออดที่จะเอ่ยชมเขาไม่ได้ มองเขาด้วยสายตาชื่นชม
“ขอบคุณครับ” พันไมล์ยิ้มรับ ก่อนที่เขาจะเดินไปคุยกับแขกเหรื่อ ในขณะที่โมรินเดินตามเขาไม่ทัน เลยโดนทิ้งเอาไว้กลางทาง เธอรู้สึกเคว้งไปหมด เดินกลับไปที่กล่องของขวัญก็เยอะแยะมากมายไปหมด จนไม่รู้ว่ากล่องของขวัญของตัวเองอยู่ที่ไหน
“หาอะไรอยู่จ๊ะโม” ประโยคคำถามนั้นทำให้โมรินสะดุ้ง หันขวับไปมองก็พบว่าเป็นวารี
“ปะ... เปล่าจ้ะ” โมรินรีบปฏิเสธ กัดปากสีหน้าเป็นกังวลอีกครั้ง
“แล้วพี่พันไปไหนแล้วล่ะจ๊ะนี่ ทิ้งโมเอาไว้คนเดียว”
“ไปรับแขกน่ะจ้ะ” โมรินหน้าจ๋อย ในขณะที่วารีเหยียดยิ้ม แต่พอโมรินหันมามอง กลับยิ้มหวานใส่
“พี่พันนี่น่าตีจริงๆ เลย ทิ้งโม”
“ไม่ได้ทิ้งหรอก แต่โมคุยไม่เก่ง แถมไม่รู้เรื่องธุรกิจอะไรเลย เข้าไปคุยกับเพื่อนๆ ของพี่พันก็เหมือนส่วนเกิน เขาคุยอะไรกันก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง เขาถามก็ยังตอบไม่ถูก น่าอายจะตายไป” คนพูดกัดปากตัวเองเบา ๆ ในเวลานี้โมรินรู้สึกว่าอยู่คนละโลกกับพันไมล์ เขาเป็นอีกคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวไปนั่งกับรีก็แล้วกัน”
“จ้ะ” โมรินฝืนยิ้ม เดินตามเพื่อนรักที่กุมมือเอาไว้ พาไปนั่งด้วยกันอย่างเกร็งๆ แม้แต่กลืนน้ำลายก็รู้สึกว่าลำบากยากเย็นเหลือเกินในตอนนี้
“ในค่ำคืนนี้ผมขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมอวยพรวันเกิดของผม คืนนี้ผมมีเรื่องสำคัญที่จะแจ้งให้ทุกคนได้รับทราบด้วยครับ” เสียงน่าฟังของพันไมล์ที่อยู่บนเวทีทำให้หลายคนนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
“ผมจะสละโสดครับ” แล้วเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น หัวใจของโมรินแทบหยุดเต้นเมื่อเขาหันมามองที่โต๊ะของเธอ
เธอนั่งอยู่กับวารีที่โต๊ะหน้าเวที หลังจากที่เดินไปทักทายแขกเหรื่อ พันไมล์ก็ทิ้งเธอเอาไว้กลางอากาศ ก่อนที่เขาจะขึ้นไปพูดขอบคุณแขกเหรื่อบนเวที
“และผู้หญิงคนนั้นก็คือผู้หญิงที่ผมรัก เราดูแลกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย” ประโยคของเขาทำให้โมรินใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยิ่งตอนที่พันไมล์เดินลงมาจากเวที คุกเข่าลงตรงหน้าของวารีเพื่อนสนิทของเธอ โมรินก็รู้สึกช็อก หน้าชาตัวชาไปหมด หัวใจของเธอคล้ายจะหยุดเต้น
เขาหยิบแหวนเพชรน้ำงามที่ไปเลือกซื้อกับเธอขึ้นมา ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าของวารี
โมรินลุกขึ้น เธอส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลรินอย่างหักห้ามใจไม่อยู่
ไม่จริง!!! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเธอเลย สนใจแค่พันไมล์กับวารีที่มองกันด้วยสายตาหวานซึ้ง
“แต่งงานกับพี่นะครับคนดี พี่รักเธอวารี” เขามองเธอด้วยสายตาหวานซึ้ง คุกเข่าขอเธอแต่งงานด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสุดแสนโรแมนติก
ทุกคนในงานมองกันอย่างลุ้นๆ ว่าวารีจะตอบตกลงแต่งงานกับพันไมล์ไหม
“พี่พัน... ค่ะ รีจะแต่งงานกับพี่พัน” วารียื่นมือให้เขาสวมแหวนให้อย่างยินยอมพร้อมใจ ยิ้มอ่อนหวานให้เขา
หัวใจของวารีเต้นแรง ฟูฟ่องเหมือนลูกโป่งที่ลอยละลิ่วอยู่บนท้องฟ้ากว้าง
เธอรอวันนี้มาทั้งชีวิต วันที่เธอจะได้เป็นภรรยาที่เขาเห็นคุณค่าและคุกเข่าขอแต่งงาน วารีรู้สึกว่าตัวเองฝันไป ไม่คิดว่าพันไมล์จะเซอร์ไพร้ส์ขอเธอแต่งงานในคืนวันเกิดของเขา
พันไมล์ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่สวมแหวนให้วารี เขาจุมพิตหลังมือของเธอเบาๆ ทำให้วารีมีท่าทีเขินอาย คนในงานต่างตบมือยินดีให้คนทั้งสอง หน้าตาชื่นมื่นมีความสุขเป็นที่สุด
โมรินแทบสิ้นสติ เธอร้องไห้ออกมาเพราะห้ามไม่อยู่ นั่นทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน
“พี่พันทำแบบนี้ได้ยังไงกันคะ”
“ทำอะไร” พันไมล์เอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ทำให้โมรักแล้วพี่กลับมาขอวารีแต่งงาน”
“พี่กับวารีเรารู้จักกันมาตั้งนานานแล้ว และผู้ใหญ่ก็หมายมั่นปั้นมือให้เราแต่งงานกันตั้งแต่เด็ก ๆ”
“แล้วโมล่ะคะ พี่พันเอาโมไปทิ้งไว้ที่ไหน”
“เธอนี่มันยังไงกัน ตอนแรกฉันคิดว่าเธอมางานนี้เพราะเป็นเพื่อนของวารีเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มาโวยวายจะให้ลูกชายของฉันรับผิดชอบล่ะ” สายตาและคำพูดดูถูกของคุณพิมพ์ประภาทำให้โมรินหน้าชา
“พี่พันหลอกโมเหรอคะ โมเป็นของพี่แล้ว ทำไมพี่พันหลอกโมแบบนี้ ฮือ ๆ” โมรินตรงเข้าทุบตีพันไมล์ด้วยความเสียใจ
“นี่หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” พันไมล์ผลักร่างของโมรินออกห่างด้วยท่าทีรังเกียจ โมรินกัดปากข่มกลั้นความเสียใจเอาไว้ แต่มันก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน ไหล่ของเธอไหวสะท้านด้วยความรู้สึกอดสู หัวใจโซมเลือดโซมหนอง เจ็บปวดรวดเร็วเหมือนโดนเข็มทิ่มตำจนพรุนไม่เหลือชิ้นดี
หัวใจของเธอโดนเหยียบย่ำจากเงื้อมือของคนรักกับเพื่อนรักไม่เหลือชิ้นดี
“ถามจริงๆ เคยรักโมบ้างไหม” โมรินเอ่ยถามพลางถอนสะอื้น หลังจากตั้งสติได้ เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
เธอผิดอะไรเหรอ ทำไมเขาถึงทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้ เธอรักเขานั่นคือเรื่องจริง แต่เขาสิ เคยรักเธอบ้างไหม
“มานี่เลย” พันไมล์ลากโมรินออกมาคุยกันแค่สองคน หลังจากผลักร่างของเธอจนเซ
“พูดแบบนั้นได้ยังไง ไม่กลัวคนอื่นดูถูกเอาหรือไง” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม มองเธออย่างรังเกียจ
“ไหนพี่บอกว่ารักโมไง”
“ก็แค่เล่น ๆ ผู้หญิงใจง่ายแบบเธอ ใครจะเอามาเป็นเมียจริง ๆ”
“พี่พันแอบคบกับวารีมานานแล้วเหรอคะ” โมรินเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำตานองหน้า รู้สึกเหมือนตัวเองโง่งมเสียเหลือเกิน ปากคอของเธอสั่นระริก รู้สึกเหมือนจะอาเจียนกับความจริงที่ได้รับรู้
เธอเสียใจจนแทบครองสติไม่อยู่ อาจเพราะพันไมล์กับวารีดีมาก ดีกับเธอมากๆ เธอจึงตั้งตัวไม่ทันเมื่อรู้ว่าคนดี ๆ ทั้งสองที่แท้เลวทรามต่ำช้าถึงเพียงนี้
“พี่ไม่ได้แอบคบ แต่พี่รู้จักกับวารีมานานแล้ว เธอเองต่างหากมาทีหลัง” เจ็บจุกไปถึงขั้วหัวใจเมื่อได้ยินประโยคของเขา
ใช่! เขากับวารีรู้จักกันมานานแล้ว เธอเองต่างหากมาทีหลัง แถมยังหลงคิดไปว่าเขารักเธอเสียเหลือเกิน
“โมถามพี่หน่อยได้ไหมคะว่าพี่เคยรักโมบ้างไหม” เธอถามย้ำประโยคเดิม แค่อยากรู้ว่าเขาเคยรักเธอบ้างไหม ถึงได้ทำกับเธอแบบนี้