“รู้ได้ไงว่าใจดี”
“หนูได้ยินลูกน้องของคุณภูเขาพูดน่ะค่ะ เอ่ยชมหลายเรื่อง คุณภูเขา ช่วยคนงานเอาไว้ ลูกหลานคนงานก็ส่งเสียให้เรียนด้วยค่ะ จะหาเจ้านายดีๆ แบบนี้ยากนะคะ”
“จ้ะ เขาเป็นคนดี”
“ค่ะ” กานพลูยิ้มให้ผู้มีพระคุณ
“กานพลู”
“คะ คุณท่าน”
“ชอบหลานชายฉันไหม”
“คะ เอ่อ... คุณท่านถามว่าอะไรนะคะ”
“เอาเถอะๆ ฉันอยากจะบอกว่าเธอเป็นคนดีมีน้ำใจ เรียบร้อยและน่ารัก ฉันอยากให้ภูเขามีภรรยาน่ารักแบบเธอ ก็แค่นั้นแหละ ฉันคงจะพูดมากไปแล้ว ภูเขาจะมีภรรยาแบบไหน สุดแต่เขาแล้วกัน เธอเองยังเด็ก อายุเพียง 19 ควรจะตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่าคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉันแก่แล้ว เมื่อก่อนเขาแต่งงานกันเร็ว ผู้ใหญ่หาให้” ท่านถอนใจและไม่พูดอะไรอีก กานพลูว่าท่านพูดแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้เอ่ยถามอะไรเลย
ทัศกรแนะนำให้คนเป็นย่าได้รู้จักกับแฟนสาวที่คบหาดูใจกันอยู่ แขนภาไหว้คุณหญิงย่าของแฟนหนุ่มอย่างอ่อนช้อย ตอนเดินเข้ามาเธอเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ก็นึกดีใจที่ทัศกรจะได้มรดกอีกมากมายนอกจากไร่กลีบเมฆ ที่เขาดูแลอยู่ เรียกว่าเขาคงกลายเป็นเศรษฐีที่รวยมาก และอายุน้อยที่สุดในประเทศกระมัง
“แฟนของภูเขาหน้าตาน่ารักเชียว”
“แขนภา... เขาคบกับผมตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับคุณหญิงย่า เราคิดว่าจะแต่งงานกันในอนาคตอันใกล้”
“ดีสิ แต่งงานเสียตั้งแต่ตอนนี้จะได้มีเหลนให้ย่าอุ้มตอนแก่ๆ ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ รู้สึกดีเหลือเกิน” คุณหญิงช่อทิพย์ไม่ได้นึกรังเกียจว่าที่หลานสะใภ้ จะเป็นใครมาจากไหน ขอแค่ให้หลานชายรักก็เพียงพอแล้ว เพราะยังไงเขาสองคนก็อยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่กับท่านเสียหน่อย คิดว่า... ทัศกรคงจะตาแหลมเหมือนพ่อของเขา เลือกผู้หญิงที่ดีมาเป็นคู่ครอง
“แหม... คุณหญิงย่าคะ เรื่องแบบนี้คงต้องให้ฝ่ายชายเขาเอ่ยนะคะ” แขนภาพูดแล้วทำท่าเอียงอาย
“อะแฮ่ม วันนี้คุณหญิงย่าทำอาหารต้อนรับผมเสียเยอะแยะไปหมดเลยครับ น่ากินทั้งนั้นเลย” ทัศกรเปลี่ยนเรื่อง เขายังไม่พร้อมจะมีครอบครัวในตอนนี้ ถึงจะคบกับแขนภาในฐานะคนรัก แต่เขายังไม่ได้มั่นใจอะไรหลายอย่าง อยากจะดูกันไปเรื่อยๆ เรื่องนี้เขาเคยคุยกับแขนภาแล้ว ตั้งแต่คบกันครั้งแรกๆ แต่อย่างไรเขายกให้เธอเป็นที่หนึ่ง เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ คบใครก็คบทีละคน ไม่คบซ้อนหลายคน ถ้าไปกันไม่ได้ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่จะไม่ทำให้ผู้หญิงเสียใจเรื่องที่เขาไปมีคนอื่น หรือเจ้าชู้ไปทั่วอย่างแน่นอน
“แม่กานต์เค้าเป็นคนจัดการทุกอย่าง อาหารน่ากินก็ต้องกินเยอะๆ นะ ทั้งสองคนเลยจ้ะ”
“แม่กานต์อะไรนี่ แม่ครัวเหรอคะคุณหญิงย่า”
“ไม่ใช่จ้ะ แม่กานต์น่ะเด็กในบ้านของย่าเอง พูดถึงก็มาเลย” คุณหญิงช่อทิพย์บุ้ยใบ้ไปทางเด็กสาวในอุปการะที่เดินมาหาด้วยกิริยาเรียบร้อย แขนภาเห็นเข้าก็นึกไม่ชอบนัก เพราะอีกฝ่ายทั้งสวยทั้งน่ารัก หน้าตาจิ้มลิ้ม เห็นทัศกรหันไปยิ้มด้วยก็ยิ่งขวางหูขวางตาเสียนัก
“คุณท่านขาดเหลืออะไร หรือต้องการอะไรอีกไหมคะ หนูจะได้จัดการให้”
“ฉันไม่ต้องการอะไรแล้ว เราน่ะเหนื่อยมาทั้งวัน เตรียมโน่นเตรียมนี่ มานั่งกินข้าวด้วยกันดีกว่า” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยชวนเด็กสาวในอุปการะ เพราะเห็นว่าอาหารเยอะแยะ กินกันแค่สามคน คงไม่หมด ปกติท่านก็กินข้าวกับกานพลูอยู่แล้ว เพราะนั่งทานคนเดียวมันเหงา ก็มีกานพลูนี่แหละที่คอยเป็นเพื่อนคลายเหงาให้ท่าน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไปทานในครัวกับคนอื่นๆ ดีกว่า ขอแค่ยืนรับใช้อยู่แถวๆ นี้เผื่อทุกคนต้องการอะไร”
“รอไปทานในครัวก็หิวแย่ อาหารเยอะแยะ” คุณหญิงช่อทิพย์รู้ดีว่ากานพลูปฏิเสธเพราะเห็นว่ามีแขก เพราะหากมีแขก เด็กสาวมักจะเลี่ยง แต่จะคอยรับใช้แทน
“จริงด้วยครับคุณย่า อาหารเยอะแยะ มากินด้วยกันดีกว่า” ทัศกรเห็นด้วย
“ย่าเองแหละ สั่งให้ทำหลายอย่าง ไม่รู้ภูเขาชอบอะไรบ้าง กลัวจะไม่ถูกปาก”
“ถูกปากทุกอย่างเลยครับ เด็กของคุณหญิงย่าทำอาหารอร่อยเชียว”
“แหม... ที่นี่ดีจังเลยนะคะ ให้คนรับใช้หรือเด็กในบ้านร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วย” แขนภาพูดขึ้นบ้าง ไม่ค่อยถูกชะตากับกานพลูสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็เอาแต่ชวน ยายเด็กนั่นก็เอาแต่เล่นตัว เห็นแล้วขัดลูกหูลูกตาชะมัด
“แม่กานต์เขาไม่ใช่คนใช้ และย่าก็เอ็นดูเขาเหมือนลูกหลานจ้ะแม่แข” คุณหญิงช่อทิพย์เริ่มไม่ค่อยชอบการพูดการจาของแขนภาสักเท่าไหร่ พูดจาเหยียดคนอื่น พูดกับท่านก็พยายามเอาอกเอาใจจนเกินเหตุ ดูเหมือนปรุงแต่งมากกว่าจะเป็นนิสัยที่แท้จริง ท่านนึกไปถึงมณีนิล ลูกสะใภ้ที่ท่านไม่ชอบแต่แรก ตอนทศพลพามณีนิลมากราบ อีกฝ่ายสุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ พูดจาอ่อนโยนแต่ดูจริงใจ ไม่เหมือนกับแขนภา ที่ดูชอบกลเสียเหลือเกิน แต่เพราะเวลานั้น ท่านไม่ชอบคนไร้สกุลรุนชาติ และคิดว่าชาลินีเหมาะสมคู่ควรกับบุตรชายที่สุด จึงตั้งแต่แง่รังเกียจ
“แหม... ก็เค้าไม่อยากจะนั่งร่วมโต๊ะกับเรานี่คะคุณหญิงย่า”
“มาสิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ไม่ดีนะ” ทัศกรหันไปพูดกับกานพลูคล้ายดุ และเหมือนจะตัดปัญหาการโต้เถียงเล็กๆ นั้นด้วย หญิงสาวจึงเดินไปทรุดนั่งข้างๆ ทัศกร เพราะเขานั่งตรงข้ามกับแขนภา และคุณหญิงช่อทิพย์นั่งตรงหัวโต๊ะ ประมุขใหญ่ของบ้านอมยิ้ม ก่อนจะเรียกให้เด็กเอาจานมาเพิ่ม
กานพลูรู้สึกว่าใจของเธอเต้นแรงอย่างประหลาดเมื่อได้นั่งใกล้ๆ กับทัศกร กลิ่นกายของเขาแตะจมูกเธอ หญิงสาวรู้สึกว่ามือไม้แข้งขาจับอะไรไม่ถูกไปเสียหมด
นี่นะเหรอ การแอบชอบใครสักคน...
“อาหารถูกปากไหมภูเขา” คุณหญิงช่อทิพย์เอ่ยถามหลานชายอย่างใส่ใจ
“อาหารอร่อยมากๆ เลยครับคุณหญิงย่า เด็กของคุณหญิงย่าเก่งนะครับ ทำอาหารมากมายขนาดนี้” เขานึกทึ่งฝีมือการทำอาหารของกานพลู หน้าตาอาหารน่าทาน ทั้งยังอร่อย กลิ่นหอมนั้นไม่ต้องพูดถึง มีกลิ่นเฉพาะบ่งบอกถึงวัตถุดิบที่ใช้ว่าล้วนเป็นวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี
“เด็กคนนี้ย่าเลี้ยงมากับมือ แม่กานต์น่ะเค้าชอบทำอาหาร แล้วแม่แขล่ะ ชอบทำอาหารหรือเปล่า” คุณหญิงช่อทิพย์หันไปถามว่าที่หลานสะใภ้
“แหม... แขไม่ค่อยมีเวลาหรอกค่ะ ต้องทำงานนอกบ้าน กานพลูเขาไม่ได้ทำงานทำการอะไร ก็ว่างทำงานก้นครัวหรือกวาดบ้านถูบ้านอยู่แล้วแหละค่ะ”
“ใครบอกกันจ๊ะ แม่กานต์น่ะเขาเป็นเลขาของย่าด้วยนะ เขาช่วยทำงานที่บริษัท เรื่องอาหารน่ะเขาชอบเป็นพิเศษก็เลยทำให้ย่ากิน ไม่ใช่เขาเอาแต่หมกอยู่แต่ก้นครัวเหมือนแม่แขว่าเสียหน่อย” คุณช่อทิพย์พูดยิ้มๆ แต่สายตานั้นประเมินว่าที่หลานสะใภ้อยู่ในใจ
“อ้อ... เหรอคะ” แขนภาหน้าเหวอ ไม่คิดว่าหน้าตาจืดๆ ชืดๆ ไร้รสนิยมแบบนี้จะทำงานนอกบ้านกับเค้าด้วย
“แต่ย่าก็เข้าใจนะ ผู้หญิงสมัยนี้เก่งกาจไม่แพ้ผู้ชาย ทำงานนอกบ้านยิ่งกว่าผู้ชายก็มี ไม่มีเวลาทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แค่มีเงินอยากจะซื้ออะไรอร่อยๆ ทานก็สั่งได้เลยเหมือนใจนึก” คุณหญิงช่อทิพย์พูดเหน็บว่าที่หลานสะใภ้ แต่แขนภาคิดว่าเป็นการเอ่ยชม จึงรีบพูดสนับสนุนคำพูดนั้น
“จริงค่ะคุณหญิงย่า เดี๋ยวนี้ร้านอาหารดังๆ ในประเทศไทยมีหลายร้าน ไม่เห็นต้องมานั่งทำให้เหนื่อยเลยค่ะ ซื้อกินเอาสะดวกกว่า เอาเวลาไปทำงานหรือดูแลธุรกิจดีกว่า”
“ย่าก็ว่าอย่างนั้น สมัยย่าน่ะเสน่ห์ปลายจวักสำคัญมากสำหรับผู้หญิง สามีรักสามีหลง แต่เมื่อก่อนผู้หญิงไม่ค่อยทำงานนอกบ้านกัน เดี๋ยวนี้ทำงานนอกบ้านไม่มีเวลาให้กันก็มีปัญหามากมาย แต่คนเขาก็ไม่ค่อยคิดกันหรอกนะ ให้เหตุผลว่าเข้ากันไม่ได้ เลิกกันก็จบ ทางใครทางมันเสียมากมาย เมื่อก่อนจะจีบกันสักทีต้องเขียนจดหมายถึงกัน มีความพยายามกันเหลือเกิน เดี๋ยวนี้จะจีบกัน คุยกันครั้งสองครั้งก็นัดเจอกัน ไปกันไม่รอดก็เลิก เลิกกันง่ายเหลือเกิน”