ลมหายใจเธอติดขัด ร่างกายหนักอึ้ง เปลือกตากะพริบถี่ๆ พยายามควบคุมสติตนเองไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปไกล แต่ดูเหมือนไม่ได้ผล มือของดีแลนป้วนเปี้ยนอยู่ที่เอว เขาทำท่าเหมือนจะถอดกางเกงชิ้นล่างด้วย อบเชยถึงกับลืมหายใจ เมื่อเผลอตัวตามเกมของดีแลน เธอแนบใบหน้ากับกระจก เผลอตัวแง้มชายผ้าม่านให้กว้างขึ้น จนแสงไฟฟ้าส่องกระทบ
ดีแลนมองเห็นปลายจมูกของอบเชยเป็นสิ่งแรก หล่อนจ้องมองเขาตาแทบถลน
ใบหน้ากลมแป้นนั่น แนบติดบานหน้าต่าง และหากไม่มีกระจกกั้น ตัวอบเชยคงทะลุออกมาด้านนอกแล้ว
สายตาสองคู่สบกันกลางอากาศ
ชายหนุ่มหัวเราะดังพรืด มือที่เกาะเกี่ยวเอวกางเกงตกลง
อบเชยสะดุ้ง! รีบหดหน้ากลับ ตลบชายผ้าม่านปิดไว้เหมือนเดิม พร้อมกับบ่นอุบ “คุณดี แกล้งเชย!”
หญิงสาวทิ้งตัวลงนอน รีบตลบผ้าห่มขึ้นปิดใบหน้า อยากจะกรีดร้องดังๆ ที่ตนเองไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเจ้าเล่ห์ เขาจงใจยั่วเธอ แต่ว่า...ดีแลนมองเห็นเธอหรือเปล่านะ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอแอบมอง
“ยัยเชย ยัยบ้า ทีนี้จะมองหน้าคุณดียังไงล่ะ?!!”
หญิงสาวบ่นเสียงออดแอด...ใบหน้าร้อนวาบๆ
ดีแลนทิ้งตัวลงนั่ง เขาหัวเราะจนท้องแข็ง ปรารถนากับเดวิดเลยชะโงกหน้าออกมามอง “ดีแลนเป็นอะไรไปลูก?”
ทายาทเพียงคนเดียวของหวังหันไปยิ้มให้ เขายืดตัวลุกขึ้นยืน ปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม “เปล่าครับ แค่ขำอะไรบางอย่างเฉยๆ”
สองผู้เฒ่าหันมองหน้ากัน ไม่เข้าใจบุตรชายสักนิด แต่คงง้างปากบุตรชายไม่ได้ง่ายๆ
“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า” เดวิดบอกบุตรชาย
พรุ่งนี้เป็นภารกิจใหญ่ ท่านกับภรรยาต้องเดินทางแต่เช้า เป็นการทำทานครั้งใหญ่ ที่สองผู้เฒ่าหวังทำมานานหลายปี การให้โอกาสผู้อื่นคือทานอันยิ่งใหญ่
“ถ้าผมตื่นไม่ทัน แม่อย่าลืมให้ใครมาปลุกด้วยนะครับ ผมจะขับรถไปเอง” ดีแลนแก้ปัญหาเฉพาะไว้ล่วงหน้า เขามีแผนบางอย่าง และแผนสนุกๆ นั่นดีแลนไม่อยากพลาด
“เอางั้นเหรอ?”
“ครับ”
“ตามใจ...” สองสามี ภรรยาหมดความสนใจบุตรชาย พวกเขาเดินกลับเข้าไปในห้อง ยังมีอีกหลายเรื่องต้องเตรียมการไว้ สำหรับวันพรุ่งนี้
ดีแลนเองก็ล้มเลิกที่จะยั่วยวนอบเชยต่อ เขาเดินเข้าห้อง รูดผ้าม่านปิด และเดินเลยไปอาบน้ำ ขณะที่นั่งแช่น้ำ เสียงหวานๆ ของใครคนหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในสมองอีกครั้ง
‘อย่ายิ้มแบบนี้สิคะ’
ดีแลนชะงัก ชายหนุ่มขมวดคิ้ว...พยายามนึกถึงความทรงจำที่แอบอยู่ในใจลึกๆ ใครคนนั้นพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำ ดีแลนอยากกรอภาพกลับ เขาอยากย้อนไปดูเจ้าของเสียงหวานที่ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น เขาก็ไม่สามารถสลัดเงาดำๆ นั่นออกไปจากหัวใจได้สักครั้ง
เรื่องยิ้ม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดีแลนติดใจ หากไม่สนิทชิดเชื้อ เป็นการยากที่มนุษย์ยิ้มยากอย่างเขาจะยิ้มให้ ยิ่งเป็นสาวให้บริการด้วยแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ตนเองจะยิ้มให้เจ้าหล่อน น้ำเสียงของหล่อนก็เช่นกัน สาวๆ พวกนั้นจริตจะก้านแพรวพราว ไม่มีหรอกที่จะพูดทื่อๆ แต่หวานฉ่ำเบอร์แรงสุด หวานขนาดไหน เล่นเอาคนลืมง่ายอย่างเขา ลืมไม่ลงสักที
“เธอเป็นใครนะ?”
ชายหนุ่มเผลอตัวรำพันออกมา
หลายครั้งหลายหนที่ภาพฝันยามค่ำคืนนั้นย้อนกลับมาใครคิด แต่ก็เป็นแค่เงาวูบวาบ กับเสียงลอยๆ ที่มองไม่เห็นตัวคนพูด ดีแลนเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ ในหัวของเขามีสองเรื่อง ที่ทำลายสมาธิของเขาได้เป็นอย่างดี เรื่องแรกก็คงเกี่ยวกับเด็กสาวข้างบ้าน...ผู้หญิงเชย หน้าโหลๆ แต่เรื่องอบเชยดีแลนชินเสียแล้ว เพราะอบเชยเข้ามาป่วนในใจเขาหลายปีดีดัก แต่สำหรับคนใหม่ที่เข้ามาทำให้เขาวุ่นวายใจนี่สิ…มันเป็นอะไรที่เกินคาด...ผู้หญิงปริศนานั่น ทำให้ความคิดของเขาวุ่นวาย
เรื่องมันผ่านมาเป็นเดือนแล้วนะ...
ทำไมเขาถึงยังไม่ลืมเสียที เขาติดใจอะไรกับแม่สาวคนนั้นอย่างนั้นเหรอ?
“ยัยเชย ช่วยหน่อยสิ” ดีแลนหลุบเปลือกตาลง เขาอยากกำจัดเงาดำๆ ที่ตามหลอกหลอนออกไปให้หมด ทางเดียวที่ช่วยได้ คือดึงเอาอบเชยมาแทนที่ ชายหนุ่มเหยียดขาตรงๆ ตามความยาวของอ่างอาบน้ำกุชชี่ มือแข็งแรงลดลงไปใต้น้ำ วางแหมะที่กลางหน้าขาแข็งแรง และเริ่มบรรเลงเพลงมือ ขับกล่อมตนเองด้วยจินตนาการ
“เชยยยย...” เสียงครางแหบห้าวดังแข่งกับแรงกระเพื่อมของมวลน้ำ
น้ำผสมฟองสบู่กระฉอกหล่นลงบนพื้นเป็นวงกว้าง เมื่อดีแลนออกแรงสุดตัว นำพาตัวเองสู่จุดสูงสุด พร้อมกับเสียงคำรามกึกก้องที่ดังผ่านปากสีเข้มออกมา
ไอรักพุ่งกระฉูด...หลังดีแลนปลดปล่อยตัวเองได้สำเร็จ
เขาเอนหลังพิงขอบอ่างหลับตาลง เพื่อฟื้นกำลังที่เสียไปกลับคืนมา
ชายหนุ่มนอนฝันถึงวันคืนอันแสนสุข ในอนาคตอีกไม่นานนักหรอก เขาจะไม่ต้องทรมานเช่นตอนนี้
ความสุขที่โหยหา จวนเจียนจะถึงเวลาแล้ว...ไม่จำเป็นต้องกักเก็บ ไม่จำเป็นต้องอดกลั้น...หากถึงวันนั้น ดีแลนคงมีความสุขจนบรรยายไม่ถูก
3:00 นาฬิกา ในขณะที่คนอีกมากยังนอนหลับอุตุอยู่บนที่นอนนุ่มๆ อบเชยงัวเงียตื่น หลังนาฬิกาปลุกกรีดร้องเตือน เธอลุกขึ้นนั่ง ยกมือคลึงข้างขมับ สองตายังไม่ลืมขึ้น เมื่อความง่วงยังเกาะหนึบ ติดแน่นอยู่ที่เปลือกตาแต่เพราะภารกิจที่ต้องทำ อบเชยเลยพยายามฝืนลืมตา
“ตื่นๆ” มือเล็กๆ ตบข้างแก้ม วาดปลายเท้าลงจากเตียง ควานมือหายางเส้นเล็ก เพื่อจัดการเก็บผมยาวๆ ที่แผ่กระจายล้อมกรอบหน้า เธอจัดการธุระส่วนตัวเสร็จในเวลาไม่เกินห้านาที อบเชยออกมาอีกครั้ง ครานี้หน้าตาผ่องใสขึ้น เมื่อเธอล้างหน้าล้างตา แปรงฟันเรียบร้อยแล้ว
“มาค่ะ เชยช่วย”
หญิงสาวทรุดนั่งข้างๆ มารดาที่กำลังสาละวนกับการทำขนมหวาน กลิ่นกะทิ กลิ่นน้ำตาลเคี่ยวโชยกรุ่น
เทียนยิ้มให้บุตรสาว ส่งถาดที่มีแป้งกับไส้ให้อบเชยทำต่อ
“เชยปั้นขนมต้มให้คุณหนูเถอะ ปั้นดีๆ ล่ะ เดี๋ยวคุณหนูจะบ่นเอา”
อบเชยย่นจมูก รับถาดจากมารดาโดยไม่พูดอะไรต่อ เทียนตั้งใจทำขนม เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำต่อ นางไม่อยากให้คุณท่านทั้งสองรอนาน สองสาวต่างวัยเร่งมือทำงานของตัวเองจนลุล่วง สามชั่วโมงกับการนั่งหลังขดหลังแข็ง แต่เมื่อขนมสุกพร้อมกัน กลิ่นหอมๆ กับความพร้อมก็ทำให้สองแม่-ลูกใจชื้น
เทียนเก็บถาด กับอุปกรณ์ทั้งหมดเตรียมตัวจะนำไปล้าง
“แม่ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดี๋ยวเชยจัดการพวกนี้เอง”
อบเชยอาสาทำแทน...เทียนเลยพยักหน้าเห็นด้วย นางตื่นก่อนบุตรสาวนานโข
“ล้างหม้อเสร็จ เชยไปอาบน้ำนะ มะพร้าวเดี๋ยวแม่ลงมาขูดเอง เชยต้องเอาขนมต้มไปให้คุณหนูนี่”
เทียนรู้ดี หน้าที่สำคัญของอบเชยที่ห่างหายไปนาน เพราะดีแลนย้ายออกไปอยู่ต่างหาก แต่เมื่อเขากลับมา กิจวัตรเดิมๆ ก็ย้อนกลับมาด้วย
“คนบ้าที่ไหนกินขนมต้มกับกาแฟตอนเช้า สงสัยมีแต่คุณดี”
หญิงสาวบ่นไป ขัดถูก้นหม้อไปด้วย โดยประมาณว่าก้นหม้อคือหน้าของดีแลน
เพราะหากเผชิญหน้ากันจริงๆ มีหรือที่อบเชยจะกล้าแสดงกริยาแบบนั้นกับชายหนุ่ม
สายตาของเขาเหมือนใบมีดโกน มองเธอแต่ละทีเหมือนจงใจมอง มันทำให้เธอหนาวสะท้านจนตัวสั่น เหมือนสายตาของซาตานที่จ้องมองเหยื่อ แต่ถึงอย่างนั้น... อบเชยก็ยังหลงรักดีแลนไม่เคยเปลี่ยน เธอมั่นใจว่า ไม่มีชายคนไหนบนโลกใบนี้มาแทนที่ดีแลนได้ ไม่รู้เพราะอะไรสิ ทั้งๆ ที่เขาเกลียดเธอมากขนาดนี้ เธอก็ยังหลงรักเขา แบบหัวปักหัวปำอยู่ดี
“เธอมันโง่ไง...ยัยเชย”
อบเชยบ่นว่าตัวเอง ความรักที่มีต่อดีแลน มันไม่มีที่มาที่ไป รู้อย่างเดียวเท่านั้น นับตั้งแต่สนใจเพศตรงข้าม สายตาของเธอก็ไล่มองดีแลนเสียแล้ว
ทั้งๆ ที่เขาอายุห่างจากตนเองตั้งหลายปี
ดีแลนเป็นหนุ่มฮอต ตอนที่เธอยังเด็ก เธอคงเป็นเด็กแก่แดด เลยรู้สึกว่าตนเองรักเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นสาวดี
จวบจนปัจจุบัน ความรู้สึกพิเศษนั่นก็ไม่เคยลดลง