บทที่4.3 แม่บ้านคนใหม่

1524 คำ
ปรารถนายิ้มรับ มองสำรวจอบเชย เด็กสาวตรงหน้า เป็นสาวมากขึ้นกว่าทุกปี ท่าทางก็เรียบร้อย คนเป็นแม่อย่างเทียนคงภูมิใจ “อบเชยเรียนปีไหนแล้วล่ะ” นางชวนคุยตามประสาคนรู้จัก “ปีสามแล้วค่ะ เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้วค่ะคุณท่าน” อบเชยทำงานตัวเป็นเกลียว แต่เรื่องการเรียนเธอก็ไม่ทิ้ง หญิงสาวต้องการประสบความสำเร็จทั้งสองทางพร้อมกัน เพื่ออนาคตจะได้แบ่งเบาภาระให้กับมารดา เทียนจะได้ไม่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง ห่อขนมขายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในวันที่อบเชยเรียนจบมีงานทำ เธอจะให้มารดาพัก แต่เทียนคงไม่ยอม ท่านเองก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ แต่คงไม่ต้องหักโหมเหมือนเก่า “เวลาเดินเร็วเหลือเกิน เผลอแปบเดียว เด็กที่ฉันเคยอุ้ม โตเป็นสาวเสียแล้ว แถมสวยด้วยนะ” ปรารถนาสัพยอก ท่านชอบอบเชยเพราะแววตาใสซื่อ ผู้หญิงตรงหน้ามีแต่ความร่าเริง อยู่ใกล้แล้วสบายใจ “ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แม่ชอบว่าเชย ซุมซ่ามเหมือนม้าดีดกะโหลก” “ถ้าดีแลนมองเห็นเหมือนที่ฉันเห็น ฉันคงได้อบเชยมาเป็นลูกสะใภ้นะ” อบเชยอายม้วน แต่เมื่อคิดถึงความจริง สีหน้าหญิงสาวจึงสลดลง ดีแลนคงได้จับเธอโยนออกไปนอกโลก เขาเกลียดเธออย่างกับอะไรดี เธอไม่มีวาสนาขนาดนั้นหรอก ต่อให้เคยมีอะไรกันมาแล้วก็ตาม หลังมารดาชายที่ตนเองแอบรักกลับไปแล้ว อบเชยนั่งคอตก เศร้าจนอยากร้องไห้ บอกใคร ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่งตนเองเคยได้ชิดใกล้ชายผู้นั้น มันเป็นความหลังที่จะถูกฝังกลบไปพร้อมกับเธอ ผู้ชายรอบตัวกลายเป็นหัวมันในสายตาของเธอ เมื่อเธอใฝ่ปองยอดชายที่เหนือผู้ชายคนอื่นๆ ดีแลนคือความสมบูรณ์แบบที่หาใครมาเทียบเคียงไม่ได้ แล้วแบบนี้...อนาคตของเธอ คงไม่แคล้วเปล่าเปลี่ยว แห้งแร้ง เพราะทุกครั้งที่จะเริ่มต้นใหม่ กับชายอื่นที่ไม่ใช่ดีแลน ข้อเปรียบเทียบเป็นร้อยข้อ ผู้ชายพวกนั้นด้อยกว่าดีแลนเป็นร้อยๆ ข้ออบเชยเลยพับกระดาน ล้มเลิกที่จะสานสัมพันธ์ เพราะหากเธอยังสลัดเงาของดีแลนออกไปจากใจไม่ได้ เธอไม่มีวันเริ่มต้นใหม่ กับใครได้เลย ลูกค้า2-3 รายแวะมาซื้อขนมก่อนกลับบ้าน ขนมที่เหลือไม่เยอะเลยหมดลง อบเชยมองห่อขนมใส่ไส้ในถาด ซึ่งเหลืออีกสองห่อ เธอโครงศีรษะ หยิบถาดและขนมที่เหลือ เตรียมเก็บ เมื่อผู้คนที่เดินสวนไปมา บางตาจนแทบจะไม่มีให้เห็น “เชยกินเองก็ได้...เข้าบ้านอาบน้ำนอนดีกว่า” แต่... ถาดในมือของอบเชย ถูกใครบางคนรั้งเอาไว้ มือขาวสะสาด ปลายเล็บกลมมนถูกตัดแต่งอย่างดี ผิวของเขาขาวอมชมพู บอบบางเสียงจนคนทำงานมาทั้งชีวิตรู้สึกอาย ผิวของเขาเรียบเนียน เหมือนคนไม่เคยทำงานหนัก ตัดมามองที่มือตัวเอง อบเชยเลยรีบปล่อย เพราะอายผิวกระด่างกระดำของตนเอง “คุณจะรับขนมนี่เหรอคะ เหลือแค่...” เสียงพูดขาดหาย เมื่อเงยหน้ามอง ลูกค้าคนสุดท้าย ชายที่ถือถาดขนมไว้ และชายคนนี้แหละที่ผิวสวยกว่าตนเอง “คุณดี...” “ทำไม...ฉันอยากกินขนมฝีมือป้าเทียน ไม่ได้หรือไง?” ดีแลนกล่าวเสียงแข็ง มองอบเชยด้วยหางตา “ดะ ได้ค่ะ แต่เหลือแค่นี้นะคะ แม่ไม่อยู่ หากคุณดีอยากเจอแม่ รออีกสักพักแม่ก็คงกลับมาค่ะ” หญิงสาวรีบพูดจนลิ้นพันกัน เธอรับถาดขนมมาจากดีแลน รีบหยิบขนมใส่ถุง ยื่นให้เขา แต่กลับไม่ยอมมองหน้า อบเชยมองที่พื้นแทน ดีแลนยกมือกอดอก ยังคงใช้แค่หางตามองมายังอบเชยเหมือนเดิม ถุงในมือของอบเชยเลยห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ คนถือเริ่มมือสั่น แต่จะหดมือกลับมาก็น่าเกลียด อบเชยเลยต้องถือถุงค้างอยู่อย่างนั้น ทั้งที่เธออยากหายตัวได้ อยากไปจากตรงนี้ ไม่อยากเผชิญหน้ากับความอึดอัดที่เกิดขึ้น “คืนนี้ฉันกลับมานอนบ้าน” ความจริงดีแลนดีใจแทบจะเหาะมาเลย หลังมารดาโทรศัพท์ไปบอก กิจกรรมวันหยุดที่ทำมานานหลายสิบปี คือการไปแจกขนม กับอุปกรณ์การเรียนให้กับบ้านเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหวังอุปถัมภ์ ชายหนุ่มรู้ดี หนึ่งในขนมที่มารดามักจะนำไปด้วยก็มาจากร้านขายขนมของป้าเทียนและอีกคนหนึ่งที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย ก็คืออบเชย... “คะ ค่ะ” อบเชยรับทราบแบบงงๆ และเธอก็ยังถือถุงพลาสติกค้างอยู่ในท่าเดิม “ฉันอยากกินขนมต้ม” ดีแลนเปรย ข้อความของเขาจะต้องถูกส่งต่อไปยังเทียนแน่นอน เขาเชื่อแบบนั้น “ค่ะ เชยจะบอกแม่ให้” “ฉันอยากกินขนมใส่ไส้” ดีแลนพูดอีก ครานี้อบเชยเงยหน้าขึ้น คิ้วเล็กๆ เหนือดวงตากลมโตขมวดเข้าหากัน ไม่มีคำพูดดังจากปากอิ่มได้รูป แต่แววตาของอบเชยแปลความหมายได้ว่า ‘นี่ไงคะ คุณดีจะให้เชยถือแบบนี้อีกนานแค่ไหน ถ้าอยากกินก็รับไปสิคะ’ ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ เขาเก่งกาจขนาดแปลความหมายในแววตาของอบเชยได้เลยงั้นหรือ? แพขนตาหนาเป็นแพกะพริบปริบๆ อบเชยไม่แน่ใจ เธอหูแว่วไปเอง หรือว่าคนตรงหน้ากำลังหัวเราะอยู่จริงๆ เธอได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ และเริ่มไม่แน่ใจ เมื่อคนตรงหน้าสีหน้ายังขรึมเฉยเหมือนเดิม และอีกอย่างอบเชยไม่รู้ว่าดีแลนขบขันอะไร “ใส่จานมาสิ ฉันจะกินที่นี่” ดีแลนกล่าว เขาเดินไปหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ อบเชยมีสีหน้าแหยเก เธออยากพูด แต่มันติดตรงริมฝีปาก หากพูดออกมา ท่าทางสบายๆ ของดีแลน คงเปลี่ยนไป เขาไม่ชอบถูกขัดใจ ขอนั้นอบเชยรู้ดี ‘แต่ เชยกำลังจะปิดร้านนะคะ’ ขณะที่แกะขนมใส่จาน อบเชยก็แย้งอยู่ในใจตลอดเวลา ความฝันแสนหวานที่จะได้นอนแต่หัวค่ำ หายวับไปกับตา ใครล่ะจะกล้าไล่ดีแลน...คงไม่ใช่อบเชยแน่ อบเชยถือจานใส่ขนมมาวางไว้ข้างๆ ดีแลน เธอหมุนตัวกลับไปเทน้ำสะอาดใส่แก้ว แล้วเดินมาวางไว้ที่เดิมด้วยสีหน้าเรียบๆ กับใบหน้าก้มต่ำตลอดเวลา เมื่อจานขนมถูกคนตัวใหญ่ยกขึ้นมามอง เขาใช้ส้อมจิ้มขนมชิ้นใหญ่ใส่ปาก เปลือกตาหลุบลงเมื่อกำลังดื่มด่ำกับรสชาติคุ้นปาก “ป้าเทียนนี่ฝีมือไม่ตกเลยนะ” เมื่อห้าปีก่อน ก่อนที่ดีแลนจะไปเรียนต่อ เขามีขนมไทยจากร้านป้าเทียนกินแกล้มกาแฟทุกเช้า หลังเรียนจบกลับมา เพราะย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยแล้ว เขาห่างหายไม่ได้ลิ้มรสฝีมือคนเก่าแก่ในบ้านมานานหลายปี อบเชยทำแค่พยักหน้ารับรู้ เธอแอบชำเรืองมอง ไม่กล้ามองตรงๆ กลัวดีแลนจับได้ “พรุ่งนี้ก่อนไปบ้านเด็กกำพร้า...เอาขนมต้มไปให้ฉันที่ห้อง เวลาเดิมด้วย” ชายหนุ่มสั่งเปลือกตาเปิดขึ้น จนอบเชยหลบไม่ทัน ใบหน้าเล็กๆ ค่อยๆ ก้มหลบ พยายามควบคุมลมหายใจ เพราะเวลานี้หัวใจของเธอทำงานหนัก มันเต้นไม่เกรงใจเจ้าของ เหมือนต้องการให้ชายตรงหน้ารู้ เขามีอิทธิพลกับเธอเหลือเกิน มุมปากบางเฉียบกดยิ้ม เสหยิบขนมชิ้นที่เหลือใส่ปาก แอบหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเปิ่นเป่อของแม่สาวตรงหน้า เดี๋ยวนะ!...ขนมต้มส่งที่ห้องเวลาเดิม...เขาคงไม่ได้สั่งให้เธอทำใช่ไหม? แล้วดีแลนรู้ได้ยังไง คนส่งขนมให้เขาทุกเช้าคือเธอ เมื่อห้าปีก่อนอบเชยเป็นคนย่องเอาขนมไปวางไว้ในห้องของเขาจริงๆ และนั่น อบเชยก็ได้แค่แย้งในใจ มันอิ่มจนจุก ไหนจะสตูว์ทั้งถ้วย ขนมปังอีกหนึ่งก้อน และยังมานั่งละเลียดขนมใส่ไส้อีกสองห่อ ท้องของเขาแน่นจนไม่สามารถยัดอะไรลงไปได้อีก หากเป็นอย่างนี้ทุกวัน อนาคตไม่แคล้วกลายเป็นตุ่มเดินได้ ยิ่งรู้ว่าอาหารมื้อเย็นที่เขาตั้งตารอ เป็นฝีมืออบเชย ดีแลนก็ยิ่งมีความสุข จากนี้ไป ชีวิตแสนแห้งแร้ง เงียบเฉียบ คงไม่เหมือนเดิม...หากมีคนตรงหน้ามาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ “ใกล้จบยัง?” จู่ๆ ดีแลนก็โพล่งถาม อบเชยสะดุ้ง เธอเงยหน้ามองสบนัยน์ตาของเขา “อีกสองเทอมค่ะ” ไม่รู้เพราะอะไร อบเชยเข้าใจคำถามที่ดีแลนถามมา เธอพึมพำตอบเสียงแผ่วๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม