ตอนที่ 13 พี่ชายที่แสน…..

1541 คำ
ตอนที่ 13 พี่ชายที่แสน….. รถของเตชินแล่นมาถึงที่หน้าโรงพยาบาล ด้วยความที่นัชชาเป็นห่วงแม่ที่ต้องมานั่งรอฟังผลพ่อที่อาการทรุดกะทันหัน ทำให้เธอรีบลงจากรถทันทีที่มาถึง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้จึงหันกลับไปขอบคุณเตชินที่ยอมขับรถมาส่งเธอ “ขอบคุณนะ เตชิน” นัชชาก้มศีรษะเบาๆ เชิงขอบคุณพลางส่งยิ้มให้เขา แต่แววตาของเธอกลับดูเศร้า ไม่ฉายแววสดใสเหมือนทุกครั้ง นัชชาหันหลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปข้างในโรงพยาบาล แต่…เพราะแววตาที่ดูเศร้าของเธอ ทำให้เตชินกลับอดรู้สึกเป็นห่วงนัชชาไม่ได้ จากตอนแรกที่เขา ตั้งใจแค่ขับรถมาส่งเธอ แล้วเขาจะรีบขับรถกลับไปนอนบ้าน แต่จู่ ๆ เตชิน ก็นึกเปลี่ยนใจ เขากลับเลื่อนรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถด้านหน้า ก่อนจะเดินลงจากรถมา แล้วเดินตามนัชชาที่หายเข้าไปในโรงพยาบาลเมื่อครู่ ที่หน้าห้องฉุกเฉิน แม่ของนัชชานั่งเอามือกุมไว้พยายามชะเง้อมองเข้าไปภายในห้อง รู้ทั้งรู้ว่ามองอะไรไม่เห็นแต่ก็ยังชะเง้อมองอย่างใจจดใจจ่อ มีน๊อตที่ยืนหน้าเครียดพิงกำแพงอยู่ใกล้ๆ นัชชาที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็นแม่ รีบถลาเข้ามานั่งใกล้พร้อมสวมกอดทันที “แม่ นัชมาแล้ว พ่อเป็นยังไงบ้าง” “แม่ก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ความดันก็ลดต่ำ แถมมีภาวะเลือดออกในสมองเพิ่มขึ้น” สีหน้าผู้เป็นแม่ดูกังวล จนนัชชาได้แต่โอบกอดแม่เอาไว้ “แกไปไหนมาห๊ะ ยัยนัช พี่โทรหาแกไม่ติด” น๊อตมองน้องสาวพลางบ่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ “นัชไปบ้านเพื่อนมาพี่น๊อต แบตนัชหมด กลับมาก็เห็นโน๊ตที่พี่น๊อตเสียบไว้ที่ประตู นัชก็รีบมาเลย ก็เมื่อเย็นนัชโทรหาแม่แล้ว แม่บอกพ่อวันนี้อาการปกติ แถมอาการดูเหมือนจะดีขึ้นแล้วนี่นา” “ใช่ลูก วันนี้อาการพ่อดีขึ้นมากจริงๆ แต่จู่ๆ ก็ทรุดเมื่อตอนหัวค่ำ” “แบตโทรศัพท์นัชเสื่อมอะแม่ นัชก็ไม่ทันสังเกต ขอโทษนะคะ” นัชชาทำสีหน้าเหมือนร้องไห้ รู้สึกตัวเองผิดที่วันนี้ตัวเองกลับบ้านช้า ปกติพ่อของนัชชา จะนอนห้องคนไข้รวมชาย มีแม่ที่สามารถเฝ้าไข้ได้คนเดียว ด้วยแม่เองก็ไม่อยากให้ลูกๆ มาที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เพราะรู้ว่าลำบาก จึงสั่งไว้ให้ลูกๆ มาเฉพาะวันหยุดเสาร์ หรือ อาทิตย์ เท่านั้น “ไม่เป็นไรลูกอย่าคิดมาก จริงๆ พ่อก็อาการดีขึ้นเยอะแล้ว แต่แม่ก็ไม่รู้ทำไมถึงทรุดกะทันหันแบบนี้” สองแม่ลูกพากันกอดกันปลอบใจ น๊อตได้แต่มองตามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนขอตัวออกไปสูบบุหรี่ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ก่อนที่นัชชาจะมาถึง หมอเพิ่งเข้ามาบอกอาการของพ่อให้กับเขาและแม่ฟัง หากพ่อยังคงมีเลือดไปออกในสมองในจุดที่สำคัญเพิ่มขึ้น อาจต้องมีการย้ายพ่อไปที่รักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลใหญ่ที่มีหมอเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทางด้านสมองโดยตรง ส่วนวันนี้ที่โรงพยาบาลที่นี่ อาจจะรักษาแค่ประคับประคองไปเท่าที่จะสามารถทำได้ก่อน และ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการย้ายโรงพยาบาลคงต้องมีบ้าง แม้จะมีบัตรสวัสดิการรักษาพยาบาลตามโครงการของรัฐบาลก็จริง แต่บางส่วนทางครอบครัวของเขาคงต้องมีเงินสำรองบ้างอย่างน้อยต่ำ ๆ ก็ควรมีสักแสน สองแสน แต่….เงินที่ว่าล่ะ…เงินเก็บก้อนสุดท้ายที่แม่ฝากเอาไว้ เขาแอบเอาไปเล่นพนันออนไลน์จนเกือบหมด เห็นพ่ออาการดีขึ้น นึกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ นี้ จะทำไงดี หากแม่จะให้เขากลับไปเอาเงินก้อนนั้นมาให้แม่ น๊อตคิดไม่ออกเดินไปมากุมขมับ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเตชินที่เหมือนเดินมองหาใครอยู่ เขาจำได้ทันทีเพราะรู้ดีว่าเตชิน คือน้องชายของคุณเอริคเจ้าของผับแองเจิลที่เขาเจอวันนั้น “เฮียเตชิน ใช่เฮียเตชินใช่ไหมครับ ผมน๊อตนะครับ น๊อตที่เป็นดีเจที่ผับ ที่เฮียมาช่วยผมกับน้องวันนั้น จำได้ไหมครับ นี่เฮียมาทำอะไรที่นี่ครับ” น๊อตรีบเข้าไปทักทายเตชินด้วยรอยยิ้ม เพราะรู้ว่าพนักงานในร้านมีเป็นจำนวนมาก กลัวเตชินจะจำเขาไม่ได้ จึงรีบแนะนำตัว ความหวังเรื่องจะหาเงินมาแทนที่เงินที่เขาแอบเอาเงินแม่ไปใช้ เปล่งประกายเข้ามาในความคิดน๊อตทันทีเมื่อเขาเจอหน้าเตชินที่กำลังเดินเข้ามาหา ซึ่งความจริง แล้ว เตชิน ก็ตั้งใจเดินมาหาเขาเพื่อถามหานัชชา อยู่พอดี “เอ่อ...” “เจอเฮียที่นี่ เหมือนสวรรค์โปรด ผมมีเรื่องให้เฮียช่วยพอดี” ช่างไม่ได้รอให้เตชินพูดอะไรให้จบ น๊อตก็รีบชิงพูดแทรก เกริ่นนำในสิ่งที่เขาคิดขอความช่วยเหลือพอดี “อะไรวะ” เตชินทำหน้างง แม้พยายามมองหานัชชาแต่ไม่เห็น เพราะจุดที่น๊อตยืนอยู่ค่อนข้างไกลจากห้องฉุกเฉิน “ผมอยากยืมเงินเฮียอีกสักแสน ได้ไหมเฮีย” ~เจอหน้าก็ขอยืมเงิน คนเหี้ยอะไรวะ~ เตชินขมวดคิ้ว มองหน้าน๊อต เขาได้แต่นึกบ่นอยู่ในใจ “เงินเก่าแสนนึง มึงคืนกูยัง เงินเก่าไม่คืนจะยืมเงินใหม่เนี่ยะนะ” เตชินมองหน้าน๊อตแม้จะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักแต่ก็เก็บอาการ แม้น๊อตจะอายุมากกว่าเขาถึงสามปี แต่ในที่ทำงานผับแองเจิล เตชินก็ถือว่าเป็นน้องของนายที่เขาต้องนอบน้อม น๊อตจึงแทนเตชินว่าเฮีย ส่วนเตชินเห็นว่าเขาเป็นลูกน้องจึงไม่ได้พูดสุภาพเท่าไหร่นัก “เงินนั่นของเฮียเหรอ ผมคิดว่าของคุณเอริค อ่อ งั้นผมจะรีบหามาคืนนะครับ แต่คือเฮีย หนนี้มันสำคัญมากจริงๆ พ่อผมป่วยผมจำเป็นต้องใช้เงิน” “เท่าไหร่” เตชินไม่ได้ถามรายละเอียดมากเพราะเขารู้ดีว่าหนนี้ น๊อตไม่ได้โกหกเพราะเขาก็เพิ่งมาส่งนัชชาด้วยตัวเองเมื่อครู่นี้ “แสนนึง แสนนึงครับเฮีย พอจะได้ไหมครับ” น๊อตยิ้มกว้าง เพราะการที่เตชินถามว่าเท่าไหร่ นั่นหมายถึงเตชินไม่ปฏิเสธเรื่องที่เขาขอยืมเงิน “ได้ แต่มึงต้องเอาบิลค่ารักษาจากโรงพยาบาลมาเบิกกับกู ทุกบาททุกสตางค์” “โธ่เฮีย เงินผมไม่มีสำรองจ่ายให้โรงพยาบาลก่อนอะสิครับ” “กูไม่ได้ให้มึงจ่ายก่อน กูให้มึงโทรมาบอกแจ้งบิลที่โรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน เดี๋ยวกูจัดการเอง ให้มึงมึงก็เอาเงินไปเล่นพนันหมด หรือไม่จริง” เตชินปรายตามองไม่พอใจ เขารู้ซึ้งถึงกิตติศัพท์ของน๊อตดี หลังจากที่พี่ชายของเขาเล่าให้ฟังในวันนั้น ส่วนเรื่องเงิน ถึงเตชินจะเป็นแค่นักศึกษาปีสี่ แต่เงินในบัญชีของเขากลับมีเป็นหลักหลายล้าน แค่เงินปันผลกำไรหุ้นบริษัทของพ่อแม่แต่ละปีที่เขาได้รับปันผลมาก็ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ต่อให้จบมาไม่ทำงานก็เรียกได้ว่าอยู่เฉย ๆ ก็สบายไปทั้งชาติ แต่ก็แน่นอนว่านั่นไม่ใช่นิสัยเขาที่จะอยู่ผลาญเงินใช้ไปวันๆ เตชินวางแผนจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก และเปิดบริษัทเป็นของตัวเองในอนาคต “ก็ได้ครับเฮีย” เสียงของน๊อตจ๋อยลง แม้ใจจริงจะอยากได้เงินสดไว้มากกว่า เผื่อจะยักไว้แทงบอลสักนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เงินมารักษาพ่อเลย เพราะถ้าเกิดเผื่ออยู่ แม่มาถามเรื่องเงิน เขาแย่แน่ “เงินเก่ากับเงินใหม่ รวมเป็นสองแสน ว่าแต่ มึงจะคืนยังไง ตอนไหน” “ผมจะพยายามหามาคืนให้เร็วที่สุดเฮีย” เจอคำตอบลูกหนี้แบบไม่มีกำหนดแบบนี้ เตชินได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาได้แต่ส่ายหน้า เพราะรู้ว่าคงยาก ยากที่จะได้คืนกับคนประเภทนี้ แต่ที่เขาแกล้งถามเรื่องกำหนดคืนเงิน ก็แค่ถามไปอย่างงั้น “เห้อออ กูว่า กูควรให้มึงยืมเงินดีหรือเปล่าวะ” น๊อต เห็นท่าทีเตชินที่ทำสีหน้าหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่ค่อยพอใจ ด้วยความกลัวเตชินจะไม่ให้เขายืมเงิน ความคิดหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแบบโง่ ๆ คิดไปเองว่า คนที่ชอบเข้าผับเที่ยวกลางคืน ก็คงไม่พ้นเรื่องผู้หญิง! และ….ถ้าเขาอ้างชื่อ นัชชา น้องสาวเขา เป็นตัวค้ำประกันล่ะ!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม