“ขะ ขอโทษค่ะท่านประธาน” เธอคนนั้นรีบค้อมศีรษะพร้อมเอ่ยขอโทษอย่างนึกหวาดกลัว ผิดพลาดครั้งแรกนั้นยังสามารถให้อภัยได้ แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากโดนหมายหัวจากท่านประธานสุดเนี้ยบคนนี้
ภากรเหลือบมองหล่อนด้วยสายตาเย็นชา กำชับเรื่องที่เขามอบหมายให้ฟังอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป คล้อยหลังประธานหนุ่มก็ได้ยินเสียงหลายคนถอนหายใจอย่างโล่งอกกับบรรยากาศอัดอึดเมื่อครู่
“ตารางช่วงบ่ายมีอะไรบ้าง”
เมื่อเข้ามาให้ห้องทำงานหรูส่วนตัว ภากรก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความจากคนตัวเล็ก ในขณะที่เลขาสาวกำลังยืนแจกแจงแผนในช่วงบ่ายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
เธอเห็นสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีนัก หลายวันมานี้ก็โหมทำงานมากกว่าปกติจนพนักงานในบริษัทหัวหมุนกันไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านประธานหนุ่มกันแน่
“เอ่อ...เย็นนี้คุณภากรจะทานอะไรไหมคะ ข้าวจะได้เตรียมไว้-...”
“ไม่ต้อง คุณออกไปได้แล้ว”
เสียงทุ้มตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองหน้าแม้เพียงนิด
‘น้ำข้าว’ จึงค้อมศีรษะให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากห้องด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวกับความเย็นชาของท่านประธาน แม้ว่าจะเธอทำงานเป็นเลขาให้เขามาหลายปีแล้ว แต่รังสีเย็นยะเยือกของเขาที่แผ่ออกมาก็ไม่ได้ลดลงเลย
ตึ๊ง~
ภากรได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นก็รีบกดมือถือเข้าไปดูทันที เขานึกว่าจะเป็นเกวรินที่ทักมาหา แต่ว่ามันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด จึงพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ทีหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์
ตั้งแต่เอ่ยปากกับเธอว่าไม่ต้องมาหาเขาที่คอนโด เขาก็ไม่ได้เจอเธออีกและไม่มีแม้กระทั่งข้อความส่งมาหาเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ปกติแล้วเธอขี้อ้อนขนาดนั้น ทั้งวันชอบถ่ายรูปอัปเดตเรื่องราวส่งมาให้เขาไม่หยุด ไม่ว่าจะอารมณ์ดี หรือรู้สึกแย่ก็จะโทรมาหาเขาก่อนเป็นคนแรก แต่ตอนนี้กลับเงียบกริบจนน่าใจหาย
ใบหน้าหล่อเหลาเรียบตึงอย่างนึกหงุดหงิดใจ จริงอยู่ที่เขาเป็นคนปฏิเสธเรื่องในคืนนั้น แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเป็นห่วงตัวเธอเอง กลัวว่ายิ่งได้ใกล้ชิดจะยิ่งอดใจไม่ไหว แล้วเผลอทำอะไรที่ทำให้เธอต้องเสียใจในภายหลัง...
“อ่าส์ ให้ตายเถอะ...”
พอเผลอนึกถึงกลิ่นตัวหอมๆ ร่างนุ่มนิ่มเย้ายวนในชุดเมื่อคืน ลำเนื้อแกร่งใต้กางเกงก็ปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย
ยัยเด็กดื้อจะรู้บ้างไหม ว่าตอนนี้เขาคิดถึงเธอจนแทบคลั่งอยู่แล้ว!
Trrrrrrrrr
Trrrrrr
เสียงมือถือดังขึ้นเรียกสติของภากรกลับมา เขาพยายามข่มกลั้นอะไรบางอย่างด้านล่างให้สงบลงแล้วกดรับสายทันที
ติ๊ด!
“ครับแม่”
[ยุ่งอยู่หรือเปล่าลูก]
“เปล่าครับ ผมเพิ่งประชุมเสร็จพอดี”
[เสาร์หน้าว่างหรือเปล่า ชวนน้องมากินข้าวที่บ้านสิภีม เดี๋ยวแม่ทำของโปรดไว้ให้]
ได้ฟังแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาจนผู้เป็นแม่อย่าง ‘นวมล’ จับสังเกตความผิดปกติจากลูกชายได้
“คือว่าช่วงนี้...”
[ทะเลาะกันใช่ไหม ทำน้องงอนอีกหรือเปล่าตาภีม?]
เมื่อโดนจับได้ ภากรก็เริ่มไปต่อไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง จึงโกหกไปเพื่อให้แม่สบายใจ เพราะรู้ดีว่าแม่ของเขาท่านรักและหวงเกวรินมากขนาดไหน
“เปล่าครับ ช่วงนี้ผมงานยุ่งนิดหน่อย เสาร์หน้าน่าจะไม่ได้ไปครับ”
[อ่อ...ก็แล้วไป อย่าโหมงานหนักมากนะภีม หาเวลาว่างพาน้องไปเที่ยวเล่น ผ่อนคลายบ้างอะไรบ้างเข้าใจไหม?]
“ครับแม่...”
แววตาของเขาหม่นแสงลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคนตัวเล็ก ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะเข้าใจผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้นหรือเปล่า เขาอยากจะโทรไปหา พาไปเที่ยว พาไปทานของโปรดที่เธอชอบเหมือนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้แค่นึกถึงร่างเย้ายวนของเธอก็แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาจึงโหมทำงานอย่างบ้าคลั่ง พยายามไม่ติดต่อไปเพราะอยากให้อารมณ์บางอย่างสงบลงก่อน
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยเลยสักนิดเดียว...
กลับกัน เขายิ่งโหยหาเธอจนหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมดแล้ว!
[ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแน่นะ?]
“ไม่ครับ”
[งั้นก็ดีแล้ว...อย่าลืมพักผ่อนบ้างนะภีม อย่าเอาแต่ทำงาน พ่อกับแม่เป็นห่วงรู้ไหม]
“ครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คุยกันต่ออีกไม่กี่ประโยคก็วางสายไป จากนั้นจึงขับรถออกไปทานอาหารข้างนอกแล้วกลับมาเคลียร์งานต่อจนถึงช่วงค่ำ...
_____________________________________
คิดถึงก็รีบไปหาจ้าาาาาา แหมมม