“ไปวันนี้ ฉันจองตั๋วเครื่องบินให้เธอแล้วเดินทางวันนี้” พริณตาเคยนั่งเครื่องบินอยู่บ้างเมื่อตอนที่พ่อเธอมีชีวิตอยู่
“ส่วนเอกสารการศึกษาของเธอ..” เขาพูดขึ้นเพราะคงต้องใช้เวลาจัดการเรื่องนี้สักพักเพื่อจะขอเอกสารวุฒิการศึกษาใหม่
“หนูมีค่ะ หนูฝากเพื่อนไว้เพราะหนูคิดว่าหนูจะหนีแม่เลี้ยงอยู่แล้ว ถ้าคุณไม่ช่วย” พริณตาฝากเอกสารสำคัญของเธอไว้ที่ฐิสาเพื่อนสนิทของเธอ
“ฉลาดมาก” พฤกษ์จับหัวเธอส่ายไปมา เด็กเลี้ยงของเขาฉลาดน่าดู
“ขอหนูยืมโทรศัพท์ของคุณหน่อยได้ไหมคะ หนูจะโทร.หาเพื่อน” พริณตาเอ่ยถามเขาอย่างเกรงใจ
“ฉันซื้อมือถือให้เธอแล้ว ใช้ได้เลย” เขาชี้มือไปทางโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดราคาคงหลักหลายหมื่น
“ขอบคุณค่ะ” เธอรีบหยิบมือถือขึ้นมาพร้อมทั้งเข้าเมนูข้อมูลโทรศัพท์ที่เธอบันทึกไว้บนคลาวด์ เพียงไม่นานข้อมูลหลายอย่างของเธอก็กลับมา ก่อนหน้านั้นเธอก็เคยมีโทรศัพท์หรือไอแพดอะไรต่าง ๆ แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวแม่เลี้ยงของเธอเอาไปขายทั้งหมดบอกว่าพ่อทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ต้องหาทางใช้หนี้
พฤกษ์มองดูเธอดึงข้อมูลที่อยู่ในระบบสำรองข้อมูลหรือที่เรียกว่าคลาวด์แล้วก็รู้ว่าพริณตาเป็นเด็กฉลาดตามยุคตามสมัย เธอไม่ได้อ่อนแอจนเกินไป
“นี่ค่ะผลการเรียนหนู” เธอยื่นภาพถ่ายผลการเรียนของเธอให้เขาดู เธอเรียนเก่งอย่างที่เธอบอกจริง ๆ
“ขี้โม้ ไปอาบน้ำได้แล้ว” พฤกษ์พูดพร้อมทั้งอุ้มเธอขึ้น พริณตาร้องโวยวายด้วยความตกใจเมื่อร่างถูกยกขึ้นสูง ดีที่เธอกำมือถือไว้แน่น กลัวว่าจะตกใจจนโทรศัพท์ราคาแพงจะหล่นแตก
ทั้งสองพากันอาบน้ำในห้องน้ำเกือบสามสิบนาที ไม่มีกิจกรรมเร่าร้อนเกิดขึ้นเพราะเขาคงต้องงดสักพักเดี๋ยวจะไม่มีแรงขึ้นเครื่องบิน
“หมอคะ เพื่อนถามว่าหนูอยู่กับใคร บอกว่าอยู่กับอาได้ไหมคะ” อยู่ ๆ เขาก็กลายเป็นอาด้วยวัยเพียงสามสิบสองแถมยังมีหลานที่อายุสิบแปด อามันจะแก่ไปไหมแต่เขากับเธอก็อายุห่างกันตั้งสิบสี่ปีนะ...จะเป็นพี่ได้ไหมนะ
“อือ ตามใจ” ก็เขาบอกเธอเองว่าไม่ให้แสดงความเป็นเจ้าของแล้วจะให้เธอบอกเพื่อนว่าอย่างไรนอกจากว่าเขาเป็นญาติ เธอไม่กล้าบอกใครหรอกว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงของเขา มันน่าอายเกินไป
พริณตาพิมพ์ข้อความบอกเพื่อนว่าเธอจะไปเรียนที่เชียงใหม่เพราะคุณอาย้ายไปทำงานที่นั่นแล้วเธอจะแจ้งที่อยู่ในการส่งเอกสารอีกครั้ง ฐิสาก็เข้าใจและไม่เซ้าซี้ถามเพื่อนมากกว่านี้
“ชุดพอดีเลยนะคะ” เธอพูดพร้อมทั้งหมุนซ้ายหมุนขวาให้เขาดู พฤกษ์เองก็ดูพอใจกับสิ่งที่เขาเลือกให้เธอ เพิ่งรู้ตัวว่าแค่การมองเธอแต่งตัวก็เพลินตาและมีความสุขแล้ว
“อือ ใส่พอดีเลยฉันเลือกเก่งไหม”
“เลือกเก่งค่ะ คุณอาหมอ” เธอยิ้มให้เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาชมตัวเอง
“อยู่กันสองคนเรียก หมอ เฉย ๆ ก็ได้ไม่ต้องเรียกอาหรอก”
ทั้งสองยิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนที่จะช่วยกันเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ของพวกเขา
@เชียงใหม่
พฤกษ์ตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างทางไปอำเภอแม่ริม เขาเลือกที่นี่เพราะเป็นบ้านอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรที่ค่อนข้างได้มาตรฐาน โรงพยาบาลที่เขาทำงานเป็นโรงพยาบาลของรัฐซึ่งเขายังดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาแพทย์อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นสาเหตุหลักที่เขาตัดสินใจย้ายมาที่เชียงใหม่
“ชอบบ้านหลังนี้ไหม” พฤกษ์ถามพริณตาซึ่งกำลังยืนตะลึงอยู่หน้าบ้านสองชั้นหลังโต มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เห็นแล้วเธอก็อดยิ้มไม่ได้ บ้านหลังนี้เหมือนบ้านที่เธอเคยจินตนาการไว้นานมาแล้ว ว่าวันหนึ่งเธออยากมีบ้านแบบนี้ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่จริง ๆ
บ้านที่เธอเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงทาวน์โฮมสองชั้นธรรมดา แต่มันก็เป็นบ้านที่อบอุ่นสำหรับเธอ เสียดายที่ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“หวาน หวาน ชอบไหม”
“ชอบค่ะชอบ เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ทั้งสองคนพากันเข้าไปในบ้าน บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดสามห้องนอนสี่ห้องน้ำ มีห้องนอนใหญ่ที่พฤกษ์สั่งทำเป็นพิเศษที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่มากกว่าอีกสองห้องรวมกัน
“ห้องนอนหนูห้องไหนคะ” พริณตาเอ่ยถามเมื่อเดินขึ้นมาถึงชั้นบน
“ไม่นอนห้องเดียวกันเหรอ” พฤกษ์ทำหน้างงเมื่อเห็นเธออยากแยกห้องนอน
“เออ เออ ถ้าเกิดฐิสามาหาหนูที่เชียงใหม่แล้วหนู หนู” เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในการตอบ พฤกษ์เลยตัดบทโดยการชี้ไปยังห้องขนาดกลางที่อยู่ตรงข้ามห้องเขา บางทีเธออาจอยากมีพื้นที่ส่วนตัว
“ห้องนั้นแล้วกัน แต่ถ้าฉันอยากเธอต้องมาหาฉันที่ห้อง จำไว้” พฤกษ์พูดพร้อมทั้งเดินไปห้องใหญ่กระแทกประตูปิดอย่างไม่พอใจ เขาอุตส่าห์ให้เธอนอนห้องเดียวกับเขา เตียงเดียวกับเขาแล้วนี่อะไรอยากมีห้องเป็นของตัวเองไม่อยากนอนด้วยกัน เวลานอนกอดกันก็ออกจะดีไม่ใช่เหรอ
“ทำไมกูหงุดหงิดวะ” พฤกษ์พูดกับตัวเองอย่างโมโห
พฤกษ์จัดการเรื่องที่เรียนของพริณตาและจัดการเรื่องตึกสำหรับเปิดคลินิกเรียบร้อยในเวลาหลายเดือนต่อมา พริณตาทำงานที่คลินิกของเขาในฐานะหลานสาวของคุณอาหมอหนุ่มหล่อ