ตอนที่ 3 อดีตคู่หมั้น
การเดินทางที่ยาวนานเกือบสามวันได้สินสุดลงเมื่อถึงจุดหมายในช่วงเวลาพลบค่ำ จวนใหญ่อยู่บนเขาสูง ทำให้เส้นทางนั้นลาดชัน การเดินทางจึงล่าช้ากว่าที่คิด
ถานเอ๋อร์ประคองคุณหนูของตนลงจากรถม้า ก่อนจะพานางเข้าไปพักด้านใน จวนแห่งนี้โอ่อ่าสมกับคำเล่าของพ่อสามี ท่านเล่าให้นางฟังถึงประวัติจวนอันเก่าแก่แห่งนี้ เดิมทีที่นี่เคยเป็นที่ประทับพักผ่อนของอดีตไทเฮา แต่หลังพระองค์สิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้ก็มอบให้เป็นรางวัลและเป็นขวัญกำลังใจแก่พ่อสามี ที่ยามนั้นพลาดท่าถูกฝ่ายศัตรูฟาดดาบลงแขนขวาอย่างไม่ทันตั้งตัว เป็นเหตุให้พ่อสามีต้องพิการตลอดชีวิต
แม้จะได้รับพระราชทานมา แต่ทว่ากลับได้แต่ทิ้งร้างไว้
เมื่อเกิดเรื่องราวระหว่างสามีภรรยาขึ้น อดีตแม่ทัพจ้าวจึงได้มอบจวนพระราชทานหลังนี้ให้เป็นที่พักพิงของอดีตลูกสะใภ้ ลู่เหลียนซาบซึ้งในความเมตตาที่ได้รับจากพ่อแม่อดีตสามี แต่กระนั้นนางก็ไม่เคยคิดโทษครอบครัวฝั่งสกุลเดิม ที่ยามนางพบเจอความยากลำบากแล้วไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
บิดาเป็นห่วงนาง แต่ทว่าบุตรสาวที่ออกเรือนทั้งยังถูกทิ้งให้เป็นม่ายนั้น นับว่าเป็นการสร้างความด่างพร้อยแก่ตระกูล
เพราะเหตุนี้นางจึงไม่คิดหวนกลับไปที่เดิมอีก
“น้ำอุ่นเตรียมไว้แล้ว นายหญิงจะแช่เลยหรือไม่”
ลู่เหลียนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนเดินตามบ่าวรับใช้วัยแรกแย้มไปด้านหลังม่านภายในห้องนอน อ่างไม้เต็มไปด้วยน้ำที่ลอยดอกไม้หอม ที่เพียงได้กลิ่นก็ผ่อนคลาย ดอกไม้สีชมพูอ่อนถูกนำมาตากแห้งก่อนสกัดเป็นน้ำมันหอม ถูกบรรจุวางไว้เพื่อใช้นวดช่วยคลายความปวดเมื่อได้เป็นอย่างดี
ดอกไม้สวยเหล่านี้ หาได้มีดีแค่เพียงความหอมเท่านั้น
“เจ้าออกไปเถิด ข้าขอแช่น้ำเพียงลำพัง”
“เจ้าค่ะนายหญิง”
หลังหย่าขาดจากจ้าวเยว่ฉิน สถานะของนางก็เปลี่ยนไป สรรพนามที่บ่าวรับใช้เรียกขานก็เช่นกัน บ่าวที่นี่ล้วนติดตามนางมาจากจวนสกุลจ้าวทั้งสิ้น แต่ทว่าก็ยังไม่อาจวางใจได้ อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็เคยเป็นบ่าวรับใช้จ้าวเยว่ฉินและอิงหยวนมาก่อน
อาจมีหนึ่งในนี้ถูกส่งมาเพื่อคอยจับตาดูนาง
ลู่เหลียนพิงศรีษะกับขอบอ่างก่อนถอนหายใจอย่างช้าๆ ถึงจะหย่าขาดกับบุรุษผู้นั้นแล้ว แต่ก็หาได้ใช้ชีวิตสงบไม่ ตราบใดที่นางยังมีลมหายใจ อิงหยวนไม่มีทางปล่อยนางให้รอดไปได้ง่ายเด็ดขาด สตรีผู้นั้นไม่เพียงคิดกำจัดนางออกจากจวน แต่ยังคิดกำจัดนางจากโลกใบนี้ด้วย
“คุณหนูเจ้าคะ มีแขกมาขอพบเจ้าค่ะ”
ถานเอ๋อร์อยู่ด้านนอกรอลู่เหลียนออกมาจากฉากกั้น นี่ก็ดึกแล้ว ผู้ใดกันที่มาเยี่ยมเยียนยามวิกาลเช่นนี้ หญิงสาวรีบแต่งกายให้เรียบร้อยก่อนตามถานเอ๋อร์ไปยังโถงใหญ่ภายในเรือน
ผู้ที่มายามดึกหาใช่ใครที่ไหน แต่เป็นอ๋องแปด…อดีตคู่หมั้นหมายของนาง ชายหนุ่มรูปงามท่าทางสุขุมยืนเงยมองพระจันทร์ที่ส่องสว่างไปทั้งแผ่นดิน เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เขาก็รีบหันมา
“คารวะท่านอ๋อง ดึกดื่นเพียงนี้ ท่านมาทำอะไรที่นี่เพคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความงุนงง อ๋องหนุ่มยิ้มกว้าง เขาชักชวนนางให้นั่งลงตรงข้าวก่อนสั่งบ่าวให้นำอาหารเข้ามาวาง ลู่เหลียนมองสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังกระทำด้วยสีหน้างุนนงง
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่ จึงแวะมาเยี่ยม”
แวะมาเยี่ยมยามวิกาลเช่นนี้น่ะหรือ? เขาช่างไม่เปลี่ยนไปเลย สี่ปีก่อนเป็นเช่นไร ยามนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม หากจะมีเปลี่ยนก็คงแค่ผิวที่หมองคล้ำลงจากการเดินทางนำทัพมานานแรมปีเท่านั้น แต่นิสัยเอาแต่ใจไม่สนผู้อื่นนั้นยังอยู่ดีเช่นเดิม
ช่างน่าหนักใจยิ่งนัก เหตุใดสวรรค์ถึงพาเขาหวนกลับเข้ามาในชีวิตนางอีก
“ท่านมายามนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะสมนัก”
หญิงสาวกล่าว แม้รู้ดีว่าอย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันล่าถอยกลับไปโดยง่าย อ๋องหนุ่มไม่พูดไม่จา ไม่สนใจหญิงสาวที่มองมา เขาตักข้าวเข้าปากคำแล้วคำเล่าราวคนหิวโหยมานานหลายวัน
“ข้ากินเสร็จแล้วจะไป”
เขากล่าวในขณะที่ยังคงตักข้าวเข้าปากไม่หยุด
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเดินทางมาที่นี่”
อ๋องหนุ่มนำทัพไปปักหลักอยู่ที่ชายแดนฝั่งเหนือไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงโผล่มาฝั่งใต้ได้เล่า สิ้นคำถามนั้นอ๋องแปดก็หยุดกินแทบจะทันที เขามีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นต่างจากเมื่อครู่ราวคนละคน เขารวบตะเกียบวางข้างถ้วยก่อนสบตาหญิงสาวและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ช่วงนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะลู่เหลียน”
หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในคำพูดของอ๋องหนุ่ม เขาทำท่าทางเช่นนี้ทำให้นางไม่สบายใจยิ่งนัก แม้จะพอรู้ว่ามีภัยรอบตัวคอยหาโอกาสพุ่งเข้าใส่ แต่กระนั้นนางก็ไม่คิดว่าจะเป็นนเรื่องร้ายแรงจนทำให้อ๋องแปดมีท่าทางเช่นนี้ได้
“ท่านมีสิ่งใดจะบอกข้าหรือไม่”
“ย่อมมี แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าควรรู้”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเครียดเคร่ง หลังซดน้ำชาไปหนึ่งกาใหญ่ เขาก็ลุกพรวดขึ้นและหยิบดาบสอดเข้าซ่อนในอาภรณ์หนา
“ข้าไปก่อน ไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”
เขากล่าวแต่ก่อนจากไปก็ได้มอบของสิ่งหนึ่งให้แก่นาง มันคือหีบไม้เล็กที่เต็มไปด้วยขวดยาพิษนับสิบชนิด เขารู้ว่านางเชี่ยวชาญเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นที่เขามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อขอความช่วยเหลือจากนาง ให้ช่วยตรวจสอบพิษเหล่านี้ว่าแต่ละชนิดถูกสกัดออกมาจากสิ่งใดบ้าง
“มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้ เอาเป็นว่าอาหารมื้อนี้รวมทั้งหนี้บุญคุณที่เจ้าช่วยเหลือข้า ข้าจะชดใช้ให้ในภายหลัง”
เขากล่าวก่อนเดินออกไปราวกับสายลมที่ผ่านพัดมาและผ่านพัดไปในเวลาอันแสนสั้น ลู่เหลียนเก็บกล่องนั้นใส่สาบเสื้อพลางชะเง้อมองชายหนุ่มที่หายลับไป เมื่อพ้นสายตาเขา นางจึงลงมือกวาดอาหารอันโอชะลงท้อง หลังจากที่ทนหิวมานาน
จะว่าไปอาหารมื้อนี้ก็เต็มไปด้วยของโปรดนางอีกเช่นเคย
บ่าวที่นี่ช่างรู้ใจนางเสียจริง
“คุณหนูเจ้าคะ จดหมายจากท่านราชครูเจ้าค่ะ”
ถานเอ๋อร์ที่หายไปนานเดินเข้ามาก่อนยื่นจดหมายปิดผนึกให้แก่คุณหนูของตน ลู่เหลียนกระพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่เอ่อล้น ยามนี้นางคิดถึงบิดาเหลือเกิน นางอยากกลับไปหาบิดาแต่นางไม่อาจแบกคำครหาไปถาโถมให้คนสกุลลู่ได้ จึงจำต้องจากมาไกลถึงที่นี่
….เหลียนเอ๋อร์ลูกพ่อ ยามนี้เจ้าคงเดินทางถึงจวนทางใต้แล้ว พ่อได้ยินเรื่องราวของเจ้าจากผู้คนรอบข้างทั่วสารทิศ แต่พ่อก็หาได้ใส่ใจไม่ เพราะพ่อเชื่อว่าเหลียนเอ๋อร์ลูกพ่อ เป็นสตรีที่ดีมีคุณธรรม พ่อเชื่อว่าเจ้าจะไม่มีวันกระทำผิดต่อสกุลจ้าวและสามีของเจ้า ต่อให้คนทั้งแคว้นจะประณามว่าเจ้าเป็นหญิงม่ายที่ถูกสามีทอดทิ้ง แต่พ่อคนนี้จะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า
เหลียนเอ๋อร์ลูกพ่อ ยามนี้ที่ราชสำนักมีเรื่องราววุ่นวายเกิดขึ้น ล้วนเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความมั่นคงของแคว้น พ่อจึงไม่อาจหาเวลาไปเยี่ยมเยียนเจ้าได้ ในระยะนี้ท่านอ๋องจะช่วยดูแลเจ้าแทนพ่อ แม้เจ้าและท่านอ๋องจะไร้วาสนาได้ครองคู่ในครานั้น แต่บางทีด้ายแดงของเจ้าอาจถูกผูกขึ้นใหม่ก็เป็นได้ รักษาสุขภาพด้วย พ่อเป็นห่วงเจ้าเสมอ…..
เนื้อความในจดหมายกัดกินใจที่แสนบอบช้ำจนม่านน้ำตาพังทลาย หญิงสาวสะอื้นอยู่บนเตียงกว้างใหญ่ ชีวิตนางแม้จะอาภัพรักแต่ก็ยังมีบิดาที่คอยห่วงใย นับว่านางยังโชคดีนัก
ลู่เหลียนเก็บจดหมายลงในหีบใต้เตียงก่อนที่นางจะนอนลง เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ถานเอ๋อร์จะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นับตั้งแต่ที่มารดาลู่เหลียนจากไป นางก็มักจะฝันร้ายจนบิดาต้องให้ถานเอ๋อร์มาคอยดูแลแม้ในยามค่ำคืน
“บ่าวจะนอนบนตั่งนี้ คุณหนูพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
ถานเอ๋อร์กล่าวก่อนจัดแจงที่นอนของตน บ่าวเช่นนางหาใช่สตรีทั่วไป แม้จะต้องนอนท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บหรือท่ามกลางอากาศที่อบอ้าว นางล้วนปรับตัวอยู่ได้ทั้งสิ้น ชีวิตนางผ่านความลำบากมามาก การได้อยู่รับใช้คุณหนูจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสอะไร ทั้งคุณหนูยังปฏิบัติต่อนางราวกับไม่ใช่นายบ่าว คุณหนูไม่เคยกดขี่ข่มเหง มีแต่มอบสิ่งที่ดีแก่นางเสมอ
เช่นนั้นเมื่อมีผู้ใดมาทำร้ายคุณหนู นางถึงได้โกรธแค้นแทน
ทั้งแม่ทัพน่าตายผู้นั้น! ทั้งนังจิ้งจอกอิงหยวน!สองหญิงชายชั่วนั่น ทำให้ลมปรานของนางพุ่งพล่านทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับคุณหนู
หากไม่เพราะคุณหนูห้ามไว้ นางคงได้งัดวิชาทุกกระบวนท่าเพื่อแก้แค้นทั้งคู่ให้สาสม
มาช้าแต่มานะ 55555555555555