ตอนที่ 1 ขอหย่าภรรยา
ร่างบางถูกผู้เป็นสามีลากมายังโถงกลางเรือน รอบข้างรายล้อมด้วยฮูหยินเฒ่า แม่สามีและอดีตแม่ทัพใหญ่ พ่อสามีที่ปัจจุบันกลายเป็นคนพิการ เสียแขนไปหนึ่งข้างจากการปราบปรามพวกรุกล้ำดินแดนเมื่อหลายปีก่อน ทั้งสามผู้อาวุโสนั่งอยู่บนตั่งใหญ่ ในขณะที่อนุภรรยาลำดับสองของสามียืนอยู่ด้านข้าง
ส่วนอนุภรรยาลำดับหนึ่ง ยามนี้กำลังยืนเกาะแขนผู้เป็นสามีไม่ห่าง
ลู่เหลียนถูกผู้เป็นสามีผลักล้มลง นางนั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่ง แววตานิ่งเฉยเย็นชาเพ่งตรงอยู่ที่พื้น ท่าทีไม่สะทกสะท้านต่อความผิดของนาง ทำให้แม่ทัพหนุ่มนั้นโมโหจนต้องตวาดออกมา
“สารภาพความผิดเจ้าออกมา ลู่เหลียน!”
สารภาพความงั้นหรือ จะให้นางสารภาพเรื่องใดเล่า ในเมื่อนางหาได้ทำอะไรผิดไม่ แต่เป็นสามีผู้โง่เขลาต่างหากที่หูเบาเชื่อคำยุยงส่งเสริมของอนุลำดับหนึ่ง เป็นเหตุให้นางต้องมานั่งคุกเข่าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด”
“ทุกชีวิตเชื่อนาง ยกเว้นเพียงสามี…แม่ทัพจ้าวเยว่ฉิน”
ส่วนแม่สามีผู้มีคุณธรรม เมื่อเห็นบุตรชายเกรี้ยวกราดใส่สะใภ้คนโปรดก็รีบออกโรงปกป้อง
“เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดเจ้าถึงต้องรุนแรงกับนางเช่นนี้!”
จ้าวฮูหยินตรงเข้าไปประคองลู่เหลียนให้ลุกขึ้น ก่อนจะต่อว่าบุตรชายที่ทำรุนแรงเกินจะให้อภัย ยิ่งพักนี้นางสงสัยว่าสะใภ้จะตั้งครรภ์ นางจึงไม่อยากให้มีสิ่งใดมากระทบกระเทือนจิตใจลู่เหลียน สายตาผู้เป็นมารดามองตรงไปยังบุตรชายและสะใภ้อีกคนที่นางไม่ยอมรับ
“ท่านแม่เลิกปกป้องนังจิ้งจอก….”
“เจ้าเองควรจะรวมกิริยาเอาไว้บ้าง อิงหยวน ข้าถามบุตรชายข้า หาได้ต้องการคำตอบจากเจ้าไม่”
นางกล่าวตำหนิอนุภรรยาของบุตรชายที่เกาะแกะกันไม่ห่าง ไม่เพียงจ้าวฮูหยินที่ไม่พอใจ แม้แต่อดีตแม่ทัพจ้าวและฮูหยินเฒ่าเองก็ไม่ชอบท่าทางออดอ้อนไร้กาลเทศะเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ไม่อยากเข้าไปแทรกแซง ปล่อยให้เป็นหน้าที่มารดาสั่งสอนบุตรชาย
“ท่านแม่เลิกตำหนิหยวนเอ๋อร์เถิด หากท่านจะตำหนิก็ควรเป็นสตรีชั่วร้ายผู้นี้!”
“นางทำสิ่งใดผิดหนักหนา เจ้าถึงต้องทำกับนางเช่นนี้”
จ้าวฮูหยินเอ่ยถามบุตรชายด้วยความสงสัย ที่ผ่านมาลู่เหลียนเป็นภรรยาและสะใภ้ที่ดีให้ตระกูลจ้าวมาโดยตลอด ไม่มีทางที่นางจะทำเรื่องไม่ดีหรือเรื่องเสื่อมเสียให้แก่ตระกูลจ้าว
หากเป็นอนุภรรยาของบุตรชายก็ว่าไปอย่าง
“บอกมารดาข้าว่าเจ้าทำสิ่งใดเอาไว้”
จ้าวเยว่ฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดันน่าเกรงขาม สายตามองสตรีที่นั่งคุกเข่านิ่งไม่ตอบโต้ผู้ใด ลู่เหลียนเงยหน้าขึ้น สายตานางราบเรียบแต่กระนั้นก็หาได้มีเล่ห์เหลี่ยมแอบแฝง สามผู้อาวุโสมองนางด้วยสายตาเห็นใจ แต่ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงเรื่องระหว่างสามีภรรยาได้
“ท่านย่า ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้าลู่เหลียนผู้นี้ขอสาบานต่อสวรรค์ หากข้าทำชั่วต่อตระกูลจ้าวจริง ก็ขอให้สรรค์ลงโทษข้าได้เลย”
หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง
“แต่หากเป็นผู้อื่นที่คิดร้ายต่อตระกูลจ้าว ก็ขอให้สวรรค์ลงโทษคนผู้นั้นให้สาสมเช่นกัน”
ลู่เหลียนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของนาง แผนยุทธศาสตร์ในกองทัพ สตรีเช่นนางจะไปรับรู้ด้วยได้อย่างไร ยามที่ท่านกุนซือและรองแม่ทัพมาที่จวน นางก็หาได้เคยเข้าไปยุ่งวุ่นวายไม่ ตัวนางถ้าไม่อยู่ในห้องก็จะไปขลุกอยู่กับฮูหยินเฒ่าและแม่สามี หาได้เคยไปก้าวก่ายงานสำคัญของจ้าวเยว่ฉินไม่
“เจ้ากล้าดีอย่างไรเอาสวรรค์มาล้อเล่น”
อิงหยวนตวาดลั่น แต่ลู่เหลียนหาได้สะทกสะท้านไม่ แต่ใดมาอิงหยวนคอยหาเรื่องนางเสมอ แต่นางก็หาได้ยอม นางไม่ใช่คนดีที่ต้องนั่งเฉยถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งรังแก โดยเฉพาะอดีตนางโลมผู้ต่ำช้าเช่นสตรีผู้นี้ ยิ่งไม่มีสิทธิ์มาเทียบชั้นกับบุตรสาวาชครูเช่นนาง
อีกทั้งนางยังเป็นฮูหยินใหญ่ ตามธรรมเนียมแล้ว อิงหยวนจะต้องนอบน้อมต่อนาง หาใช่ก้าวร้าวปีนเกลียว
“เรื่องนี้หาใช่เรื่องที่เจ้าต้องสอดแทรก”
อดีตแม่ทัพจ้าวที่นั่งเฉยมานานกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแฝงตำหนิติเตียนสะใภ้โคมเขียว อิงหยวนเงียบปากทันทีที่ประมุขแห่งจวนกล่าวจบ แม้นางจะถือดีว่าเป็นคนโปรดของสามี แต่กระนั้นนางก็ยังหวั่นเกรงในอำนาจบารมีของอดีตแม่ทัพผู้น่าเกรงขาม
แม่ทัพจ้าวที่นิ่งไปนาน เขาสบตาบิดาที่มองมาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนสูดลมหายใจและกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ข้าต้องการหย่า….”
เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนกล่าวต่อ
“…..ข้าต้องการหย่ากับลู่เหลียน”
สิ่งที่แม่ทัพหนุ่มเรียกร้องทำให้มารดาของเขานั้นถึงกับซวนเซด้วยความหน้ามืด ส่วนลู่เหลียน นางเงยหน้ามองสามีด้วยสายตาไม่เข้าใจ
สองปีก่อน นางพบกับเขาที่วังหลวง
สองปีก่อน เป็นเขาที่ปรารถนาจะแต่งงานกับนาง
สองปีก่อน เขาบอกรักนางทุกค่ำคืน
แต่แล้วเมื่อสตรีนามว่าอิงหยวนก้าวเข้ามาในจวนแห่งนี้ สามีที่นางเคยรู้จักก็เปลี่ยนไป
เขาห่างเหินเย็นชาต่อนาง
ผลักไสนางทุกครั้งยามพบหน้า
ราวกับความสุขที่ถูกกระชากหลุดลอยไปในพริบตา หากไม่ได้แม่สามีคอยรั้งไว้ นางคงไปจากที่นี่ตั้งนานแล้ว
และในวันนี้ความปรารถนาของนางก็เป็นจริง วันที่นางเฝ้ารอคอยสิ้นสุดลง ความรักความศรัทธาที่นางเคยมีให้สามีนั้นได้ปลิดปลิวหายไปกับสายลมเสียแล้ว
หญิงสาวคำนับเขาราวกับผู้มีพระคุณ คราแรกนางมองเขาด้วยสายตาสับสนไม่เข้าใจ แต่ยามนี้นางมองเขาด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่มอบอิสระแก่ข้า ข้าจะจดจำไว้ว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับจากท่าน”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความยินดี นางยังรักเขาเต็มหัวใจของนาง แต่มันจะมีประโยชน์อันใด หากบุรุษตรงหน้าหมดรักในตัวนาง และมีสายตาเพื่อมองสตรีข้างกายเท่านั้น
นางเสียใจ ชอกช้ำใจ แต่ก็พยายามเข้าใจ
จากนี้ไป นางจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับก้อนเลือดในท้องที่สามีไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตนี้
เปิดเรื่องมาก็ดราม่าเลฃยฮะ ท่านผู้ชม