นี่ใช่ไหมประโยคที่ว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นเอริคส่ายหัวน้อยๆให้เจ้านาย ใครก็รู้ว่าบริษัทนั้นเกินจะเยียวยาแต่เรียวมะยังอยากที่จะสอดมือเข้าไปช่วยแผลใหญ่เหวอะหวะนั้นอีก ถ้าไม่ใช่อยากแต่งงานกับคุณเชอรีนมันจะมีเหตุผลอะไรที่เรียวมะจะทำแบบนั้นยิ่งเขาที่ทำงานกับเจ้านายมานานยิ่งรู้ว่าเรียวมะไม่เคยช่วยใครแบบที่ตัวเองต้องเสียผลประโยชน์ร้อยเปอร์เซ็นอย่างนี้มาก่อน
“คุณต้องหัดสั่งสอนครอบครัวลุงคุณได้แล้ว และอีกอย่างถ้าขายให้นักลงทุนต่างประเทศบริษัทที่ครอบครัวคุณสร้างมาพังยับแน่ พวกนั้นคงจะเหลือไว้แค่แผ่นกระเบื้องให้คุณ”
ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผลแต่ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาก็ไม่ได้อยากได้ที่ดินตรงนั้นเหมือนกัน ถึงแม้ฉันจะทำเป็นไม่สนใจแต่ฉันก็ได้รู้ข่าวมาบ้างว่าบริษัทฉันตั้งอยู่บนที่ดินทองคำมีนายหน้าเสนอราคาแพงเฉียดฟ้ามาให้ลุงฉันหลายต่อหลายครั้งแล้วยิ่งตอนนี้ลุงตกที่นั่งลำบากไม่แน่อาจจะขายทั้งตึก
มือเล็กรูดซิบกระเป๋ากลับคืนนั้นทำให้เจ้านายลูกน้องที่มองอยู่แอบถอนหายใจไปตามๆกัน
“ผมร่างสัญญาขึ้นมา เราจะแต่งงานกันแค่สามปีพอสัญญาจบลงคุณจะเป็นอิสระ”
เลขาเห็นนะว่าเจ้านายเอานิ้วกลางไขว่นิ้วชี้ไว้อยู่ สามปีที่แปลว่าตลอดชีวิตครับคุณเชอรีน
‘เชอรีน ฉันตามพ่อของผู้ชายคนนี้ไปถึงบ้านหลังใหญ่อะไรไม่รู้ทำให้น้ำตาฉันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น และมีสถานที่หนึ่งซึ่งฉันเข้าไปไม่ได้’
‘คุณไปอยู่ไหนมารู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง’
‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันอยู่ดีๆเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงฉันให้ตามพ่อของผู้ชายคนนี้ไป เธอต้องช่วยฉันนะรีนฉันอาจจะค้นพบสาเหตุที่ทำให้ฉันตายก็ได้เวลาก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว’
‘หรือตระกูลนี้จะเป็นคนลงมือฆ่าคุณแม่หมอ’
‘ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันต้องพาเธอไปห้องลับนั้นให้ได้’
หลังจากฉันได้คุยกระแสจิตกับแม่หมอฉันก็ตัดสินใจได้ทันที
“ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”
“นี่สัญญามาอ่านดูสิ” เอานิ้วเคาะลงที่กระดาษบนโต๊ะราวกับว่าเตรียมมาพร้อมแต่แรกแล้ว
เอริคหน้าเหยจะไปร่างสัญญาที่หมายความว่าเตรียมพร้อมไว้นานเเล้ว!
ทำไมไม่จดทะเบียนไปเลยล่ะ
ฉันเดินเข้าไปก่อนจะหยิบสัญญานั้นขึ้นมาอ่านให้ครบถ้วนไม่รอช้าเมื่อทุกอย่างไม่ได้เอาเปรียบฉันจนเกินไปฉันจึงตวัดลายเซ็นลงบนกระดาษสองแผ่นซึ่งมีลายเซ็นเรียวมะอยู่ก่อนแล้ว
“เราจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือน”
“เร็วไปนะคะ”
“สองอาทิตย์”
“หนึ่งเดือนก็ได้ค่ะ”
เพราะเอาแต่มองสำรวจไปรอบๆห้องเชอรีนเลยไม่เห็นรอยยิ้มของเสือร้ายแววตามองมาแทบจะขย้ำเธอลงท้องแล้วด้วยซ้ำ
“วันนี้ไปลองชุดแต่งงานกัน”
เอริคแทบเก็บอาการไม่ไหวถ้าเผลอหัวเราะออกมาเจ้านายได้เอาเขาตายแน่!
“พรุ่งนี้แล้วกันค่ะ”
“มีเรื่องหนึ่งที่เธอต้องเข้าใจไว้ การเป็นเมียฉันข้อสำคัญเลยคือห้ามขัดใจ” ไม่พูดเปล่าแถมยังยืนขึ้นเต็มความสูงเดินไปโอบเอวคอดมาชิดตัวเองไม่พอยังแอบดมกลิ่นหอมๆจากเรือนผมดำดกของเชอรีนอีกด้วย
“เงินนี้เดี๋ยวให้เอริคส่งเข้าธนาคารไปให้ ไปกัน” จับแขนได้ก็ลากออกไปทันที
เชอรีนอยากห้ามแต่ไม่กล้ากลัวเขาหาว่าเธอไม่ทำตามสัญญาแล้วปล่อยบริษัทที่พ่อแม่เธอรักขายทอดตลาดไปจะทำยังไงเลยได้แต่สับขาเดินตามเขาไวๆเพราะเขาขายาวมาก ฉันที่ใส่ส้นสูงมาอดที่จะเอ็ดคนอารมณ์แปรปรวนไม่ได้
“เดินไม่ทันให้ผมอุ้มเอาไหม”
“มะ...ไม่ต้องค่ะ ฉันเดินเอง” เชอรีนเม้มปากไว้กรอกตาไปมาแทบไม่กล้าสบตาใครด้วยซ้ำ เธออายที่ต้องมายืนแทบสิงร่างเจ้านายพวกเขาแล้ว จะดิ้นก็ดิ้นไม่หลุดเสียด้วย
“ไหนว่าไปเลือกชุดแต่งงานไงคะ?”
“ใจร้อนจริง ไม่อยากแต่งแน่เหรอ”
“ฉันเปล่านะคะ”
ก็เขาพาเธอมาห้องเสื้อชื่อดังในห้างใหญ่ฉันก็แค่สงสัยเลยถามทำไมต้องแซวฉันตลอดเลย พอมาถึงพนักงานก็ก้มหัวให้เป็นแถวทำเอาฉันขนลุกเกรียว
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณเรียวมะ”
“อืม ฝากดูแลด้วย”
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ”
ก็เท่านั้นแหละฉันก็ต้องปลิวมาตามแรงดึงของบรรดาพนักงานอยู่ดีจับฉันมาวัดตรงนู้นทีตรงนี้แถมมีคำชมไม่ขาดปากชักอยากจะรู้ว่าฉันสวยจริงๆหรือชมลูกค้าทุกคนแบบนี้กันแน่
“ชุดนี้ผ่านไหมคะ?” แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะให้ฉันเลือกชุดไปไหนแต่ก็ยอมทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนที่นั่งปัดหน้าจอเลื่อนสายตาขึ้นมองก่อนจะส่ายหน้าไปมาฉันเลยต้องเม้มริมฝีปากกลับห้องเดิมไปเลือกชุดใหม่อีกครั้ง
“ชุดนี้ล่ะคะ?”
“สั้นไป”
“ชุดนี้ล่ะ?”
“จะเอาชายกระโปรงไปกวาดพื้นรึไง”
นั่นก็ไม่ นี่ก็ไม่เอานี่มันชุดที่อยู่บนร่างกายเธอนะ
“เอาชุดนั้นไปให้เธอ”
ฉันได้แต่พยักหน้าข่มอารมณ์เอาไว้ฉันออกจะคิดว่าตัวเองสวยทุกชุดมันแค่แอบโป๊ไปนิดหน่อยเองแต่ฉันชอบนะ เมื่อเขาเลือกชุดนี้ให้ฉันก็จะไปลองใส่ให้เขาดูก็แค่ชุดที่ตัดเย็บมาอย่างปรานีตพนักงานบอกว่ามีแค่ชุดเดียวในประเทศไทย เป็นเดรสสีขาวหม่นคอปกเนื้อหนามีกระเป๋าสองข้างอย่างน่ารักเป็นเสื้อกระบอกแขนยาวกระโปรงทรงกระบอกสั้นเลยเข่ามาหนึ่งคืบ พอใส่แล้วหน้าที่หวานเจอชุดหวานๆยิ่งดูหวานเข้าไปใหญ่แต่ต้องยอมรับว่าสายตาเรียวมะไม่แย่จริงๆ ฉันชอบสุดนี้ที่สุด
“มาแล้วค่ะท่าน”
ฉันเดินขึ้นมาบนแท่นยืนโชว์พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาเป็นครั้งแรก
คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ถึงกับต้องลดโทรศัพท์ลง ชุดว่าสวยหวานแล้วเจอรอยยิ้มนี้ไปเขาถึงกับใจเต้นจนต้องรีบดึงสติตัวเองให้หันไปมองทางอื่นบ้างไม่ใช่จ้องแต่คนตรงหน้า
“ก็ไม่เลว”
“พอเถอะค่ะ ฉันเปลี่ยนชุดนู้นไปชุดนี้จนเวียนหัวแล้วนะ”
“เอาชุดนี้”
“ค่ะท่าน”
ฉันเตรียมควักบัตรออกมาแต่พนักงานกลับยิ้มเดินผ่านฉันไปรับบัตรจากคนที่นั่งเก๊กอยู่บนโซฟา
“เดี๋ยวค่ะ”
“คะ?” พนักงานหันกลับมาพร้อมกับยิ้มให้
“ชุดนี้ ชุดนี้ นี้แล้วก็นี้ อืม...ชุดที่ฉันลองเมื่อกี้ทั้งหมดเอาใส่ถุงให้ด้วยนะคะ”
“เอ่อ...ค่ะ”
ฉันหันไปยิ้มให้เจ้าของบัตรแต่เขาแค่มองมาเหมือนจะถามว่ามีอะไรงั้นเหรอ ฉันได้แต่หัวใจเต้นตุ้บๆเพราะที่ทำไปนั้นอยากแกล้งคนขี้เก๊กแต่ดูแค่นั้นจะไม่สะเทือนขนหน้าแข้ง
“กระเป๋าด้วยได้ไหมคะ?”
“เอาสิ”
“รองเท้า”
“เลือกเลย”
“สร้อยเพชรล่ะ?”
“ผมมีเยอะอยู่นะ แต่ถ้าคุณอยากซื้อก็เลือกเอาเลย”