คนโสดป้ายแดง

1002 คำ
ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เกณิกาได้กลับมาอยู่ในสถานะโสด หลังจากที่ไม่ได้ลิ้มรสความรู้สึกนี้มาตั้งแต่มอสี่ เพราะพอตอบตกลงคบกับไอ้แชมป์เธอก็มีมันเป็นตัวถ่วงในชีวิตมาตลอด กระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมหลายขุม นอกจากนั้นก็ยังอดไม่ได้ที่จะเสียดายโอกาสที่เคยมีในอดีต เพราะหากไม่ได้คบกับมันเด็กเรียนดีคะแนนถึงอย่างเธอก็คงได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำไปแล้ว คงไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่เพราะลูกคนมีเงินแต่โง่อย่างไอ้แชม์ไม่มีปัญญาสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังนับว่าไม่ใช่เรื่องแย่นัก เพราะตัวเกณิกาเองก็ยังได้มาอยู่กับเพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็กอย่างสาริศา รวมถึงได้เรียนในสิ่งที่ชอบในมหาวิทยาลัยที่มีเครื่องมือทุกอย่างครบครัน เพราะการเรียนเอกชนนั้นจ่ายเข้าได้แต่จ่ายออกไม่ได้ การที่จะเรียนจบจากที่นี่เธอเองก็ต้องมีศักยภาพมากพอ ในวันที่เลิกกับมันไปแล้ว ตัวเธอที่เรียนอยู่ในคณะใกล้เคียงกันอาจจะมีโอกาสได้เจอมันบ้าง แต่แล้วอย่างไร เธอพาชีวิตของตัวเองเดินออกนอกเส้นทางนรกมาไกลเกินกว่าที่จะมานั่งเจ็บปวดเรื่องนี้แล้ว บอกตามตรงว่าวันแรกที่ได้ใช้ชีวิตโดยไม่มีมันเป็นแฟน เธอมีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยด้วยซ้ำ “โอ้ย ทำไมคนสวยๆ อย่างฉันต้องมายืนตากแดดตากลมแบบนี้ด้วย” เจนิตาหรือเจน เพื่อนในกลุ่มอีกคนที่เรียนอยู่ในคณะและสาขาเดียวกันเอ่ยขึ้น ขณะพวกเธอสามคนกำลังรอรถบัสโดยสารเพื่อจะไปรอเรียนต่อช่วงบ่ายที่ตึกนิเทศศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่เกือบหลังสุดของมหาวิทยาลัย ใบหน้าขาวใสที่เริ่มขึ้นสีเพราะอุณหภูมิของแดดตอนเที่ยงตรงนั้นทำให้ใบหน้าสาวลูกครึ่งเริ่มบูดบึ้งจนคางแทบจะมาบรรจบกับหน้าผาก ขณะที่ใช้เอกสารการเรียนซึ่งได้มาจากวิชาเมื่อเช้าโบกไปมาคลายความร้อน และขยับกายเบียดเข้าไปในเงาของอาคารที่มีอยู่เพียงน้อยนิด “โอ้ยเจน แล้วแกจะเบียดฉันเพื่ออะไรไม่ทราบ??” แต่เพราะการเบียดเข้ามามันเท่ากับเจนเบียดเธอไปด้วย เพราะอย่างนั้นเกณิกาจึงแหวขึ้นเสียงดังขณะที่มือบางผลักไสเพื่อนสาวผู้ตัวสูงกว่าให้ถอยออกห่างจากตัวเอง นังหัวทองตัวสูงนี่มันเบียดเข้ามาจนเธอแทบจะหงายหลังลงไปนอนขาชี้ฟ้าในดงต้นเข็มอยู่แล้ว!! "ก็ฉันร้อนไง!! แค่นี้ทำสำออยนักนะ" เจนิตาหันมาแหวกลับ ขณะที่มือขาวของสาวลูกครึ่งยกขึ้นผลักศีรษะของเธอกลับ ก่อนจะต้องรีบยื่นมือมาคว้ามือเล็กไว้ในวินาทีเดียวกันเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเสียหลักล้มลงไปจริงๆ “แกดูสิซิด เจนมันรังแกฉันอีกแล้ว” หากแต่หลังจากที่ตั้งหลักได้ เกณิกากลับหันมาฟ้องสาริศาที่ยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ในหลืบเงาตึกไม่ไกลกันมากนักปากยื่นปากยาว ใจความเรื่องที่ฟ้องก็ทำเอาเจนซึ่งยังคงยืนอยู่กลางแดดเพียงคนเดียวถึงกับกลอกตา “ตอแหลจริงๆ เลยนะตั้งแต่ไม่มีผัวแล้วเนี่ย เดี๋ยวแม่จะทุบให้หลังแอ่น” หญิงสาวผมทองเท้าเอวเอ่ยปากด่าด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้สุดฤทธิ์ ก่อนจะเอื้อมมาดึงผมของเธอและกระตุกเบาๆ อย่างไม่จริงจังมากนัก หากแต่เกณิกากลับแอคติ้งร้องกรี้ดเสียเสียงดังตามนิสัยเดิมที่ร่าเริงอยู่เสมอ เล่นเอานักศึกษาที่มายืนรอรถบัสเพื่อเปลี่ยนคลาสไปเรียนที่ตึกด้านหลังเหมือนกันหันมามองเป็นตาเดียว เหตุการณ์โกลาหลตรงหน้าพาให้เพื่อนคนเดียว ซึ่งไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วยอย่างสาริศาได้แต่ส่ายหน้ามองพวกเธอที่กำลังเล่นกันเป็นเด็กๆกระนั้นเกณิกาก็ยังเห็นว่าเพื่อนสนิทดีใจที่เห็นว่าเธอกลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ “พวกแกสองคนน่ะ ไม่อายคนอื่นเขาหรือไง คนมองทั้งมหาวิทยาลัยแล้วค่ะ!” สาริศาเอ่ยปากอย่างเอือมระอา ขณะที่มือยังคงใช้กระดาษพัดลมให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น ดวงตาเรียวชี้เหมือนแมวจ้องหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับพิมพ์ตอบคู่สนทนาไปด้วย “พอๆ คนอื่นเขาไม่ได้มารู้หรอกนะว่าพวกแกเล่นกัน เดี๋ยวเขาคิดว่าตีกันจริงขึ้นมา แล้วไปตามยามมาลากคอไปนี่คุณสาริศาขออนุญาตไม่รู้จักนะคะ” พิมพ์เสร็จเพื่อนสาวหมวยตัวขาวจั๊วะดั่งไข่ปอกจึงเดินมายืนแทรกตรงกลางเพื่อให้เธอกับเจนิตาหยุดเล่นกันเสียที มือขาวดั่งไข่ปอกยิ่งกว่าชาวบ้านชาวช่องนั้นยกกระดาษขึ้นมาบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเงยมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตั้งฉากกับศีรษะ และปล่อยไอความร้อนแผดเผาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เห็นแล้วเธอก็ได้แต่สงสารนังหมวยชื่อฝรั่งนี่ เธอกับเจนิตาว่าขาวแล้วตากแดดยังไม่ขึ้นรอยแดงเป็นปื้นเท่ากับสาริศาเลย ปิ้น! ปิ้น! ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้คิดว่าควรทำอย่างไรต่อ จู่ๆ รถเก๋งสีดำอันคุ้นเคยก็มาจอดที่ถนนตรงหน้า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เธอและเพื่อนยืนกันอยู่มากนัก “นั่นรถเหรินหรือเปล่าแก” "เออ นั่นรถเหรินนี่"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม