หนึ่งเดือนก่อนหน้า
‘แก ฉันไม่ไหวแล้ว’
นั่นคือครั้งแรกที่เธอตัดสินใจบอกสาริศาหรือซิดนีย์เพื่อนที่สนิทกันมานาน หลังจากที่เรื่องบ้าๆ นี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่เหนื่อยจะนับแล้ว ทว่ารอบนี้กลับเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เธอคิดจะยอมแพ้ และปล่อยความสัมพันธ์นี้ให้เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นมาตั้งนานแล้ว
มือเล็กบีบโทรศัพท์ในมือแน่น หน้าจอของมันยังสว่างและปรากฏภาพหลักฐานการนอกใจของ ไอ้แชมป์ แฟนคนปัจจุบันที่ตอนนี้เธอจัดสถานะของมันไปเป็น ‘แฟนเก่า’ เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเหม่อมองท้องฟ้ามืดสนิทภายนอก
ในห้องที่มืดพอๆ กับความหม่นหมองในใจ ภาพความเลวต่างๆ ไหลย้อนเข้ามาในหัวของเกณิกาอีกครั้ง ตั้งแต่รอบแรกที่มันนอกใจไปกับรุ่นน้องตอนมัธยม ซึ่งบอกกับเธอว่าเป็นแค่น้องที่สนิทเพราะอยู่ในชมรมโยธวาทิศเหมือนกัน
ภาพที่ปล่อยให้เธอรออยู่ในรถคนเดียว เพราะมันบอกว่าต้องขึ้นไปเอาของที่ห้องของเพื่อน ทั้งที่เรื่องจริงคือมันแอบขึ้นห้องผู้หญิงอีกคน
ภาพที่เราทะเลาะกันแล้วมันไล่ลงจากรถมอเตอร์ไซต์ทั้งที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่เปลี่ยว จนเธอต้องโทรหาสาริศาให้ขับรถของพ่อมารับเพราะโทรหามันไม่ติด หลายครั้งหลายคราวที่เธอดวงตามืดบอดเพราะติดหล่มความคิดของตัวเอง
และอีกไม่รู้กี่ครั้งที่ถูกลดทอนความมั่นใจ ทั้งเรื่องหน้าตา รูปร่าง การเรียน และความสามารถ
เพื่อนสนิทขอร้องเธอหลายครั้งให้เลิกกับไอ้แชมป์ไปเสีย เพราะคนอย่างมันมีแต่จะทำให้ชีวิตของเธอต่ำลง ถึงอย่างนั้นเกณิกาก็ยังทำให้เพื่อนผิดหวังไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่แม้ว่าเธอจะโง่แค่ไหนสาริศาก็ยังคงอยู่ข้างกันเสมอ
ทุกครั้งที่มันมาง้อและเธอก็เดินตามมันกลับไป เกณิการู้ดีว่าสาริศาเหนื่อยใจแค่ไหน แต่ครั้งนี้มันจะเป็นครั้งสุดท้าย สุดท้ายแล้วจริงๆ ที่เธอจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษต่อหัวใจแบบนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะของประตูที่ดังขึ้นพร้อมกับโทรศัพท์ที่สั่นครืด ดึงให้หญิงสาวตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิดอีกครั้ง มือน้อยยกขึ้นปาดน้ำตาของตัวเอง เมื่อมองหน้าจอแล้วพบว่าเป็นเพื่อนสนิท เธอจึงลุกขึ้นจากพื้นที่ตัวเองนั่งอยู่ พาร่างกายโซซัดโซเซเดินไปเปิดประตู
“ซิน เป็นยังไงบ้างแก” ถ้อยคำที่มีแต่ความห่วงใยทุกครั้งพาให้ดวงตาของเธอยิ่งพร่ามัวไปด้วยน้ำตา
เกณิกาถึงกับปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นยามที่ซบลงบนไหล่เล็กของเพื่อน ยิ่งรับรู้ถึงฝ่ามือบางที่ลูบอยู่บนแผ่นหลังอย่างปลอบโยนเธอก็ยิ่งร้องไห้หนัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ร้องไห้อยู่นานเป็นชั่วโมงแล้ว
“ฮึ่ก มัน มะ มันนอกใจฉันอีกแล้ว ครั้งนี้ฉันไม่ไหวแล้วซิด ฉันจะเลิกกับมัน” แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่พูดคำว่าเลิกพร่ำเพรื่อ แม้จะเคยเจ็บปวดกับผู้ชายเลวๆ อย่างไอ้แชมป์แค่ไหน เธอก็ไม่เคยพูดว่าจะเลิกกับมันเลยสักครั้ง
ทว่าครั้งนี้กลับไม่เหมือนก่อนเพราะเธอพูดมันออกมาจากใจจริง และนั่นทำให้สาริศาถึงกับชะงักไป
“ปิดประตูให้หน่อยค่ะ เดี๋ยวซิดดูเพื่อนเอง” หญิงสาวหันไปพูดกับใครบางคนที่ยังคงยืนอยู่ด้านหลัง
คำพูดที่สุภาพมากกว่าที่ใช้กับเพื่อนในเวลาปกติทำให้เกณิกาถึงกับหยุดร้องไห้ไปชั่วขณะ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยยามที่ผละออกจากเพื่อนรักเพื่อมองไปที่อีกคนที่มาด้วยกัน
“เหริน มาได้ไงคะ” และเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังสาริศา คือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้ทำผมสองสี ผู้ชายอีกคนที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนรู้จักที่ดีกับเธอมากๆ อีกฝ่ายคือเพื่อนร่วมคณะของไอ้แชมป์และเรียนอยู่ในชั้นปีเดียวกัน เธอรู้จักเขาก็เพราะแบบนั้น
แต่ทำไมเขาที่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้ถึงโผล่มาที่นี่ในตอนนี้ได้ล่ะ
“พอดีเหรินผ่านมาเห็นซิดนีย์ท่าทางดูรีบร้อน พอรู้เรื่องเธอก็เลยอาสามาส่งครับ”
“ฉันบอกเหรินเองแหละซิน นี่เหรินก็จะมาช่วยพาแกออกไปจากที่นี่ด้วย” สาริศาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจนทัตพูดจบ เกณิกาได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังปิดประตูห้อง ก่อนที่เขาจะหันกลับมายืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ไหน
ถึงอย่างนั้น ยามที่หันมาเธอก็ยังเห็นสายตาห่วงใยปนสงสารที่ส่งมาให้
แม้จะไม่ได้อยากให้ใครรู้เรื่องนี้นัก บวกกับไม่อยากที่จะรบกวนอีกฝ่ายเลยสักนิด ทว่าเกณิกาก็ไม่ได้คิดจะว่ากล่าวอะไรสาริศาเพราะรู้ดีว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร เธอกำลังจะขนของออกจากห้องที่เคยเช่าอยู่กับไอ้แชมป์แบบไม่บอกให้มันรู้ตัว
การมีแค่ผู้หญิงสองคนหรือกระทั่งมีเพื่อนในกลุ่มอีกสามคนมาด้วยยังไงเสียพวกเราก็เป็นผู้หญิง หากไอ้แชมป์เกิดกลับมาเจอว่าเธอกำลังจะหนีคงไม่มีใครหยุดมันจากความรุนแรงได้ แต่หากมีเจนทัตมาด้วยเธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นโล่ห์กันภัยชั้นดี
หากไอ้แชมป์กลับมาในช่วงนี้จริง ไม่มีทางที่คนขี้ขลาดตาขาวแบบมันจะกล้าทำอะไรหากมีผู้ชายอยู่ด้วย
“แกเก็บของหรือยัง” สาริศาถาม ขณะที่พาเธอมานั่งลงบนเตียงแล้วนั่งลงข้างๆ กัน สายตาที่เป็นห่วงนั้นยังคงเหมือนเดิมดังเช่นทุกครั้งที่อีกฝ่ายรู้ว่าเรื่องบัดซบนี้เกิดขึ้น และนั่นพาให้เกณิกาอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ
ที่ผ่านมาสาริศาคงเหนื่อยที่จะรับฟังเรื่องชีวิตรักไร้สาระของเธอมาก แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ทิ้งกันไปไหน
“เก็บแล้ว กระเป๋าอยู่ในตู้”
“งั้นเราไปกันเถอะแก เกิดมันมาเจอแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเราย้ายออกไปแล้วถึงตอนนั้นมันก็ทำอะไรไม่ได้” ได้ยินเธอตอบรับแบบนั้นเพื่อนสนิทก็กระวีกระวาดลุกขึ้นไปเปิดตู้ ส่วนเจนทัตเดินตามไปพร้อมกับยกกระเป๋าเดินทางใบโตใบนั้นออกมา แล้วเข็นมันเดินไปรอที่ประตู
ตั้งแต่ต้นจนจบเกณิกาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เธอมองหาของที่เป็นของตัวเองที่จะหลงเหลืออยู่ที่นี่ ก่อนจะพบว่าของบางอย่างที่เอาไปไม่ได้นั้นเธอทิ้งมันลงถังขยะตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว
การไปครั้งนี้เธอไม่คิดที่จะกลับมาอีก นอกจากนั้นก็ยังไม่คิดที่จะเก็บของอะไรก็ตามที่จะทำให้นึกถึงคนเลวๆ แบบนั้นไปด้วย
“ไปกันเถอะครับ” ทว่าขณะที่กวาดมองรอบห้องซึ่งเธออาศัยอยู่กับไอ้แชมป์มาตั้งแต่ปีหนึ่ง จู่ๆ ผู้ชายหนึ่งเดียวในที่นี้ก็พูดขึ้น หันกลับไปก็เห็นว่าทั้งเพื่อนทั้งเจนทัตยืนมองเธออยู่ที่หน้าประตู
ยิ่งได้เห็นแบบนั้นมันก็ยิ่งสะท้อนในใจของหญิงสาว มีคนพร้อมช่วยเหลือเธอออกจากความสัมพันธ์ทุเรศทุรังนี้เสมอ มีแค่ตัวเองนั่นแหละที่ไม่รักตัวเอง
เพราะฉะนั้นในตอนนี้นอกจากจะตัดใจจากมัน เธอควรเลิกร้องไห้เพราะเรื่องของไอ้เวรนี่เสียที มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตเลย
ไม่เลยสักนิด
“อืม ไปกันเถอะ”
เธอที่อายุเพียงเท่านี้ไม่ควรต้องมาทุกข์ทนเพราะเรื่องพวกนี้อีกแล้ว คนเลวๆ อย่างไอ้แชมป์ต่างหากที่จะต้องทุกข์เพราะไม่เหลือใคร