ตอนที่ 6

1492 คำ
6 นลินยื่นมือไปรับกระดาษสีขาวที่พนักงานส่งมาให้พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตากลมโตมองตามมือใหญ่ที่ชี้บอกตำแหน่งของเจ้าของกระดาษ พร้อมพยักหน้ารับ ริมฝีปากรูปกระจับขยับเคลื่อนขึ้นลงตามทำนองของบทเพลง ขณะเหลือบสายตาลงมองดูข้อความในกระดาษ ที่พอจะเดาได้อยู่แล้วว่ามันเขียนอะไร เหมือนๆ กับที่เคยได้รับมาทุกครั้ง แต่ก็อดที่จะหน้าตึงไม่ได้และรีบขยำทิ้งอย่างเสียความรู้สึก ผู้ชายที่มาเที่ยวที่นี่ก็เหมือนกันหมด เห็นนักร้องเป็นเหมือนกับอีตัวที่จะลากไปไหนมาไหนด้วยก็ได้ตามความพอใจ พอได้ลิ้มชิมรสหวานสำเร็จเรียบร้อยก็ทิ้งไปอย่างไม่สนใจไยดี บางคนดีหน่อยเลี้ยงดูเป็นนางน้อยๆ แต่ถ้าบ้านใหญ่รู้เมื่อไหร่ก็ต้องเลิกเมื่อนั้น หรือถ้าหากว่าไม่รู้ก็อยู่กันไป พอเบื่อหรือว่าได้เจอกับสาวน้อยคนใหม่ก็หาทางเขี่ยทิ้ง อย่างไม่สนใจในความรู้สึกของคนที่ถูกทอดทิ้ง มือเล็กเรียวกำเข้าหากันแน่น อึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก รังเกียจพวกผู้ชายเจ้าชู้เห็นไม่มีหางแล้วก็ฟาดเรียบ ผู้ชายคนที่ส่งข้อความมาให้เธอนั่น ตัวดีเชียวล่ะ ได้ข่าวว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ ดวงตาคมออกดุเล็กน้อยแต่ก็หวานราวกับเคลือบน้ำตาล มองมาแต่ละครั้งเหมือนกับจะสะกดจิตให้หลงใหล ปากหวานน้ำตาลยังต้องเรียกว่าพี่ แต่นั่นแหละ ต้องยอมรับ ชายหนุ่มเก่ง รวยและมีเสน่ห์ สาวๆ ต่างก็หลงใหลในคำหวานที่เอ่ยออกมา พร้อมความหวังว่าจะได้เป็นคุณนายแห่งตระกูลอรุณสนิทชัยวงศ์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยสักนิด เพราะปลาไหลอย่างเทพกานต์ไม่มีทางที่จะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงเพียงคนเดียว ใบหน้าขาวสวยแสยะยิ้ม พร้อมกับถลึงตาส่งไปให้ชายหนุ่มที่โบกไม้โบกมือให้ ไม่ใช่ว่าเธอจะหยิ่งหรืออะไรนะ แต่ไม่ชอบที่จะเอาตัวไปสนิทสนมกับคนรวยและเจ้าชู้ อีกทั้งเธอเคยรู้รสของความเจ็บปวดจากผู้ชายปากหวานแต่ไม่จริงใจมาแล้ว ในครั้งนั้นเจ็บปวดปางตาย กว่าที่จะผ่านพ้นมาได้ก็หลายปี แต่ก็ต้องขอบคุณในความเจ็บนั้น เพราะมันทำให้เธอเข้มแข็ง แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่ภายในกลับแกร่งเสียยิ่งกว่าหินผา หญิงสาวส่งรอยยิ้มเศร้าๆ พร้อมกับครวญเพลงรักหวานปนเศร้าอีกเพลง ก่อนจะวางไมค์และเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที โดยไม่แม้แต่จะหันมองชายหนุ่มคนที่ส่งข้อความมาให้ ร่างโปร่งบางพาตัวเองเดินลัดเลาะไปยังห้องแต่งตัวซึ่งทางไนต์คลับมอบไว้ให้ อย่างต้องการจูงใจให้เธอทำงานที่นี่ไปนานๆ เพราะคืนใดที่เป็นคิวร้องของเธอ คืนนั้นจะมีแขกเต็มจนล้นเสมอ มือเรียวปลดเอาเครื่องพันธนาการที่เธอไม่เคยจะชอบเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต่างหูที่ห้อยระย้าจนเกือบจะถึงไหล่ สร้อยคอคริสตัลซึ่งสะท้อนแสงไฟเป็นประกายยามขยับ หรือแม้แต่ไอ้เครื่องสำอางที่พอกจนแทบจะไม่เห็นเค้าหน้าที่แท้จริง แล้วรอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่จะกระทำหลังจากนี้ มือเล็กดึงพนักเก้าอี้ออกมาและทรุดตัวนั่งลงไป ดวงตากลมโตมองผู้หญิงในกระจกเงาบานใหญ่ ปลายนิ้วเรียวลากไล้ไปบนใบหน้าซึ่งเปลี่ยนไปจากวันวานจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ดวงตากลมโตฉายแววร้าวราน ขอบตาร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยสร้างบาดแผลในชีวิต น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้า ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นเล็กน้อย จนนลินต้องรีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปในทันที ใบหน้าคมหวานแหงนหงายไปด้านหลัง พร้อมกับหลับตาลงอย่างเหนื่อยและล้า จนแทบอยากจะนอนหลับไปเสียตรงนี้แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย แต่ก็คงเป็นได้เพียงแค่ความคิดเท่านั้นเอง เพราะในความเป็นจริง คนเราไม่มีทางที่จะนอนหลับและไม่ตื่น หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกจากปอด มือเล็กยื่นไปคว้าแก้วน้ำอุ่น เหยาะน้ำมะนาวและน้ำส้มสูตรที่เธอคิดขึ้นมาเองเพื่อใช้รักษากล่องเสียงให้หวานใสเหมือนกับน้ำในแก้วมาดื่ม พร้อมความคิดที่แล่นออกไปยังชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอก อยากรู้นักว่าเทพกานต์จะทำอย่างไร เมื่อถูกเธอปฏิเสธแบบนี้ อืม...จะว่าไปก็ชักอยากจะเห็นหน้าเสียแล้วซิ จะหน้าเขียวหน้าเหลืองหรือว่าจะซีดเผือดเหมือนไก่ต้ม เพราะไม่เคยโดนหญิงสาวคนไหนหักหน้ามาก่อนเลยในชีวิต ใบหน้าขาวสวยแย้มยิ้มจนเห็นไรฟัน ดวงตากลมโตเป็นประกาย คิดแล้วก็อยากจะหัวเราะ ต่อไปนี้สิ่งที่ชายหนุ่มไม่เคยเจอ ก็จะต้องเคยเมื่อได้พบกับเธอ คิดแล้วก็ชักจะสนุกแล้วซิ นลินส่ายศีรษะกับความคิดของตัวเอง ดวงตากลมโตหลับลงอย่างช้าๆ ด้วยต้องการพักสายตาจากแสงไฟที่สว่างจ้าเป็นช่วงๆ กับความเหนื่อยล้าจากงานประจำที่วันนี้กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบจะถึงเวลาร้องเพลง เพราะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ทำงานที่นั่น ยังดีว่าแพรพนัสไปรับได้ทัน ไม่งั้นเธอคงเข้างานที่นี่สาย รอยยิ้มหวานนุ่มแต่งแต้มบนใบหน้า เมื่อนึกถึงเพื่อนรักนัยน์ตาคมหวานและนิสัยดี แต่แสนจะห้าวและไม่ยอมใครแล้วก็นึกขึ้นได้ แพรพนัสจะมารับเธอไปทานข้าวต้มรอบดึก ก่อนเพื่อนรักจะต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดหลายวัน     เทพกานต์ถึงกับหน้าตึงเปรี๊ยะ และหันไปถลึงตาใส่เพื่อนรักที่นั่งหัวเราะงอหงายอยู่ใกล้ๆ “หยุดหัวเราะเลยนะมึงไอ้ฉัตรถ้ายังไม่อยากถูกกูเอาเท้าเหยียบหน้า” กรามหนาขบกัดจนนูนเด่นและแทบจะได้ยินเสียงดังกรอดๆ ถ้าไม่มีเสียงดนตรีและเสียงเพลงที่แว่วมา ดวงตาคมกริบวาววับเหมือนดวงตาพญาเหยี่ยวลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ เพราะเสียหน้าที่ถูกปฏิเสธ แล้วชายหนุ่มก็โยนความผิดที่ถูกเพื่อนหัวเราะไปให้กับนักร้องสาวสวยที่เดินลับหายไปจากสายตา “อ้าว...เฮ้ย...มึงโกรธแม่สาวนักร้องนั่นแล้วมาลงที่กูได้ไงวะ โกรธใครก็ไปลงกับคนนั้นซิโว้ยไอ้เทพ” ฉัตรจักรโวยวายเสียงดัง พร้อมความเสียดาย ด้วยตรงที่นั่งอยู่แสงไฟไม่สว่างเท่าไหร่ เลยทำให้เขาเห็นหน้าเพื่อนรักไม่ชัด แต่ก็คิดว่าคงจะแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะที่กรุ่นอยู่เป็นแน่แท้ แล้วก็นึกกลัวระคนสงสารนักร้องสาว ซึ่งเพิ่งจะเดินจากไปเมื่อครู่ ที่กล้าหาญหักหน้าเทพกานต์อย่างไม่รู้เลยว่าชะตากรรมตัวเองจะต้องเจอกับเรื่องร้ายแรงอะไรบ้าง มือใหญ่ยกขึ้นตบบ่ากว้างเบาๆ “หรือมึงจะหมดเสน่ห์แล้ววะไอ้เทพ ผู้หญิงเขาเลยไม่สนใจ” ฉัตรจักรถามน้ำเสียงยิ้มๆ ดวงตาคมตวัดมองไปยังมุมทางเดินที่ร่างโปร่งบางลับหายไปเมื่อครู่อย่างเสียดาย แรกเริ่มเขามาที่นี่ก็เป็นเพราะเรื่องงาน แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องหวานเศร้าและไพเราะเพราะพริ้งช่างต่อว่าต่อขานนั่นเข้า มันตรงเข้าไปกระแทกตรงกึ่งกลางหัวใจอันแข็งแกร่งให้อ่อนยวบและละลายกลายเป็นเทียนไขถูกลนไฟในบัดดล ใบหน้าคมคร้ามค่อยๆ หันไปมองอย่างเชื่องช้าแล้วก็ต้องตกตะลึง หัวใจเต้นแรงและเร็วไม่เป็นจังหวะ ยามสายตาได้ยลใบหน้าหวานปนเศร้าที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามซึ่งสะท้อนอยู่ในแสงไฟรำไร เหมือนกับตกอยู่ในมนต์สะกดแห่งความสวยเศร้า แต่อุปสรรคก็มี เมื่อได้เจอกับ... ไม่รู้ว่าเขาจะเรียกอะไรดี ผู้หญิงห้าว ทอมบอย ผู้ชายในเพศหญิง หรือว่าผู้หญิงในเพศชาย เพราะบอกตรงๆ เขาดูไม่ค่อยจะออกจริงๆ ร่างเล็กกะทัดรัดฉบับกระเป๋าในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรัดรูป สวมแจ็คเก็ตหนังสีดำสนิท และยังมีหมวกแก๊ปสีเดียวกับตัวเสื้อที่สวมทับ ทำให้ดูทะมัดทะแมง แข็งแกร่งแต่ก็บอบบางในคราวเดียวกัน ใบหน้าเรียวดวงตากลมโตขนตายาวและงอน จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อ จนเห็นครั้งแรกเขานึกว่าเป็นหญิง แต่พอได้ยินเสียงพูดเท่านั้นเองก็ต้องผงะ เพราะมันใหญ่ แหบและห้าวเหมือนกับเสียงผู้ชายเสียมากกว่า แล้วที่สำคัญที่สุดก็คือ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม