“ช่วยด้วย!”
เสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือดังกึกก้อง เขาวิ่งทั่วชั้นสองของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ภายในคฤหาสน์ช่างมืดมิด มีเพียงแสงจากฟ้าที่ผ่าลงมาสาดส่องเข้ามาด้านใน ให้เห็นภายในเป็นระยะ ๆ แต่มันไม่เพียงพอหรอก เขาวิ่งไปสะดุดหกล้มไป ตามเนื้อตัวมีเลือดและแผลเต็มตัว เขาวิ่งไปจนหาบันไดเจอ แรงเฮือกสุดท้ายทำให้เขายังวิ่งได้ถึงขนาดนี้ เขาวิ่งไปจนถึงประตูหน้า ทุบอย่างเอาเป็นเอาตาย
เอี๊ยด...เอี๊ยด...
ความกลัวแล่นจับใจ แรงเฮือกสุดท้ายที่มีสิ้นลงทันใด เขาหันไปมองข้างหลังตนช้า ๆ เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบันไดยังดังต่อเนื่อง บางอย่างกำลังตรงมาหาเขาช้า ๆ
“ได้โปรด...ได้โปรด...ผมขอโทษ...อย่าทำอะไรผมเลย ขอร้องล่ะ” เขาทรุดลงกับพื้นหลังติดกำแพง ไร้ซึ่งทางหนี ได้เพียงแต่อ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ช่วยเขาพ้นหายนะ แต่เสียงมันไปไม่ถึงท่านแล้วล่ะ
“จะกลัวทำไม” เสียงแปลกประหลาดดังขึ้น ดังมาจากสิ่งที่ตามล่าเขา “ทีตอนแกกับเพื่อนแกทำเรื่องเลว ๆ ยังไม่กลัวกันเลยหนิ” มันเดินมาหยุดหน้าเขา “ทำเป็นกลัวไปได้ ที่งี้มีร้องขออ้อนวอน แล้วใครมันอยากจะช่วยกันล่ะ”
“พระเจ้าได้โปรด” ชายที่อ้อนวอนต่อพระเจ้ายังไม่หยุดอ้อนวอน
“เออ พูดต่อไปเลยนะ” สิ่งนั้นเงื้อมมือขึ้น แสงฟ้าผ่าสาดกระทบกับของในมือที่เหมือนจะเป็นโครงกระดูกมากกว่ามือมนุษย์ “ในเมื่อมันเป็นสิ่งเดียวที่แกทำได้ ไอขี้ขลาด อ้ะ...เผื่อแกไปแล้วเจอพระองค์ ฝากทักทายท่านด้วยล่ะ” มีดเล่มใหญ่ฟันชับลงกลางหน้าผากของชายคนนั้น
“ตายแล้วเหรอ” สิ่งนั้นเอ่ยเมื่อร่างของชายแน่นิ่ง เลยใช้มีดเล่มใหญ่แตะ ๆ ที่ร่างไร้วิญญาณ “ยังขยับอยู่นี่...ตาย ตาย ตายซะทีสิวะ!” ก่อนจะใช้มีดทั้งแทงทั้งปักร่างไร้วิญญาณอย่างบ้าคลั่งพร้อมตะโกนด่าทอร่างนั้นอย่างคั่งแค้น
“เฮ้อ เหนื่อย...ด่ามากของเข้าตัวเองอีก” สิ่งนั้นในชุดสีดำเดินออกห่างจากชายที่พึ่งฆ่าไป แหงนมองรูป ๆ หนึ่งในเงามืด “เมื่อไหร่จะมีคนที่รู้ใจมามั้งนะ” ก่อนอารมณ์จะเสียอีกรอบ “ดูสิ!” มันชี้ไปที่ศพ “แค่นี้มันไม่ช่วยแก้เบื่อหรอก ผมอยากได้...มาก...มากกว่านี้อีก!” แล้วเปลี่ยนพูดเสียงละห้อย “อย่าใจร้ายส่งใครมาสุ่มสี่สุ่มห้านักสิ ผมก็เหงาเป็นนะ...จะชายหรือหญิงก็ไม่เกี่ยงหรอก”
มันหันขวับไปมองศพ
“ไหน ๆ คนที่พี่ส่งมาให้ฉันก็จัดการหมดแล้ว อย่าใจร้ายกับพวกเขามากละกัน คุ้มครองวิญญาณโสมมพวกนี้ด้วยนะครับ” ภายใต้ผ้าคลุม เหมือนกับมันกำลังแสยะยิ้ม ฟันแหลมเรียงรายเต็มช่องปาก “ลูซิเฟอร์คุ้มครองนะ”
ผมไมเคิล มาโลสวิว นักศึกษาปีสองที่เบื่อหน่ายชีวิตตัวเอง ทำไมน่ะเหรอ ช่วงนี้เป็นเดือนมีนาคม ใช่ ปิดเทมอฤดูร้อนไง! แต่ต้องมานั่งเป็นสารถีไปรับไปส่งเจ้าพี่ชายตัวแสบที่ทำเป็นโอดโอย แถมพ่อแม่บังเกิดกล้าวยังตามใจจนเคยตัว ไม่ว่าทำอะไรไอ้คุณพี่ชายจะต้องถูกเสมอ ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่รู้เหมือนกันจะทนดักดานให้พวกเขาเหม็นขี้หน้าทำไม
ผมกำลังดูเครื่องยนต์ว่ามีอะไรเสียหายหรือเปล่า วันนี้ต้องพาคุณท่านกับเพื่อน ๆ ของเขาไปเที่ยวนอกเมืองเกือบอาทิตย์ หมดกันวันหยุดอันแสนหวาน ผมที่กำลังง้วนอยู่กับเครื่องยนต์ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินมาข้างหลัง มือใครบางคนสะกิดที่ไหล่ ผมสะดุ้งสุดตัวพร้อมหันไปเตรียมใช้ประแจในมือเตรียมฟาด
“เดี๋ยว ๆ ๆ ฉ...ฉันเอง ฉันเอง อย่าตีนะ!”
“บิลเหรอ” ผมลดมือลง
บิลลี่ เครชายส์ เป็นนักศึกษาเหมือนผมนี่แหละ เราเรียนที่เดียวกัน ปีเดียวกัน เขาเป็นคนสนุกสนานและร่าเริงอยู่เสมอ หน้าตาดีเป็นที่รักของทุกคนที่เห็นเขา แค่เดินผ่านหน่อยเดียวพวกผู้หญิงก็มองเป็นแถว แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของคนนี้ เป็นเกย์...
ผมส่ายหน้ากับการล้อเล่นของเขาก่อนไปจัดการกับงานตรงหน้า ผมก็ไม่ได้รังเกียจเขาหรอก เขาเคยมาสารภาพรักกับผมตอนขึ้นปีสองได้ไม่นาน แต่ผมกลัวเสียเพื่อนดี ๆ คนนี้ไปหากผมตอบตกลง เลยปฏิเสธเขาแต่แน่นอนความเป็นเพื่อนเรายังอยู่ดีเหมือนเดิม
“แอบเข้าบ้านคนอื่นแบบนี้ไม่กลัวโดนแจ้งจับหรือไง”
เขาลูบท้ายทอย พูดเขิน ๆ
“แค่จะมาเซอร์ไพรส์น่ะ โทษที”
“จ้า...ฉันลืมว่ะ มีใครไปมั้งนะ”
“ห้ะ...นึกแปป เอ่อ...พี่ชายนาย ทีเรียน่า แอนนา ฟาคัล ลูแอล ฉัน รวมนายด้วยก็เจ็ดคน”
ผมถอนหายใจ “นี่แน่ใจเหรอว่าไปเที่ยวพักร้อน ฉันนึกว่าย้ายบ้านนะเนี่ย”
“เอาน่าทำไงได้ ในบรรดาพวกเรา นายขับรถใหญ่เก่งสุดแล้ว”
ผมหันมองค้อนเขา “แบ่งขับไปมั้งก็ดีนะ อัดไปแบบเนี่ยพอเกิดเรื่องขึ้นก็โทษฉันอีก นายก็รู้ว่าเวลาขับรถอารมณ์ฉันเป็นยังไง”
“ก็อย่างที่เห็นน่ะแหละ”
ผมกำประแจแน่นเตรียมง้างแต่เสียงพูดคุยของเพื่อนของพี่ชายกับเจ้าตัวที่เคารพรักดังขึ้นซะก่อน ผมเปลี่ยนเป็นมองหน้าคาดโทษเขาแทนพร้อมขยับปากพูดแบบไม่มีเสียง
‘ฝากไว้ก่อน’
“เฮ้น้องชาย! ทำงานถึงไหนแล้ว”
“ถึงอย่างที่เห็นน่ะแหละ” ผมเอื้อมมือไปหยิบผ้าขิ้ริ้วมาเช็ดมือ
เอร่อน ชื่อพี่ขายของผม เขาจับฝากระโปรงรถดันปิดมันเต็มแรงเฉียดหน้าผมไปนิดเดียว
“กวนเหรอ”
“มิกล้า แต่ถ้านายทำแบบนั้นอีก เราจะไม่มีรถไปเที่ยวกันนะ”
เอร่อนไม่พูดอะไรอีกก่อนผละไปรวมตัวกับเพื่อน ๆ ส่วนผมโยนผ้าขี้ริ้วลงกล่องเครื่องมือด้วยอารมณ์ล้วน ๆ
“กินรังแตนกันแต่เช้าเลยนะ”
ทีเรียน่า เธอเป็นสาวสวยที่ใคร ๆ ก็พร้อมใจถวายหัวใจให้ เป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปี ผมเคยขอเธอคบด้วยล่ะ ตอนนั้นผมไม่นึกเอะใจว่าทำหล่อนที่ตอบรับคำขอผม...สุดท้ายก็รู้ วันนั้นผมเลิกเรียนเร็วเลยไปหาเธอที่บ้าน เพราะเจ้าตัวบอกว่าป่วยเลยพักการเรียนไปสามวัน พอไปหาพ่อแม่หล่อนบอกว่าตอนนี้หล่อนอยู่กับเพื่อนของเธอ ผมคิดแค่ว่าเพื่อนหล่อนคงมาเยี่ยม พอผมไปถึงห้องหล่อน ผมก็ได้ยินเสียงเอร่อนอยู่ข้างใน กำลังนัวเนียกันอยู่เลยล่ะ วันต่อมาหล่อนมาเรียนปกติ ผมเลยขอเลิกกับเธอทันที
“แล้วไง”
“เฮอะมิน่านายถึงทำให้เอร่อนปวดหัวได้ขนาดนี้”
“เธอจะบอกว่าแค่นอนกับเอร่อนถึงกับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในครอบครัวฉันเชียวเหรอ แม่คนมีญาณทิพย์”
หล่อนพูดเสียงเข้ม “เรื่องฉันกับพี่นายมันเป็นเรื่องของพวกฉัน”
“งั้นเรื่องที่ฉันกับพี่ชายฉันทะเลาะก็เป็นเรื่องของฉัน”
ผมเริ่มปะทะคารมณ์กับหล่อน บิลลี่ที่นั่งดูพวกผมทะเลาะกันถึงกับเดินมาห้าม
“พอเลยทั้งคู่แหละ เรื่องเก่าก็ลืม ๆ ไปมั่งเถอะ ปลงซะมั่ง”
ทีเรียน่าเดินสะบัดหน้าจากไป ผมหันไปเก็บอุปกรณ์
“ขอบใจ”
“คิดซะว่าไปเที่ยวระบายอารมณ์เถอะ”
ผมยักไหล่แล้วกำลังจะเดินไปสตาร์รถดันไปเห็นทีเรียน่าคุยกับเอร่อนอยู่ เหมือนกำลังฟ้องเรื่องที่ผมพูดใส่เธอไปเมื่อกี้ ผมส่งเสียงเบา ๆ เรียกให้บิลลี่ดู
“ที่นี่ใครกันแน่ที่ไม่ปลง” ผมสตาร์รถเปิดแอร์ให้เย็นชุ่มใจ “เรียกทุกคนขึ้นรถเถอะ”
เมืองซันนิ่ง เป็นเมืองที่มีแดดตลอดทั้งปี เป็นอีกเมืองที่นับได้ว่าอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจที่ไม่ว่าตรงส่วนไหนของเมืองก็จะมีแต่ครอบครัวมีฐานะกันทั้งนั้น รวมถึงครอบครัวผมด้วย ก็แค่เปลือกนอก
ภายในรถเต็มไปด้วยความครื้นเครงของเพื่อน ๆ เอร่อน การขับรถวันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ยังดีที่บิลลี่นั่งข้างคนขับ ผมเลยผ่อนคลายไปได้บ้าง
พวกเขามีโปรแกรมจะไปทดสอบความกล้ากันที่คฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่นอกเมือง เขากับเอร่อนไปดูปลายทางมาแล้ว เอร่อนเห็นดิบเห็นดีว่าพวกเขาจะไปที่นั่นช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้แต่สำหรับผม...มันไม่เข้าท่าแหะ
“สรุปเราจะไปที่นั่นกันจริงเหรอ” ทีเรียน่าถามเอร่อนด้วยเสียงออดอ้อน ชวนอ้วกจริง ๆ
“เธอไม่ชอบเหรอ”
“ก็แหมที่คฤหาสน์เก่านั่นมีข่าวลือด้วยนะ ว่ามีคนที่เข้าไปแล้วไม่ได้กลับเข้ามา”
“เห็นไหมออกจะน่าสนุก” เอร่อนหันไปข้างหลัง “นายว่าไง” เขาถามลูแอล
ในบรรดาทุกคนลูแอลเป็นคนเงียบที่สุดในกลุ่ม เขามักจะชอบฟังเพลงหรือทำอะไรก็ตามแต่ที่ตัวเขาชอบอยู่คนเดียวตลอดเวลา ยกเว้นก็แต่มีคนชวน
“ฉันได้หมดแหละ”
จบ...
“ถ้าลูแอลโอเคฉันก็โอ” ฟาคัลถือหาง
พอลองคิด ๆ ดูเหมือนลูแอลจะเคร่งขรึมสุดและเป็นผู้ใหญ่สุด หน้าตาบอกคำเดียวว่าเอร่อนยังชิดซ้าย ยิ่งเอามาเดินข้างบิลลี่ด้วยแล้ว...ให้ตายสิไม่อยากนึกเลยว่าพวกผู้หญิงจะกรี๊ดกันแค่ไหน เอร่อนดูเกรงใจลูแอลที่สุดไม่ว่าลูแอลจะพูดอะไรเอร่อนก็เห็นดีเห็นงามด้วยหมด เหอะแล้วทำมาเป็นวางก้ามกับน้องชายอย่างผม แน่จริงเล่นพวกเดียวกันสิ
ส่วนฟาคัลเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากตอนเหนือ หน้าตาก็โอเค เรียนดีแต่เสียอย่างเดียว ที่เป็นเสือผู้หญิงไม่งั้นคงมีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว
“แอนนาเธอล่ะ”
แม่คนนี้แค่ยักไหล่แล้วมองนอกต่างต่อ ไม่สนอะไรเลยแหะแต่ให้ความรู้สึกเหมือนลูแอลแค่ดูหลอนกว่า
ผมปล่อยให้พวกผู้ใหญ๋ใหญ่ด้านหลังคุยสัพเพเหระไป ผมมองดูจีพีเอส ใกล้ออกจากเมืองแล้วพร้อมฝนที่เริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล
‘ขอให้ผ่านไปด้วยดีเถ๊อะ’
ณ ส่วนกลาง บ้านหลังใหญ่ของนายท่านดาบ ลูซิเฟอร์ กำลังนั่งพักผ่อนอยู่หลังบ้านเจ้าตัวกำลังนั่งดูจูเลียหลับบนเก้าอี้เอนตัวโปรดของเธอ มือสวยข้างหนึ่งของเธอวางบนท้องที่เริ่มนูนขึ้นมานิดหน่อย เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบหลังเธอ อาการแพ้ท้องดีขึ้นเรื่อย ๆ นับแต่เธอรับสารอาหารเหลวของคนท้อง ถึงจะได้หมอฝีมือดีอย่างมีแกน ไซร์หรือแม้แต่พวกหัวหน้าแพทย์ เขาก็ยังรู้สึกว่าจะไม่มีวันเจอหน้าลูกน้อยคนนี้ของเขา
ประตูหลังบ้านเปิดอ้า คนสนิทของเขาเดินมาหาเขา
“คุณหนูชานส์กับคุณแฮร์รี่มาครับ” เขากระซิบเพราะกลัวจูเลียจะตื่น
“รู้แล้ว” เขาก้มลงจูบแก้มนวลก่อนค่อย ๆ ผละออกแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ไปที่ห้องทำงาน “นาน ๆ ทีจะได้เห็นเธอทั้งคู่อยู่ด้วยกันขาดไปคนสินะ”
“ช่วงนี้อากาศกำลังร้อนเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะอารมณ์เสีย ท่านไม่เป็นรึ” ชานส์พยักหน้านิด ๆ ให้เขา แฮร์รี่เองก็ทำแบบเดียวกัน
ดาบผายมือให้ทั้งคู่นั่ง “ไม่ได้มาเพราะจะคุยเรื่องเดวิดหรอกใช่ไหม”
“เด็กน่ารัก ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังไปเที่ยวที่คฤหาสน์ของเจ้านั่น เห็นว่าพวกเขาจะไปท้าทายความกล้ากันนะ อืม...อยากไปด้วยจังเลย” แฮร์รี่พูดพลางยิ้มชอบใจ
“ถ้ามีใครถามฉันว่าใครแปลกประหลาดสุดในเมืองขอตอบว่าเป็นนาย แฮร์รี่” ชานส์เขยิบห่างจากเพื่อนรัก
“ถูกของชานส์แต่ที่แฮร์รี่พูดก็ใช่ว่าจะผิด สำหรับคนตายอย่างเรามันเป็นสิ่งบันเทิงใจหนิจริงไหม”
“ในเมื่อเด็กพวกนั้นไปถึงจะให้เขาจัดการเลยไหม” แฮร์รี่เท้าแขนข้างหนึ่ง ใช้นิ้วชี้เล่นปอยผมสีขาวของตน
ดาบหลุบตามองโต๊ะแล้วพูดออกมา “แล้วแต่เจ้าตัวเขาน่ะแหละ แต่ไปเตือน ๆ หน่อยก็ดี ขึ้เกียจมานั่งฟังมันโวยวายเพราะฆ่าเร็วเกินไปอีก ไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มางอแงไปรอบแล้ว”
“ช่วยไม่ได้นี่นาเล่นฆ่ารวดเดียวแบบนั้นจะโทษใครได้ล่ะ” ชานส์อดใจบ่นไม่ได้
“ดูแลเขาหน่อยเผื่อรอบนี้เจอคนถูกใจ จะได้เลิกโวยวายสักที”