“สวัสดีค่ะ ดิฉันเวียงพิงค์ ขวัญคำ มาพบผู้จัดการฝ่ายบุคคลค่ะ”
“คุณเวียงพิงค์ที่จะมาเซ็นสัญญาใช่ไหมคะ ผู้จัดการบอกเอาไว้เรียบร้อยเชิญเดินไปทางซ้ายมือเลยค่ะ ผู้จัดการอยู่ชั้นสอง” พนักงานประชาสัมพันธ์บอกพร้อมกับผายมือเชิญอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณมากค่ะ” เวียงพิงค์บอกพร้อมกับยิ้มหวานเช่นกัน จากนั้นจึงได้จูงมือเมษาเดินเลี่ยงมาทางซ้ายมือของตัวเองเพื่อขึ้นบันได เมื่อมาถึงชั้นสองเวียงพิงค์ก็ตื่นตากับห้องทำงานของฝ่ายบุคคลเป็นอย่างมาก ทุกคนนั่งทำงานเป็นสัดส่วนโดยมีฉากสีฟ้ากั้นเอาไว้ เป็นโต๊ะทำงานของใครของมัน หนึ่งล็อคจะมีโต๊ะทำงานอยู่สองโต๊ะ และเมื่อเวียงพิงค์เดินเข้าไปเรื่อยๆ ทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว และด้วยมารยาทที่ดี เธอยกมือไหว้ทุกคนเลยทีเดียว
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าห้องผู้จัดการฝ่ายบุคคลอยู่ห้องไหน” เวียงพิงค์ถามพนักงานคนหนึ่งอย่างสุภาพ
“เดินตรงไปข้างหน้าเลยค่ะ ห้องกระจกนะคะ เอ่อไม่ทราบว่าใช่คนที่จะมาเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ”
“เอ่อใช่ค่ะ” เวียงพิงค์ตอบแบบเขินอายเล็กน้อย
“ยินดีด้วยอีกครั้งหนึ่งนะคะ เชิญเลยค่ะผู้จัดการรออยู่” พนักงานบอกอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” จากนั้นเวียงพิงค์กับเมษาจึงเดินตรงไปด้านหน้าของตัวเอง ซึ่งมีห้องตรงหน้าและมีประตูกระจกสีขาวขุ่น พร้อมกับมีป้ายชื่อของผู้จัดการด้วย แต่แน่นอนว่าด่านแรกก่อนเข้าห้องผู้จัดการก็จะมีเลขานุการนั่งอยู่
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเวียงพิงค์ มาขอพบผู้จัดการค่ะ” เวียงพิงค์ยกมือไหว้
“อ๋อ สวัสดีค่ะ เชิญเลยค่ะผู้จัดการรอคุณอยู่คนเดียวเลย” รออยู่คนเดียวแปลว่ามาสายหรือเปล่า ก็มาก่อนเวลาอยู่นะ เวียงพิงค์คิด
“เอ่อ ฉันมาสายหรือเปล่าคะ หรือว่ามีคนอื่นๆ ด้วย”
“เปล่าค่ะคุณไม่ได้มาสาย แต่วันนี้มีคุณคนเดียวที่ผู้จัดการมีธุระด้วยน่ะค่ะ”
“เหรอคะ ฉันนึกว่าตัวเองมาสายแล้วทำให้รอเสียอีก”
“ไม่หรอกค่ะเชิญเลย แต่รบกวนเพื่อนคุณเวียงพิงค์นั่งรอด้านนอกก่อนนะคะ” เลขาฯ หน้าห้องบอกอย่างสุภาพอีกครั้งเพราะงานนี้มันเป็นเรื่องของเวียงพิงค์คนเดียว
“ได้ค่ะ พิ้งค์เข้าไปเลยเดี๋ยวเมย์รออยู่ด้านนอกนะ”
“จ้ะ” เมื่อสองสาวตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เวียงพิงค์จึงเปิดประตูเข้าไปทันที ผู้จัดการสาวคนเมื่อวานนั่งรออยู่ก่อนแล้ว โดยหันหน้ามาที่ประตูทางเข้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเวียงพิงค์ ขวัญคำค่ะ” เวียงพิงค์แนะนำตัวและยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ คุณมาก่อนเวลาเสียอีก เชิญนั่งค่ะ” ผู้จัดการสาวบอกพลางผายมือเชิญให้เวียงพิงค์นั่งเก้าอี้ด้านหน้า
“ดิฉันกลัวรถติดและกลัวมาสายน่ะค่ะ” เวียงพิงค์อธิบายก่อนจะนั่งลง
“ดีแล้วค่ะ รักษาเวลาดีมาก และมันเป็นด่านแรกที่ท่านประธานจะชอบด้วย เพราะท่านซีเรียสเรื่องเวลา”
“จริงเหรอคะ ท่าทางท่านจะดุมากนะคะ”
“ตอนนี้ยังไม่มั่นใจว่าดุแค่ไหน เพราะท่านเพิ่งมารับตำแหน่งหมาดๆ เลย”
“อ๋อค่ะ หวังว่าท่านคงไม่เรียกพนักงานตัวเล็กๆ อย่างดิฉัน เอ่อ”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ท่านไม่เรียก ท่านจะเรียกแต่ผู้จัดการขึ้นไปรับงานแล้วก็มากระจายให้พนักงานอีกครั้งหนึ่ง ท่านไม่มาคลุกคลีกับเราหรอก”
“ค่อยโล่งอกค่ะ”
“มาคุยกันเรื่องทำงานดีกว่า เออจริงสิ มีชื่อเล่นไหมจ้ะจะได้เรียกถูกแล้วก็เป็นกันเอง จะได้ไม่เกร็งไง”
“ดิฉันชื่อพิ้งค์ค่ะ อายุยี่สิบเอ็ดปี”
“ชื่อจริง คล้ายจะแสดงให้เห็นว่าเป็นคนภาคเหนือ แต่ชื่อเล่นน่ารักมาก” ผู้จัดการสาวเอ่ยทั้งที่ความจริงแล้วอ่านประวัติเวียงพิงค์เรียบร้อย
“ใช่ค่ะพิ้งค์เป็นคนเชียงใหม่”
“เป็นสัญลักษณ์ของสาวเหนือที่ ขาว สวย น่ารัก และตัวเล็ก พี่ชื่อโรสค่ะ หรือรสสุคนธ์ เรียกพี่โรสก็ได้”
“พิ้งค์ไม่กล้าเรียกหรอกค่ะคุณเป็นผู้บริหาร ไม่กล้าเรียกชื่อเล่นเลย”
“พนักงานที่นี่ก็เรียกว่าพี่โรสทั้งนั้นแหละจ้ะ เราอยู่กันแบบเป็นกันเอง เจ้ายศเจ้าอย่างแบ่งชั้นกันเกินไปลูกน้องจะอยู่ลำบาก”
“ดีจังเลยค่ะ ลูกน้องทำงานด้วยจะได้ไม่เครียด ขอบคุณค่ะ”
“จ้ะ มาว่ากันด้วยเรื่องสัญญากันดีกว่า จากนั้นพี่จะได้พาพิ้งค์ไปฝากเนื้อฝากตัวที่ฝ่ายออกแบบและฝ่ายการตลาด สองฝ่ายนี้ต้องทำงานร่วมกัน” พูดจบรสสุคนธ์ก็เปิดแฟ้มขนาดใหญ่สีเขียว ซึ่งเป็นแฟ้มสำหรับใช้เสนอเอกสารเซ็นนั่นเอง และเอกสารฉบับนี้เดินทางไปให้ท่านประธานเซ็นเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะลงมาที่ห้องทำงานนี้เอง
“ลองอ่านรายละเอียดดูนะจ้ะ สงสัยข้อไหน” เมื่อรสสุคนธ์พูดจบเวียงพิงค์จึงก้มหน้าลงอ่านทันที
“ส่วนเรื่องเงินเดือนให้ตามวุฒิปริญญาตรีนะจ้ะ แต่ตำแหน่งที่พิ้งค์กำลังจะได้ทำเนี่ย เงินเดือนขึ้นเร็วเพราะเราได้แสดงฝีมือบ่อยมาก ถ้าเจ้านายเห็นดีก็มีโอกาสได้เพิ่มเงินเดือนเรื่อยๆ” เมื่อรสสุคนธ์พูดจบเวียงพิงค์ก็เซ็นชื่อลงไปทันที พร้อมกับเปิดดูหลักฐานอื่นๆ ซึ่งเธอนำมาให้ตอนสมัครประกวด และทุกอย่างอยู่พร้อม เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอก็คืนเอกสารให้รสสุคนธ์ทันที
“ยินดีต้อนรับพนักงานใหม่จ้า ทีนี้เราก็มาตกลงเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวมาทำงาน ส่วนเรื่องเวลาพี่ได้บอกไปแล้วใช่ไหม อีกอย่างเจ้านายเราไม่ชอบให้ใส่กระโปรงสั้นหากเป็นเดรสหรือชุดแสกความยาวก็ได้ประมาณที่พิ้งค์ใส่มานี่พอดี เลยหัวเข่าขึ้นไปนิดหน่อย และเสื้อแขนในตัวได้ แต่ห้ามคอลึกเป็นอันขาด”
“ดูเหมือนว่าท่านไม่ชอบให้แต่งตัวโป๊หรือเปล่าคะ”
“ใช่จ้ะ มันก็ดีอย่างหนึ่งจะได้เป็นระเบียบ อ๋ออีกเรื่องคือท่านห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างทำงาน แต่ให้ใช้เครื่องสำนักงานได้ นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นคนโทรเข้ามือถือเราเสียเอง และห้ามแต่งหน้าทาปากในห้องทำงานด้วย ห้ามพนักงานชายหญิงสวีทกันในเวลาทำงาน”
“ค่ะพิ้งค์จะจำไว้”
“กฎเหล็กมีเท่านี้ ต่อไปพี่จะพาพิ้งค์ไปหาผู้จัดการอีกสองฝ่ายที่พิ้งค์ต้องทำงานร่วมและประสานกัน ตามพี่มาเลย” พูดจบรสสุคนธ์ก็ลุกขึ้น จากนั้นเวียงพิงค์จึงได้เดินตามออกไปจากห้อง ขณะเดียวกันเมษาก็รออยู่หน้าห้องก่อนแล้วเช่นกันเพื่อรอให้เวียงพิงค์เซ็นสัญญาเสร็จ
“เป็นไงบ้าง” เมษาถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็โอเคจ้ะ เดี๋ยวพิ้งค์ต้องไปแนะนำตัวกับผู้จัดการฝ่ายที่พิ้งค์จะทำงานด้วยน่ะ”
“เหรอถ้าอย่างนั้นก็เริ่มทำงานเลยสิ งั้นเดี๋ยวเมย์ไม่ต้องรอใช่ไหม”
“จ้ะ เมย์กลับได้เลย ขอบใจมาก ทุกอย่างเลย ไว้เราเจอกันนะจ๊ะ”
“ได้จ้ะ ตั้งใจทำงานล่ะ สวัสดีผู้จัดการค่ะ” เมษายกมือไหว้รสสุคนธ์
“สวัสดีค่ะ” รสสุคนธ์รับไหว้ จากนั้นเมษาจึงลากลับและโบกมือลาเพื่อนอีกครั้ง ต่อมารสสุคนธ์จึงได้พาเวียงพิงค์ออกมาจากแผนกแล้วขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้น 5 ทันที