เรื่องอะไรที่เขาจะต้องตอบกันล่ะ จะต้องทำอย่างไร เธอไปคิดเอาเองเถอะ เดือดร้อนก็เรื่องของเธอ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
ชายหนุ่มเลือกที่จะปิดโทรศัพท์ไปในทันที เขาไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมารบกวนจิตใจเขาอีกแล้ว
พอกันสักที เรื่องนี้มันควรจบได้แล้ว…
เตมินทร์ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำ หวังจะให้สายน้ำพัดพาเอาทั้งความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจออกไปให้หมดสิ้น เขาใช้เวลาในการอาบน้ำค่อนข้างนานเลยทีเดียว อาบไปก็คิดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปจนเริ่มรู้สึกว่าฟุ้งซ่านผิดปกติ ถึงได้เรียกสติตัวเองกลับคืนมา
“พอได้แล้วไอ้เต ต้องหยุดคิดได้แล้ว”
เขาไม่ได้เจ็บปวดเท่าไรแล้ว แต่รำคาญตนเองที่ยังคงหวนนึกถึงฝันร้ายที่ต้องเผชิญซ้ำไปซ้ำมาเพราะความไม่เคยชิน
ชายหนุ่มบีบยาสระผมลงฝ่ามือ ชโลมไปทั่วทั้งศีรษะที่เปียกชุ่ม ก่อนจะออกแรงขยี้ไปมา กะว่าพอสระผมเสร็จก็จะไปทำอย่างอื่นตามที่ตั้งใจไว้ หากแต่ไม่ทันที่จะได้ล้างฟองสบู่ออกจนหมด อารมณ์ผ่อนคลายของเขาก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงอันไม่พึงประสงค์อีก
“ใครมันมาล็อคบ้านกูวะ!”
เสียงใครน่ะ?
ได้ยินไม่ค่อยชัดว่าพูดว่าอะไร แต่จับน้ำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิง เขาขมวดคิ้วมุ่น หันไปตามทิศทางของต้นเสียง ก่อนจะได้ยินประโยคใหม่ตามมาอีก
“ใครอยู่ในบ้าน เปิดบ้านให้กูหน่อย พวกมึงแกล้งกูอีกแล้วใช่ไหม!?”
เคร้งๆๆ!
ไม่เพียงแต่ตะโกนด่าทอดังลั่นไปทั่ว ยังมีเสียงเขย่าประตูรั้วเหล็กดังตามมาให้ได้ยินอีก
เตมินทร์คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มกายท่อนล่างทันที และใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนหนึ่งพอกศีรษะกันน้ำหยด พลันพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“ใครวะนั่น”
เขาไปหยุดหยุดที่หน้าต่าง แง้มผ้าม่านเปิดดูก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมยาวกระเซอะกระเซิง พูดจาโวยวายไม่รู้เรื่อง แต่งตัวก็มอซอ เขย่าประตูรั้วอย่างบ้าคลั่ง
คนจรจัดละมั้ง…
คิดอย่างนั้นก็เพราะสภาพของเธอนั่นละ เขาเกือบจะไม่สนใจอยู่แล้ว คิดเอาเองว่าอีกสักพักเธอก็คงไป หากแต่เมื่อเขาเดินไปแต่งตัว กลับออกมาจิบเบียร์มาเปิดจิบไปได้อึกเดียว เสียงเขย่าประตูรั้วก็ดังตามมาอีก
“กูบอกให้เปิดไง! อย่าคิดนะว่ากูไม่รู้ว่าพวกมึงแกล้งกูกันอีกแล้ว!
เคร้งๆๆ!
“กูบอกให้เปิด!”
เคร้งๆๆ!
ประสาทจะกินตาย!
ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง คงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันละทีนี้ อะไรไม่ว่า เพื่อนบ้านในหมู่บ้านจะพากันสรรเสริญพ่อแม่ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพด้วย และถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง มีหวังได้งานงอก
“เออดี! พวกมึงล็อก กูก็ปีนเข้าไปได้ ไม่ง้อหรอกเว้ย!”
จากนั้นหญิงสาวก็พยายามปีนรั้วด้วยท่าทางทุลักทุเล ทำเอาเตมินทร์ที่มองอยู่ต้องรีบเปิดประตูบ้านออกมา ตะโกนสวนไปอย่างรวดเร็ว
“ทำอะไรของคุณน่ะ!?”
อีกฝ่ายชะงักการกระทำ หรี่ตามองฝ่าความมืดมายังเขา
“นั่นใครน่ะ ไอ้เต่า หรือโรเบิร์ต?”
ไม่ใช่ชื่ออะไรพวกนั้นทั้งนั้นแหละ!
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการเค้นถามว่าเธอกำลังทำอะไรกับบ้านที่เขาใช้เป็นที่หลบภัยอยู่
“ทำอะไรอยู่ ปีนรั้วบ้านคนอื่นทำไม”
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูจะงุนงงไม่ใช่น้อยแม้ว่าเตมินทร์จะมองเห็นไม่ถนัดนัก
“บ้านคนอื่น? นี่มันบ้านฉันโว้ย! นายแหละเป็นใคร เข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไง ขโมยหรอวะ!?”
“ใครกันแน่ที่เป็นขโมยน่ะ?”
“ยุคนี้ขโมยขโจรมันเยอะจริงๆ เลยโว้ย! คอยดูนะ เข้าไปได้เมื่อไร แม่จะแพ่นกบาลให้หลาบจำเลยว่าอย่าริงัดบ้านคนอื่น!”
ฟังบ้างสิเฮ้ย!
เตมินทร์ถึงกับต้องยกมือขึ้นลูบใบหน้า ดูท่าทางแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะเป็นขโมยอะไรหรอก น่าจะเป็นคนจรจัด แถมยังสติไม่ดีอีกต่างหากมากกว่า
เขาชี้นิ้วไปที่เธอ ออกคำสั่งในทันที
“ลงไปเลยนะ ถ้ายังจะปีนเข้ามาอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ”
แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะทันทีที่สิ้นเสียง เธอก็เอาแต่ตะกายปีนจนรั้วเหล็กสั่นดังกึ้งๆๆ ก้องไปหมด
“บอกว่าให้ลงไปไง!”
แผดเสียงขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อสกัดกั้นการกระทำของผู้หญิงคนนี้
“เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะไอ้โจรชั่ว ฉันจะเอาเลือดหัวแกออกให้ได้เลย!”
เตมินทร์ตั้งท่าเตรียมตัวรอ กะว่าถ้าเธอเข้ามาจริงๆ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อป้องกันตัวเอง จากนั้นค่อยดำเนินการจับส่งตำรวจให้เข็ดหลาบไปสักทีหนึ่ง
ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรตามใจคิด ก็มีรถกระบะคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านข้างๆ ก่อนจะมีเสียงผู้ชายดังตามมาให้ได้ยิน
“เฮ้ยอีป้า! ทำอะไรวะนั่น!”
“ไปปีนบ้านของคนอื่นเขาทำไม ลงมา!”
ผู้หญิงคนนั้นหันไปมองตามเสียง ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
“นี่มันบ้านกู กูจะเข้าบ้าน!”
“บ้านป้าแป๊ะอะไรล่ะ บ้านป้าหลังนี้ต่างหากโว้ย! ไปมึงอะ ไปช่วยกันเอาอีป้านี่ลงมาเร็ว!”
จากนั้นก็มีผู้ชายอีกคนมาช่วยรั้งร่างเล็กลงมาจากรั้วหน้าบ้าน ขณะที่ผู้ชายอีกคนเดินตามเข้ามาสมทบ ก่อนผงกศีรษะเป็นการขอโทษชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่เป็นการใหญ่หลังจากที่พาตัวผู้หญิงคนนั้นลงจากรั้วได้แล้ว
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีป้ามันเมาเลยรุงรังไปหน่อย หวังว่าจะไม่ถือสานะครับ”
ก็อยากจะถือสาอยู่หรอก แต่ใครมันจะไปอยากมีเรื่องกับคนบ้า แถมเป็นมนุษย์ป้าอีก แค่ปัญหาที่เขามีก็ชวนปวดหัวตุบๆ อยู่แล้ว เขาไม่หาเหาใส่หัวเพิ่มหรอก
เตมินทร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ยืนมองความวุ่นวายนั้นอยู่เงียบๆ กระทั่งชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันยื้อยุดฉุดกระชากผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าไปในบ้านข้างๆ ได้ แต่ก็มิวายมีเสียงดังโวยวายส่งท้ายมาให้ได้ยิน
“กูบอกแล้วว่าอย่าให้อีป้ามันกลับบ้านคนเดียว เป็นไงล่ะ เกือบเป็นเรื่อง!”
“ใครเมา! กูไม่เมาโว้ย! ไม่ม๊าววว!”
ไม่เมาก็แย่ละ!
เตมินทร์ถอนหายใจออกมาเต็มแรง คงจะจบเรื่องแล้ว
เขาหันกลับเข้าไปในบ้าน เดินไปทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ยกกระป๋องเบียร์ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ขึ้นมาตั้งท่าจะจิบอีกครั้ง แต่ดันฉุกใจอะไรขึ้นมา ทำให้ต้องวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปที่ประตู จัดแจงล็อคบ้านด้วยกลอนทั้งหมดที่มี รวมไปถึงเช็คกลอนหน้าต่างทุกบานอย่างละเอียดอีกด้วย แน่นอนว่าหลังบ้านก็ไม่เว้น
เขายืนมองผลงานของตนเอง ก่อนเดินกลับมาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างเดิม ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นไว้ในมือ ตามด้วยถอนหายใจอีกครั้งเมื่อยังคงได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงดังแว่วมาให้ได้ยินจากที่ไกลๆ
อย่าได้ปล่อยให้หลุดมาหาเขาอีกเลย ขอร้องล่ะ!