Nakin says…
หมายความว่าไงเอาผมไปเขียนเป็นพระเอกนิยายตัวเอง แล้วมาว่าผมอย่างนั้นอย่างนี้ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ไม่น่ารักเลยจริงๆ คนเราสมัยนี้ปากไม่ตรงกับใจเอาซะเลย ผมชูแขนซ้ายขึ้นมองนาฬิกาควอตซ์สายหนังสีดำเพื่อดูเวลา
วันนี้วันจันทร์ เวลาสิบสองนาฬิกาสิบห้านาทีคือเวลาที่ยัยก๊อยตัวร้ายจะโทรมา เอาล่ะ สาม สอง…
Rrr Rrr …
โทรศัพท์ของผมสั่นในกระเป๋ากางเกงข้างซ้าย ปรากฏรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก นี่แน่ะ ยัยนักเขียนขี้มโนปากแข็งนั่นต้องคิดอะไรกับผมแน่ๆ รูปใบหน้าตลกๆ ขึ้นมาที่หน้าจอ ผมเล่นตัวอยู่สองสามวินาทีก่อนจะกดรับ
“นี่ตั้งเวลาโทรไว้ปะ? เป๊ะตลอด” ผมแหย่ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ในหัวก็ยังหัวเราะดังหุๆๆๆ เหมือนคนโรคจิต =_=; อ้าวทำไมอ่ะ ผมรู้สึกว่าผมชนะเลิศจะมีความสุขก็คงไม่ผิดปะวะ?
[หิว] ปลายสายบ่นด้วยเสียงอิดโรย ให้เดา ยัยก๊อยคงนั่งหน้าจอคอมเหมือนซอมบี้ปั่นต้นฉบับด้วยความเร็วแสงแล้วทำความสะอาดบ้านเมื่อเช้าถึงค่อยออกมามหาลัย
“ไปหาไรกินสิ” ผมกวน ผมรู้ว่ายัยก๊อยอยากให้ผมไปรับที่คณะนิติศาสตร์เพราะขี้เกียจเดิน
[โครก~ คราก~]
=_=^
[ท้องร้องดังมากอ่ะ ได้ยินปะ?] ปลายสายว่าเดาอีกที ยัยนี่ต้องเอามือถือไปจ่อที่พุงแหง นี่เธอลืมความเป็นกุลสตรีไปตั้งแต่ในท้องแม่แล้วใช่มั้ย? เหนื่อยใจชิบ =____=^
“จะให้ฟังเพื่อ?”
[โครก~ คราก~] แล้วมันก็มาอีก
“โอ๊ย พอเลย อยู่ไหน จะกินไร พูด!” ผมหงุดหงิด จะรอให้ยัยนี่พูดก่อนเส้นประสาทผมคงขดพันกันเป็นเงื่อนขัดสมาธิสี่ร้อยรอบจนอุดตันตายแน่ๆ
[อยู่ซุ้มนิติ พี่เป็ดกับพี่จ๋อก็อยู่เนี่ย] ยัยนั่นว่า พี่เป็ดคือเพื่อนของไอ้จ๋อ ผมก็ไม่เข้าใจว่ายัยนั่นจะเรียกพี่ทำไม ทั้งที่พวกเราก็รุ่นเดียวกัน สองมาตรฐานชัดๆ
“งั้นก็ไปกินกับพวกมันสิ” ผมเบะปาก
[โครก~ คราก~]
ผมเกลียดผู้หญิงคนนี้ =_=^
[แว๊นมาเร็วๆ กระเพาะจะเป็นรูแล้ว] ยัยนั่นเร่งทำให้ผมปวดประสาท กระเพาะก็กระเพาะยัยนั่น เกี่ยวอะไรกับข้าพเจ้าวะครับผม เพื่อนกินข้าวด้วยก็มี จะมากวนผมทำไม เว้นแต่ว่ายัยนั่นจะอยากกินข้าวกับผม เฮ้อ เบื่อจัง พวกปากไม่ตรงกับใจ
“สั่งจังวะ เมียก็ไม่ใช่”
[ฝากซื้อนมร้อนที่สหกรณ์มาด้วยดิ อยากกิน]
เอาเข้าไป นี่ขนาดผมบ่นขนาดนี้ยังไม่วายจะสั่งอีก ทำยังกับเป็นเบ๊เจเนอรัล ผมถอนหายใจก่อนจะกระแทกเสียงว่า ‘เออ’ สั้นๆ แล้วตัดสายทิ้งแม่งซะเลย ไอ้วินมองหน้าผมอย่างหมิ่นเหม่
“คบกันอยู่?”
“ตลกละ มึงดูหน้ากูด้วย” ผมปฏิเสธเสียงแข็ง “ก๊อยแม่งเยอะจะตาย ใช้นู่นใช้นี่ยังกับกูเป็นขี้ข้า อะไรๆ ก็กู น่าเบื่อ เมื่อวานก็หาเรื่องมาว่ากูอีก ทั้งที่พยายามคุยดีด้วยแล้วนะ รู้ตัวอีกทีก็จะตีกันอีกละ” ผมสาธยายเป็นฉากๆ อย่างเก็บกด ไอ้วินยกยิ้มที่มุมปากและพยักหน้ากวนๆ
“ตอบว่าไม่ก็พอแล้วมั้ง พูดเยอะแยะเหมือนคนกำลังแก้ตัว”
“ไม่ตลก ไอ้วิน =_=” ผมย่นจมูก
“พลอยอาจจะชอบมึงก็ได้นะ” ไอ้วินยิ้มกวนแหย่ผมให้ไขว้เขว นี่เลยงานอดิเรกมัน ไม่รู้นิสัยนี้ไปได้มาจากใคร ดูไม่ออกด้วยว่าจริงหรือเล่น
“อย่ามาไซโคกูขอร้อง =_=” ผมตีหน้าตาย
“จริงๆ กูว่าพลอยชอบมึง” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ฉายประกายแพรวพราว
“อย่าๆ ไอ้เวร!”
“คิดดิ ในบ้านพลอยก็สนิทกับมึงที่สุด” มันแตะมือที่ไหล่ผมพร้อมใบหน้าจริงจัง แต่ไม่จริงใจ ไอ้วินชอบเล่นอะไรประหลาดๆ แถมชอบแกล้ง ผมก็เลยไม่เชื่อใจมันสักเท่าไหร่ มันต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมผมแน่ๆ “เมื่อกี้ก็โทรหามึง ไม่เห็นโทรหากูเลย”
“…” ก็จริงนะ เอ๊ะ น่าคิด “เพราะมึงมีแฟนแล้วรึเปล่า?”
“แฟนกูไม่ได้งี่เง่าขนาดที่จะแยกเพื่อนกับแฟนไม่ออก”
“พอเลยๆ ไม่ต้องมาไซโคกู” ผมยกมือห้ามทัพก่อนที่มันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่ความดื้อและเอาแต่ใจของมันน่ะมากเกินกว่าที่ผมจะห้ามได้ ไอ้วินขยับตัวเข้าหาผมพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างที่บ่าและบีบแน่นๆ
“ความจริงพลอยก็น่ารักดีนะมึง”
“ไอ้วิน กูบอกว่าให้หยุด =_=”
“ถ้ากูไม่ได้คบกับฟ้ามาก่อน กูอาจจะจีบ”
“ไอ้เหี้ยวิน” ผมยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆ จนมันหัวเราะขำๆ
“ก็ลองเอาไปคิดดู… กูเคยพูดผิดเหรอ?” มันเหยียดยิ้มติดเลศนัยน์แล้วโบกมือบ๊ายบาย ทิ้งผมไว้กับความรู้สึกหนักหน่วง เป็นบ้าอะไรของมันอยู่ๆ มาพูดงี้ได้ไง ผมลำบากใจนะโว้ย ไม่รู้เหรอว่ามันวางตัวลำบาก โอ๊ย ไม่รู้แล้ว ช่างแม่ง!
‘กูว่าพลอยชอบมึง’
ถึงจะพูดอย่างงั้นก็เหอะแต่ไอ้ประโยคในหัวมันก็วนเวียนในมันสมองผมอยู่ดี…
ตึก…
ตึก ตัก…
โอ๊ย หงุดหงิดจริงโว้ยยยย!
Asawin says…
“วิน มาทำไมแถวนี้?” เสียงฟ้าที่เดินตามหาผมบ่นอุบที่อยู่ๆ ผมก็นัดเธอมาที่นี่ ผมก็แค่คิดว่าบรรยากาศลานคณะวิทยาศาสตร์มันฟินๆ ดี อีกอย่างพ่อผมเคยเรียนที่นี่มาก่อนด้วย ก็แค่อยากจะเดินมาดู
“อยู่ดีๆ ก็อยากมาอ่ะฟ้า ^O^” ผมยิ้มอ้อนก่อนจะมองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นในมือ สายเรียกเข้าจากใครน่ะเหรอ…
น้ำพลอย is calling…
ทุกวันจันทร์เวลาสิบสองนาฬิกายี่สิบห้านาที โทรศัพท์ผมจะสั่นและดังจากเธอเสมอ แต่ผมไม่เคยรับ ก็แค่ขี้เกียจ ไหนๆ วันนี้ก็เอาซะหน่อยแล้วกัน… ผมมองหน้าฟ้าก่อนจะส่งสายตาขอเวลาห้านาทีเพื่อรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล ว่าไง”
[หิว]
ผมหัวเราะเพราะคำพูดแม่งก๊อบมาจากบทสนทนาที่ผมได้ยินตอนเธอคุยกับไอ้คินเป๊ะๆ
“แล้วไงต่อ?”
[โครก~ คราก~] ตามมาด้วยเสียงเอฟเฟคประกอบความหิว เอาเข้าไป คนดูแลบ้านที่ผมอยู่ แม่งดูแลตัวได้รึยังวะ ชักไม่มั่นใจ
[มากินข้าวกัน อยู่ซุ้มนิติกับพี่จ๋อพี่เป็ด] เธอเอ่ยปากชวน ผมเหล่สายตามองฟ้านิดหน่อย
“อยู่กับฟ้าอ่ะ เออ ก๊อยบอกไอ้จ๋อกับไอ้เป็ดให้หน่อยดิ” ผมเริ่มประโยคพลางคิดเรื่องชั่วๆ ในใจ อะไรน่าสนุกนี่งานถนัดนะครับ บอกเลย
[บอกอะไรอ่ะ?]
“บอกมันว่าวินมีเรื่องด่วนอยากคุยด้วย ตอนนี้เลย เจอหอสมุด โอเคนะ”
[อ่า…] เสียงของปลายสายดูลังเล เพราะเธอชอบกินข้าวด้วยกันเยอะๆ แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงจนได้ ฟ้าหรี่สายตามองผมอย่างจับผิด เพราะเวลาที่ผมคิดเรื่องชั่วๆ ทีไร ผมชอบเผลอยิ้มเกินไปทุกที
“จะแกล้งอะไรใครอีกล่ะ” ฝ่ามือเล็กนั่นพุ่งเข้ามาทางผมแต่ด้วยความไวยิ่งกว่าลิงลม ผมจึงหลบไปอีกทางและหัวเราะร่วน
“เปล่าซะหน่อย เออ ฟ้า วินถามอะไรหน่อย” ผมพูดขึ้นมาเพราะนึกได้แล้วหันไปมองแฟนสาวที่ยังคงมองผมอย่างจับผิดอยู่ “ฟ้าเคยอ่านนิยายพลอยใช่ปะ?”
“ใช่ ทำไม?”
“พระเอกนิสัยเป็นไง?”
“ก็เถื่อนๆ เท่ๆ ขรึมๆ นะ เย็นชานิดๆ เพอร์เฟคเลยแหละ” แฟนของผมบรรยายลักษณะทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงใบหน้าฟินๆ ของไอ้แว๊นเมื่อกี้ ทั้งที่ความจริงแม่งตรงข้ามแทบทุกอย่าง จะบอกอะไรให้ ผมไม่เคยอ่านนิยายก๊อยหรอก แต่ที่บอกๆ มันไปอ่ะโม้ทั้งนั้น จะมาเอาอะไรกับคนอย่างอัศวิน ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ วันๆ ทำแต่เรื่องที่คิดว่าสนุก และหนึ่งในนั้นก็คือมันเนี่ยแหละ
‘พลอยอาจจะชอบมึงก็ได้นะ’
‘อย่ามาไซโคกูขอร้อง’
เฮ้อ หลอกควาย สบายใจจัง~ ^O^