EP5.2 ll กรุ๊ปบีขี้เเกล้ง [2]

1259 คำ
เสียงของคนพวกนั้นดังก้องในหัวฉันขึ้นมาทันทีที่เห็นอีตาแว๊นแย่งตับฉันไปกินอย่างหลั่นล้าพร้อมทำหน้ากวนประสาทเคี้ยวตุ้ยๆ ในแก้มข้างใดข้างนึงขณะที่พวกเราหาที่นั่งได้แล้ว ฉันหรี่สายตามองหน้าเนียนฝั่งตรงข้าม หงับ~ “ฮู้ว ตับก๊อยแม่งโคตรอร่อยเลย” อีตานั่นยักคิ้วสองที ยิ่งเขาทำแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันนึกถึง… ‘มันชอบพลอย’ โอ๊ยยย ไม่ๆ อย่าไปเชื่อพวกขี้แกล้งพวกนั้นเป็นอันขาด พวกเขาแค่อยากจะสปอยแกล้งให้ฉันคิดมากแน่ๆ จะเป็นไปได้ไงวะ แต่พอฉันคิดว่ามันไม่ใช่ไอ้คนตรงหน้าก็ดัน… หงับ~ “^O^” เคี้ยวก๋วยเตี๋ยวด้วยท่าทางร่าเริงสดใสเสมือนโลกนี้เป็นสีชมพูยังไงยังงั้น ไม่เอาอ่ะ ต่อให้หมอนี่เกิดชอบฉันจริงๆ ฉันก็คงปฏิเสธ ฉันไม่มีเวลาว่างขนาดมาดูแลคนอื่นหรอกนะ แค่เวลาเขียนนิยายเรื่องนึงก็กินชีวิตไปครึ่งนึงแล้วมั้ง T_T ตอนนี้ฉันยังแก้ต้นฉบับไม่ผ่านเลย “ลดน้ำหนักเหรอก๊อย ทำไมไม่กินวะ?” เขาว่าด้วยใบหน้าเคลือบแฝงความตะกละเตรียมจะใช้ตะเกียบเป็นอาวุธในการฉกชิงเส้นเล็กหมูน้ำตกของฉันอย่างเต็มที่ ในขณะที่เขาขยับอาวุธนั่นเข้ามาใกล้จาน ฉันก็ต่อกรด้วยการใช้ช้อนกันเขาเอาไว้ทันที นอกจากจะห้ามฉันกินข้าวแล้วยังจะมาแย่งก๋วยเตี๋ยวฉันอีก -_-^ “อย่าเนียน ไม่อิ่มก็ไปซื้อใหม่ดิ” ฉันเขม่น “โหย กินอะไรเยอะแยะวะ ไอ้หมู เดี๋ยวไขมันอุดตันตายหรอก” ดะ เดี๋ยวนะ! “ใครหมูวะแว๊น เดี๋ยวเหอะ เรียกอีกที แม่โบกจริงๆ ด้วย!” ฉันแยกเขี้ยวขู่ หนอย ตัวเองตะกละอยากจะกินของชาวบ้าน พอฉันไม่ให้แล้วมาว่าฉันเป็นหมูเนี่ยนะ เอวบางร่างเพรียวขนาดนี้จะเป็นหมูได้ไง! เซ้นซิทีฟนะเฟ้ย! “เฮ้ย อย่าร้อนตัวดิ นี่ฉันด่าตัวเองนะ ไม่ได้ด่าก๊อย” คนขี้แถว่าพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักกับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของฉัน เฮอะ ทำเป็นอ้าง จริงๆ หมอนั่นก็กะจะแซะฉันว่าอ้วนนั่นแหละ! “ยื่นตะเกียบมานี่ ฉันไม่ได้จะแย่งก๊อยกินนะ” “อ๋อเหรออออออ” ฉันลากเสียงสูง เชื่อได้มากกกก! หน้าอย่างนายเนี่ย! อมมาทั้งวัดยังคิดไม่ตกอ่ะ “เฮ้ย จริงๆ นะเนี่ย” เขาทำหน้าจริงจัง “แล้วยื่นมาทำไร?” “จะช่วยป้อนให้ กลัวก๊อยเมื่อยมือ” “-_-;;” น่าสงสัย น่าสงสัยจริงๆ ด้วย! เขาต้องมีแผนแกล้งอะไรฉันแหงๆ ปกติเขาก็ชอบถึงเนื้อถึงตัวบ้าง หยอกบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เพราะวันนี้มันเริ่มเยอะ ที่สำคัญประโยคที่พวกนั้นพูดน่ะ… ‘มันชอบพลอย’ โอ๊ยยยย! พอๆ เอามันออกไปจากหัวซะ ไร้สาระที่สุดในโลกหล้า ไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา ถ้าบอกว่าเป็นคนอื่นฉันอาจจะเชื่อก็ได้ แต่ถ้าไอ้บ้านี่ล่ะก็นอกจากความรู้สึกจะไม่เต็มร้อยแล้วยังติดลบอีก “เห็นเป็นคนยังไงวะเนี่ย?” ก็ไม่คนยังไงหรอก มันแค่… ‘มันชอบพลอย’ ออกไป… ออกไปจากร่องสมองของฉันสักทีเซ่ ไอ้ประโยคบ้าบอพักนี้ T^T “แล้วนี่เรียนเสร็จยัง มีเซคบ่ายปะ?” เขาเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นฉันไม่ตอบ และถามถึงคาบเรียนต่อๆ ไป ซึ่งแน่นอนว่าการเรียนภาคนิติศาสตร์จะเข้าหรือไม่เข้าก็ได้เพราะไม่เช็คชื่อ ดั่งคำกล่าวที่ว่า นิติเรียนสบาย แต่ตายตอนสอบ ดังนั้นเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่เยาวชน ขอให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่าน… “ไม่มีอ่ะ ^O^” แฮ่ ฉันไม่ได้ชั่วนะ ฉันแค่ถนัดการนั่งอ่านเอาเองมากกว่าไปฟังครูสอนอ่ะ ถึงเข้าไปก็หนีไม่พ้นนั่งกดโทรศัพท์ชัวร์ “เหมือนกัน แล้วไปไหนต่อ กลับกันเลยดีปะ?” เขาว่าขณะที่ขโมยน้ำลำไยฉันไปดูดหน้าด้านๆ -_-^ ก๋วยเตี๋ยวยังไม่พอนี่ล้างผลาญยันน้ำลำไย ไอ้คนไม่ลงทุน! “กลับเลยก็ดีนะ วันนี้จะนั่งแก้ต้นฉบับด้วย T^T” ฉันถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึงตารางงานยาวเหยียดที่รออยู่ “แล้วก็จะได้ไปนั่งดูซีดีที่แว๊นเอามาให้ด้วย” “อ๋อ ที่บอกว่าต้องแก้ฉากพระนางแซ่บกันอะนะ” “เออดิ เค้าบอกว่าอ่านแล้วไม่รู้สึกอะไรสักนิด นี่กะจะอ่านแล้วเสร็จเลยหรือไงวะ ฮึ่ย!” พูดถึงแล้วก็แอบงอน ฉันอ่านดูก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย ดันสับเละเหมือนกองขี้หมา พูดมาได้ไงว่าอ่านแล้วเหมือนตุ๊กตายางได้กัน -_-* “ให้ช่วยอ่านปะ?” เขาเสนอ แต่ขอเถอะ อย่าแตะต้องนิยายของฉันเลย ยิ่งคนรู้จักสนิทสนม ฉันยิ่งไม่อยากให้เขาอ่าน โดนล้อตายชัก! “ไม่!” “น่า ไม่ต้องเกรงใจ” “ไม่ได้เกรงใจ แต่ไม่อยากให้อ่านเฟ้ย!” ฉันตอกหน้าเขาทว่าอีตานั่นกลับหัวเราะประหลาดๆ หวังว่าคงไม่คิดอะไรแปลกๆ หรอกนะ ยิ่งเพ้อเจ้อ บ้าๆ บอๆ อยู่ -_-; “ไม่ให้อ่านนี่มีความลับอะไรปะเนี่ย?” “ไม่มี -__-” “แน่ใจ?” เขาเลิกคิ้วสูงเหมือนคาดคั้น อะไรของอีตานี่ฟะ ฉันบอกว่าไม่มีก็ไม่มีไง! “ชัวร์มาก ชัวร์ที่สุด” ฉันย้ำคำหนักแน่น เขาพยักหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งพลางหมุนตะเกียบในมือไปมา “โอเค เชื่อก็เชื่อ” เขาพูดแบบนั้นแต่หน้ามันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ได้ดูเชื่อเลยสักกะนิด -__- “ก๊อยเขียนนิยายรักใช่ปะ?” เขาถามขึ้นอีก ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงได้ถามเยอะนัก ฉันมองเขาแทนคำตอบ คนตรงหน้าก็ยกยิ้มจนตาหยีพลางยื่นตะเกียบมาแตะริมฝีปากของฉันหนึ่งที อี๋ สกปรก! “นิยายรักก็ต้องมีฉากโรแมนติกดิ คนไม่เคยมีแฟนไปสรรหามาจากไหน?” “จินตนาการอ่ะ รู้จักปะ ยูโน๊ว???” ฉันปัดตะเกียบอีตานั่นออก “จินตนาการกับมโนโลกสวยมันต่างกันแค่เส้นบางๆ นะเออ” “-___-^” “อย่างเขียนพระนางจับมือกันเงี้ย ก๊อยเคยเหรอ?” เขาร่ายขึ้นมา ฉันส่ายหน้ารัวๆ ก็ไม่เคยหรอก… “กอดกันเงี้ย” ก็ไม่อีกอะแหละ… “จูบกันเงี้ย” นี่ยิ่งแล้ว… “ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าฉันเขียนฉากคนตายนี่ฉันต้องเคยตายปะล่ะ?” ฉันทักท้วงแต่คนตรงหน้ายักไหล่ไม่ยี่หระก่อนจะเปล่งประกายนัยน์ตาปริศนามาทางฉัน พลันแสงสว่างและหมู่มวลดอกไม้ในการ์ตูนหวานแหววก็พุ่งออกมาจากดวงหน้าแสนหวาน “ก็แค่สงสัยเฉยๆ ว่าอยากจะลองไหม?” เขาพูดลอยๆ แต่กระแทกสมองของฉันอย่างจังจนสตั๊นไปครู่นึง ถ้าถามว่าอยากรู้ไหมฉันก็ตอบเลยว่ามาก เพราะฉันก็เคยคิดเหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเหมือนในนิยายที่ฉันเขียนจริงๆ เหรอ? ฉันกลอกสายตาไปมาก่อนจะสบกับคนตรงหน้าอย่างไม่ตั้งใจ พอคิดย้อนไปถึงเรื่องก๋วยเตี๋ยวที่เขาแกล้งฉันด้วยคำพูดสองแง่สามง่ามนั่น ฉันก็ชักอยากจะเอาคืนบ้าง ฉันเงียบไปครู่ก่อนจะคิดอะไรดีๆ ได้… “อยากรู้ดิ… แต่ไม่มีคนให้ลอง” นายไม่ได้อ่อยเป็นคนเดียวนะเออ♥
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม